นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่ง ดิฉันเลิกงานแล้ว และกำลังเดินทางกลับห้องพักในเมืองนาโกย่า ซึ่งเช่าห้องพักอพาร์ทเมนท์อยู่ร่วมกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกันแถวถนนอาซึกะ เป็นอพาร์ทเมนท์ใหญ่มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และมีห้องนั่นเล่น ห้องครัว ตามแบบฉบับคอนโดมีเนียมของคนญี่ปุ่น
ในไนท์คลับญี่ปุ่น สาวๆชาวต่างชาติแบบเรา หรือแถบอาเซียน มีชื่อเรียกแบบภาษาญีปุ่่น ผู้จัดการเรียกฉันว่า "อากิ" ในวัย 27 ปี ซึ่งเรียกง่ายกว่าชื่อภาษาไทยของฉัน ส่วนชื่อเล่นฉันคือ "นา" เพื่อนที่เป็นคนเอเชียด้วยกันเรียกว่า "ยูริ" รุ่นราวคราวเดียวกัน เราอยู่ในอพาร์เมนท์ห้องเดียวกันที่ทางไนท์คลับจัดหาไว้ให้ ซึ่งเราก็ต้องถูกหักเงินเป็นเช่าห้องด้วย
อพาร์ทเมนท์ของเรามีห้องส่วนตัวของใครของมัน ประตูเป็นแบบบานเลื่อน พวกเรากว่าจะกลับถึงห้องก็ปาเข้าไปตีสองกว่า อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ด้วยความอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าและฤทธิ์แอลกอฮอลล์จากการนั่งดื่มกับลูกค้า ทำให้เรานินทาแขกไม่ทันเสร็จก็ง่วงนอน อยากเข้าห้องใครห้องมันเต็มแก่
คืนนี้เป็นคืนวันอาทิตย์ต่อเช้าวันจันทร์ ทำให้ดิฉันนอนดึกหน่อย ขณะที่ยูริ เข้านอนเร็วเพื่อกลับไปหาลูกๆซึ่งอยู่นอกเมืองนาโกย่าไปอีกไกลพอสมควร เธอฝากลูกๆทั้งสองคนไว้กับคุณแม่ และสามีชาวญี่ปุ่น
ฉันอาบน้ำ รินน้ำอุ่นรดตัวอย่างช้าๆ และแผ่วเบา ค่อยๆลูกไล้สบู่ไปตามจังหวะการไหลของหยดน้ำบนร่างกายอย่างช้าๆ ยืนแช่น้ำอุ่นอยู่นานสองนาน กระทั่งรู้สึกผ่อนคลายและทุเลาจากฤทธ์ิแอลกอฮอลล์แล้ว จึงสวมชุดคลุมอาบน้ำและหมวกคลุมผมเข้าไปในห้องนอนของตนเอง ก่อนเปิดโน๊ตบุคขึ้นโต๊ะ เพื่อคุยกับเพื่อนๆและครอบครัวที่เมืองไทย
แต่นี่ตีสองกว่าแล้ว เมืองไทยก็ตีสีกว่า ฉันคงต้องรออีกสองสามชั่วโมงกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นที่ฝั่งไทย จึงลองเข้าเว็บไปตามเว็บอ่านข่าวสารบ้านเรา ดูเฟซบุคที่เพื่อนๆในโลกออนไลน์โพสต์กัน ดูกลุ่มเลส (เบี้ยน) มากมายขึ้นเป็นดอกเห็ดไม่เว้นแต่ละวัน จริงบ้างปลอมบ้าง รูปหลอกบ้าง เอารูปเน็ทไอดอลมาทำเฟซกันก็เยอะ
ที่ญี่ปุ่นไม่ได้แบ่งว่าเป็นเลสเบี้ยนหรือทอม ดี เลสเบี้ยนก็คือเลสเบี้ยนกันหมด หนังโป๊เอวีก็มีเฉพาะหนังเลสเบี้ยนเท่านัั้นไม่มีหนังทอมดี้แต่ประการใด ดิฉันเคยซื้อไม้หรอ ป่าวเลยค่ะ ของที่นี่แพงมาก ดีวีดีโป๊แผ่นหนึ่งพันห้าหรือเกือบสองพัน บ้านเรามีขายกันเกลื่อนในเน็ทแผ่นละ 50 บาทความคมชัดพอๆกัน อันนี้ไม่ได้โฆษณานะคะ เพราะฉันเองก็ไม่เคยซื้อแผ่นดีวีดีเลสที่นี่เลยสักครั้ง ได้แต่เดินเปิดปกผ่านๆ เพราะบางทีปกกับในหนังคนละเรื่องกัน
ดิฉันเข้ากลุ่มเลสเบียนกลุ่มหนึ่งในเฟซ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการโพสต์รูปแบบความรักของผู้หญิงกับผู้หญิง หรือฉากเข้าพระเข้านางเป็นคลิป ไม่ชัดแต่อาจให้ความรู้สึกฟินได้บ้าง ไม่ต่างอะไรกับเนื้อหาดีวีดี
ผู้หญิงดูหนังโป๊ คลิปโป๊ผิดปกติหรือเปล่า?
ถ้าคุณไปถามแพทย์ คำตอบคือ "เรื่องปกติ" อย่างแน่นอน มนุษย์ไม่ใช่พระอิฐพระปูน กิเลสตันณหา ความต้องการมีได้ด้วยกันทั้งนั้น ตามใดมนุษย์ยังมีฮอร์โมนทางเพศ มีความปรารถนาด้วยกันทั้งนั้น และเมื่อคนเราเข้าสู่สภาวะโหมดความเป็นส่วนตัว ใครจะไปรู้ได้ บางคนที่เราเห็นเรียบร้อย โลกสวย ทว่าเมื่อเธอหรือเขาย่างเข้าสู่ห้องนอนอันเร้นรับ อาจเปลี่ยนไปอีกคนตามอารมณ์และความต้องการของเธอหรือเขาในขณะนั้น
ใครดูคลิปเลสแล้วรู้สึก "ฟิน" ถือเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ทุก 24 ชั่วโมง ดิฉันเองก็เช่นกัน แม้ว่าบทบาทในคลิปหรือในหนังดีวีดีอาจเป็นแค่การแสดง ทว่ามันสื่อถึงธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเกิดมีความต้องการด้านเพศ หรือคุณอาจเรียกเป็น "ราคะ" ย่อมได้ และเราย่อมทำในแบบเดียวกันเหมือนในนั้น ไม่ว่าชายหรือหญิง เพียงแต่สิ่งที่ฉันกำลังเปิดดู ณ เวลานี้ คือเรื่องของผู้หญิงกับผู้หญิง มีความต้องการเซ็กซ์ในกันและกัน
ดิฉันเปิดดูคลิป เป็นแากฝรั่งของสาวทำงานคู่หนึ่งที่ระหว่างผู้จัดการสาวผมยาว ใส่เสื้อสูตรสตรีดูหรูหลา กระโปรงมินิสเกิร์ตเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เธอใส่ถุงน่องสีดำบางๆลวดลายธรรมดา แฝงด้วยความเซ็กซี่เย้ายวนใจเล็กๆ หล่อนกำลังนั่งอ่านเอกสารบนโซในห้อง ขณะที่พนักงานหญิงเลขาของตนเดินเอางานมาให้ตรวจ
เธอดูอายๆเมื่อเห็นหัวหน้านั่งโป๊ แล้วเมื่อผู้จัดการสาวเห็นลูกน้องหญิงเหมือนแอบมองอะไรบางอย่าง จึงหันขึ้นไปสบตาเธอ แล้วเลขาคนสวยทำหน้าตกใจเขินอาย
"มานั่งนี่สิจ๊ะ พี่จะอธิบายอะไรให้เธอฟังเรื่องงานหน่อย"
เลขารูปหุ่นดีมานั่งข้างๆเธอแบบห่างๆ จนผู้จัดการบอกให้เจ้าหล่อนเขยิบมาใกล้ๆ
"มานั่งใกล้ๆพี่ก็ได้ ไม่กัดหรอก" เจ้านายสาวเปรยก่อนส่งลักยิ้มให้
ลุกน้องที่หน้าตาดูขวยเขิล ขยับมานั่งใกล้ๆจนต้นขาแทบติดกัน เธอรู้สึกเหมือนไออุ่นของหัวหน้าสายตาเจ้าชูัมาสัมผัสที่ต้นขาเธอจนทำให้เธอใจเต้น ไม่ได้ฟังสิ่งที่ผู้จัดการหญิงอธิบายอะไรมากนัก แล้วเธอมัวแต่มองต้นขาผู้จัดการที่กระโปรงเลิกสั้นขึ้นไปจนเกือบเห็นโคนขา จนเธอต้องแอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย
ผจก.สาว ทำสายตาเจ้าชู้ ก่อนถามเรื่องส่วนตัวของเธอ
"น้องมีแฟนหรือยังคะ"
"ยังค่ะ" เลขาฯตอบ
"แล้วเคยมีแฟนหญิงหรือชายคะ" เจ้านายกระแวะต่อโดยสายตาจ้องหน้าลูกน้องสาวจนแทบอยากกลืนกินไปทั้งตัว
"เคยมีแฟนผู้หญิงไม" สตรีใส่สูทถามหยิกแกมหยอก
"หนูก็เคยคบทอมบ้างคะ" เธอเริ่มหายเขินอาย
"พี่เคยมีแฟนผู้หยิงนะ ไม่ต้องอายหรอก" ผู้จัดการพยายามทำให้เลขาของเธอลดความประม่า ก่อนเอื้อมือไปจับลูกน้องคนสวยมาจับที่แฟ้มเอกสารด้วยกัน พร้อมอธิบายไปด้วยสักเล็กน้อย ก่อนลดมือเธอมาทั่งหน้าตักของตนแต่ยังกุมมือสาวไปด้วยตลอด เธอสัมผัสถึงเหงื่อที่ออกจากมือลูกน้องหน้าคม ดูเธอตื่นเต้นไม่น้อย
"เธอก็สวยนะ มาเป็นแฟนพี่ไหม"
เลขาสาวไม่ตอบ แต่ก็กล้าจองตาเจ้านายหญิงมากขึ้น สายตาเธอเริ่มเปลี่ยนจากเขินอายดูมีแววพริ้มมากขึ้น
"แต่หนูไม่เคยคบเลสนะคะ" เธอบอกอย่างใสสื่อ
"แล้วเคยจูบทอมไหม"
"เคยสิคะ"
"ลองจูบพี่ดูนะว่าเหมือนทอมหรือเปล่า" แล้วเธอค่อยๆเอียงหน้าไปใกล้กับเลขาสาว ก่อนใช้มือซ้ายเีนียนนุ่มค่อยๆช้อนค้างอีกฝ่ายขึ้นมาใกล้กัน ผจก.ค่อยเอาริมฝีปากเข้าไปใกล้ๆ ขณะที่เจ้าหล่อนดูกล้าๆกลัวๆ ทันใดเมื่อริมฝีปากต้องกัน เลขาคนผงะหน้าถอยหลังไปเล็กน้อย เหมือนยังประหม่า แต่มือเธอยังคงสั่นเทิ้มเต็มไปด้วยเหงื่อแตกพล่าน
"ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่กัดเธอหรอก ริมฝีปากเธอนุ่มดีนะ" ผู้จัดการสวยช้อนคางเธอเข้ามาใกล้อีกครั้ง พร้อมประทับริมฝีปากแบบเบาๆ หนนี้เลขาคนสวย ไม่ผละหนีอีก และเริ่มตอบโต้กลับ ในเวลาเดียวกันผุ้จัดการสาวเอื้อมมือไปสัมผัสบริเวณหน้าขาอีกฝ่ายที่กระโปรงสั่นค่อยๆร่นขึ้นมาจนเห็นขอบขาเช่นกัน
ความต้องการของเลขาสาวพลุ้งพล่าน เธอมิได้รับสัมผัสจากหญิงสาวด้วยกันเช่นนี้มานาน และมิใช่ทอมเหมือนแฟนเก่าของเธอ หากแต่เป็นผู้หญิงสวย สวยมากๆจนเธอมิอาจปฏิเสธจุมพิตนั้นได้
ทั้งคู่จิมพิตกันอย่างดูดดื่ม ก่อนปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามอารมณ์ และสารเคมีความต้องการที่หลั่งไหลจนท้วมล้นเอ่อ
บนโซฟาใหญ่ขนาดเอียงตัวนอนได้ประดุจเตียงนุ่มๆ สองสาวแลกสัมผัสแห่งอารมณ์กันยาวนานหลายนาที โดยผู้จัดการสาวรุกไล่ใส่เลขาสาวจนเธอสั่นสะท้าน และขนลุกซู่ไปตลอดทุกการสัมผัส
ช่วงเวลายาวนานเกือบสิบนาทีบนภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ดิฉันรู้สึกรุ่มร้อนในใจ เหมือนร่างกายที่ยังมีเชื้อเพลิงแอลกอฮอลล์ทุกจุดให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ความมึนเมาด้วยฤทธิ์สุราสาเก ถูกเปลี่ยนให้เป็นความปรารถนาอะไรบางอย่าง หัวใจชั้นเต้นรัวเร็วขึ้น เร็วขึ้น จินตนาการในสมองของฉันหวนให้นึกแฟนเลสคนล่าสุดที่เพิ่งห่างกันมาได้ราว 6 เดือน ฉันไม่ได้รับสัมผัสอันนุ่มนวลจากหญิงสาวด้วยกันมาครึ่งค่อนปี ฉันดูคลิปพร้อมกับสลับตาพริ้ม รู้สึกเคล้มไปกับท่วงท่าพรอดรักของคู่หญิงสาวนั้น ฉันรุ้สึกเหมือนสะสารบางอย่างพยายามดันทะลุตัวฉันออกมาเต็มความรู้สึก ฉันพยายามอดกลั้นความต้องการเอาไว้ เพราะอีกแค่ไม่กี่เดือน จะกลับไปบ้านในเมืองไทย และได้พบกับแฟนเลสคนสวยของฉัน
ถ้าเปรียบดิฉันกับสองสาวในคลิป ฉันคงเสมือนเลขาสาวที่เป็นฝ่ายรับมากกว่า ทว่าความรู้สึกอยากเห็นอีกฝ่ายมีใบหน้าปริ่มสุข อดไม่ได้ที่ต้องรุกบ้างในบางเวลา
ฉันนั่งดูไปโดยที่ไม่รู้ตัวว่า ผ้นขนหนูหลุดจากหน้าอกลงไปกองตรงหน้าตักหมดแล้ว ถ้ามีเลสสักคนมายืนต่อหน้าตรงนี้ คงย่อมให้เธอจุมพิตทั่วร่างโดยมิขัดขืนใดๆเลย ฉันหยิบโน็ตบุคไปนอนดูบนเตียงนอนต่อ ฉันเปิดดูคลิปเรื่องเดิมซ้ำอีกรอบ โดยนึกภาพแฟนหญิงของฉันไปด้วยว่ากำลังทำอะไรบางอย่างบนเรือนร่างฉัน อารมณ์ของฉันกำลังคล้อยตามเพราะฤทธิ์เหล้าและภาพการพรอดรักของสองสาวจนฉันอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อปลดเปลื้องความรู้สึกนั้นให้บรรเทาเบาบางลง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก..."อากิ ยังไม่นอนอีกเหรอตี่สี่แล้วนะเธอ" ยูริเคาะประตูห้อง ทำให้ฉันตกใจอย่างมาก รีพับฝาโน็ตบุคลง พร้อมกับหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ ขณะที่ผ้าขนหนูยังกองบนพื้นที่โต๊ะติดฝาหนังใกล้กับหน้าต่าง ฉันพยายามหาหนังสืออะไรสักอย่างมาถือในมือเพื่อทำฟอร์มกำลังอ่านให้เพื่อนไม่ต้องสงสัยในสิ่งที่ฉันเพิ่งดูไป ห้องนอนของเราแยกกัน แสงไฟที่ฉันเปิดอยู่ในห้องของตัวเอง ไม่ได้ส่องกระทบไปห้องเธออยู่แล้ว
ฉันกลัวเพื่อนเปิดประตูเข้ามามาก และถ้านั่งคุยกัน เธออาจรู้ได้ว่า ร่างกายฉันเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าหมหนานุ่ม แต่ไม่กี่อึดใจต่อมา นึกได้ว่าประตูถูกล็อคไว้อยู่
"อ่านหนังสืออีกแป๊บเดี๋ยวจะนอนแล้ว" ฉันตะโกนตอบขณะรีบลุกจากที่นอนเพื่อไปคว้าชุดนอนจากในตู้เสื้อผ้า มันเป็นผ้าเบาบางใส่แล้วนอนสบาย แต่ถ้าไม่ใส่เสื้อคลุมมันจะโป๊เอาการทีเดียว
"ฉันขอยืมที่ชาร์จโทรศัพท์หน่อยสิ ของฉันมันเสียน่ะ เธอใช้รุ่นเดียวกับฉันนิ น่าจะใช้กันได้" ยูริ เอ่ยปากขึ้นขณะรออยู่หน้าประตูห้อง
"เดี่ยวหยิบให้นะ" ฉันตอบไป ขณะเดียวกันก็รีบเอาผ้าขนหนูที่กองอยู่กับพื้นไปพาดบนพนักเก้าอี้แบบลวกๆ ก่อนเดินไปหยิบเสื้อคลุมตรงที่แขวนข้างโต๊ะมาใส่ มัดเชือกที่เอวไว้ไม่ให้เสื้อคลุมหลุดออกจนเห็นสิ่งทีซ่อนอยู่ใต้ชุดนอน และหยิบที่ชาร์จโทรศัพท์ลิ้นชัก เดินไปยังประตูเพื่อเปิดยื่นให้เธอ
"ที่ชาร์จเสียหรือ" ฉันรีบตอบกลบเกลื่อนไปด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย เพราะยังไม่หายตกใจดี ตั้งแต่ตอนเธอเคาะประตูห้อง กลัวว่าเธอจะแอบเห็นหรือรู้อะไรบางอย่างที่ฉันทำก่อนหน้านั้น แม้ว่าเราเห็นผู้หญิงด้วยกันเธอ ทว่าเรื่องส่วนตัวมากๆแบบนี้ แม้ว่าทุกคนอาจดูคลิบเลสแบบเดียวกันอย่างที่ฉันเพิ่งทำไป คงเป็นเรื่องน่าอายหากมีใครมารู้เข้า
ฉันเปิดประตูขึ้นพร้อมเอาที่ชาร์จยื่นให้เธอ "ลองเอาโทรศัพท์เธอมาชาร์จก่อนสิว่า ไฟเข้าไหม"
ยูริ นำโทรศัพท์ของเธอมาด้วย ฉันผลักประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้เธอนำมาชาร์จในห้องฉัน
"ปลักไฟอยู่ข้างโต๊ะเขียนหนังสือนะ"
เพื่อนสาวในชุดนอนนอนโปร่งสีเนื้อ ทับไว้ด้วยเสื้อคลุมมันเงาเสียเขียว หยิบทีชาร์จจากมือฉันไปเสียบกับปลั๊กไปและโทรศัพท์ที่บริเวณใกล้ๆกับขาโต๊ะ เพื่อลองดูว่าไฟเข้าหรือไม่ ตอนเธอก้มลงไปนั้น ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอไม่ได้ระวังตัวอะไร ทำให้ฉันเห็นร่องอกเธอแบบไม่ตั้งใจ ฉันนึกในใจ "ปทุมถันเพื่อนชั้นหย่า...ย มาก" หากยูริเป็นเลสเบียน ใจคงเต้นไม่เป็นส่ำ ทว่าเท่าที่รู้ว่า เธอมีครอบครัวและลูกๆแล้ว
"โอเคนะ ไฟเข้าอยู่" เธอดึงปลั๊กออกหลังจากลองเสียบได้สองสามวินาที เป็นสองสามวินาทีที่สายตาฉันจ้องเนินอกเธอแบบไม่ตั้งใจ หรือตั้งใจก็มิอาจทราบได้ พอเธอลุกขึ้นมา ฉันต้องรีบเบื้อนหน้าไปอีกฝั่งทำไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับเนินอกคู่นั้น
"เอาชาร์จที่ห้องเธอก็ได้ ยูริ"
"ขอบใจจ้ะ อากิ"
.."แล้วเธอทำอะไรอยู่"
"เอาแล้วไง คำถามฆ่ากันชัดๆ!" ในหัวสมองฉันคิดสิ่งที่เพิ่งทำไป ฉันดูคลิปเลสเบี้ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย จดจ่อสายตากับทุกอนูที่สองสาวพนักงานออฟฟิศพลอดรักกัน
"เอ่อ..." ฉันนิ่งไปชั่วเสี้ยววินาที
"อ่านหนังสืออยู่น่ะ แล้วตัวเองยังไม่นอนหรอ" ความจริงแล้ว ฉันนึกว่าเธอยืมที่ชาร์จแบตเตอร์รี่แล้วคงกลับไปห้องนอนเธอเลย ฉันจะได้รีบเปิดโน็คบุคเพื่อปิดคลิปนั้น ห้วงอารมณ์นี้ ฉันหลุดออกจากภวังค์แห่งความปรารถนาเรื่องเซ็กซ์ใดๆทั้งปวงเรียบร้อยแล้ว เพราะรู้สึกอายเขินๆด้วย ถ้ามิใช่เพราะฤทธิ์เหล้าสาเก รวมถึงมาร์ตินี่ ที่ฉันดื่มไปไม่รู้กี่แถ้ว เธอคงเห็นแน่ว่าใบหน้าของฉันยังไม่หายแดงหมดเสียทีเดียวนัก
"ฉันชาร์จแบตเสร็จจะนอนแล้วล่ะ ว่าแต่ว่า อากิ เธอมาทำงานที่นี่ ไม่คิดถึงแฟนที่ไทยหรือ" ยูริถาม
"ก็คิดถึงบ้าง เรื่องปกติ" ฉันตอบไปโดยที่ไม่ได้บอกเพื่อนสาวว่า คนที่ฉันคิดถึงนั้นผู้หญิงหรือผู้ชาย
"แล้ววันนี้เธอต้องไปหาลูกนี่นา ไม่รีบนอนเดี๋ยวตื่นไม่ไหวนะ"
"จ้า แล้วแฟนอากิคนไทยด้วยกันหรือเปล่า ไม่เคยเห็นเล่าให้ฟังเลย"
"เอาน่า ไว้โอกาสเหมาะๆฉันจะเล่าให้ฟังแน่นอนจ้า" ฉันรีบตัดบทไป ขณะที่ยูริ ขอตัวนอน โดยไม่ลืมหยิบที่ชาร์จไปด้วย
"ถ้าพรุ่งนี้ฉันไปข้างนอกตอนเช้า จะวางไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหารนะจ๊ะ ขอบคุณนะจ๊ะ อากิ ราตรีสวัสด์จ้า"
"ราตรีสวัสด์จ้ะ ยูริคนสวย"
ฉันเดินมาปิดประตูและล็อคห้อง ก่อนเปิดโน็ตบุคบนเตียงอีกครั้ง และจัดการปิดเฟซคลิปเลสไปหมด ห้วงอารมณ์แห่งความต้องการไม่หลงหลือแล้ว ฉันเปิดเว็บข่าวสารบ้านเมืองขึ้นมาอ่าน เพื่อรอเวลาพราะอาทิตย์ขึ้นยังฝั่งไทย ตรงกับญี่ปุ่นคงราวตีสีตีห้า เพื่อรอทัก "พี่อร" รุ่นพี่ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและยังติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้
ฉันไม่แน่ใจจะเรียกพี่อรว่าแฟนได้หรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันกล้าพูดเต็มปากคือฉันรักผู้หญิงคนนี้ ความรักของฉันต่อพี่ออรเกิดขึ้นเมื่อใด คงระบุวันเวลาวินาทีไม่ได้ บางทีอาจค่อยๆถูกแต่งเติมทีละเล็กละน้อย ตอนเราใช้ชีวิตด้วยกันในหอพักตอนเรียนมหาวิทยาลัย
เรารู้จักกันครั้งแรกตอนฉันย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับพี่อร เพื่อแชร์ค่าห้องกัน ตอนนั้นพี่อร ซึ่งเพื่อนๆมักเรียกว่า "กาแฟ" อยู่ชั้นปีสาม และฉันเพิ่งเข้าปีหนึ่ง พี่อรเป็นผู้หญิงหุ่นดี ใบหน้าเรียวยาว ตาคมแบบไม่ต้องศัลยกรรม เรียกว่าไม่แต่งหน้าก็น่ารักแล้ว ผิวออกขาวเหลืองเล็กน้อย ไม่ได้ดำเหมือนชื่อเล่นเลย พี่อรไว้ผมแค่บ่า เวลาไปเรียนใส่กระโปรงเหนือเข่า ไม่สั้นมาก ดูเรียบร้อย ไม่โป๊
ฉันยังจำภาพหรอกตอนเห็นหน้าพี่อร เดินลงมาจากหอมารับข้างล่าง พี่อรยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนักศึกษาเลย แต่เธอมิได้แสดงท่าทางเหน็ดเหนื่อยหรือรังเกียจใดๆในการลงมาช่วยขนข้าวของเสื้อผ้าของฉันขึ้นไปยังห้องพักบนชั้นสาม
"สวัสดีคะพี่อร ใช่ไม้คะ" ดิฉันยกมือไหว้ ขณะที่พี่อรไว้ตอบ
"ใช่จ้ะ สวัสดีคนสวย เหนื่อยไม้ ไม่ต้องไหว้นะจ๊ะ เดี่ยวพี่อายุสั้น อายุเราห่างกันแค่ปีสองปีเอง"
"ค่ะพี่ นี่เพื่อนหนูนะคะ ชื่อนัท" ฉันแนะนำ "นัท" เพื่อนทอมสุดเลิฟ พี่อรไหวตอบรับนัทด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ก่อนช่วยหอบกระเป๋าเสื้อผ้าของฉัน 2 กระเป๋า นำทางเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆ ส่วนฉันและเพื่อนหอบขอบพะรุงพะรังตามไปติดๆ
ภายหลังขนของเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว เพื่อนขอตัวกลับ ฉันเดินไปส่งหน้าหอ ก่อนกลับมาขึ้นคุยกับพี่อรอีกครั้ง
"แฟนเราหรือ" พี่อรถาม
"เพื่อนค่ะพี่ สนิทกันตอนสมัยมัธยมนานแล้ว" ฉันตอบบิดเบือนไป ความสนิทของฉันกับนัท อาจทำให้คนอื่นมองว่าเราแฟนหรือเปล่ามิอาจทราบได้ นัทดูแลฉันเป็นอย่างดีตลอดช่วงวัยมัธยม เพียงแต่ความรู้สึกของฉันต่อนัท ไม่ได้มีมากกว่าคำว่าเพื่อนสนิท แม้นัทบอกกับเพื่อนๆเสมอว่า "นา" เป็นแฟนนัท
ในวัยมัธยมปลาย ฉันมีทอมมาจีบเยอะพอสมควร เพราะเป็นโรงเรียนสตรีล้วน เพื่อนหญิงสนิทน่ารักๆก็มี และฉันเดินกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกันบ่อยมากกว่าทอมเสียอีก สมัยนัั้น ฉันยังไม่รู้จริงๆว่า เลสเบี้ยนคืออะไร รู้แค่ว่าผู้หญิงสองคนมีอะไรกันเหมือนในคลิปหรือวิดีโอทั้งหลาย แล้วสังคมมิได้เปิดกว้างด้วย ทำให้สังคมเรามีแต่ทอมกับดี้เป็นส่วนใหญ่
ถามว่าเด็กๆโรงเรียนสตรีล้วนมีอะไรกันหรือไม่ หรือพูดง่ายๆว่า มีเซ็กซ์กันหรือไม่ คำตอบคือเกลื่อน ขนาดเด็กหญิงชายยังมีเซ็กซ์ในวัยเรียนมากมายขนาดนั้น เด็กผู้หญิงด้วยกันที่มีฮอร์โมนทางเพศล้นเต็มปรี่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรักและความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างทอมดี้เป็นเรื่องปกติมาก
เวลาฉันเดินไปไหนกับนัท เธอมักโอบเอวโอบไหล่ฉันเป็นเรื่องปกติ เวลาสังสรรในหมู่เพื่อนด้วยกัน นัทจะนั่งข้างฉันตลอดเวลา หรือบางครั้งหอมแก้มฉันดื้อๆ ซึ่งฉันมิได้ปฏิเสธอะไร เพราะความเป็นผู้หญิงด้วยกัน
เพื่อนหญิงสนิทอีกคนเป็นดี้ชื่อ หญิง เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย จนบางทีนัทหึงเพราะคิดว่าหญิงเป็นเลสเบี้ยนจนฉันเองก็ทะเลาะกับนัทบ่อยเหมือนกัน นัทเคยขอนาเป็นแฟน ซึ่งดิฉันเองได้ปฏิเสธไปหลายครั้ง และบอกไปว่า ขอให้นัทเป็นเพื่อนรักที่สุดของนา จนนัทไปคบดี้ เหมือนให้ฉันหึงหวง ซึ่งฉันเองไม่ได้คิดอะไร และรู้สึกในใจยินดีกับเพื่อนสนิทด้วย จนกระทั่งวันไปฉลองจบม.ปลาย ฉันก็ยังรู้สึกถึงความรักฉันแฟนที่มีต่อฉัน แม้ว่านามิอาจมอบสิ่งเดียวกันให้ก็ตาม
"ถ้านาไม่มีใครแล้ว อย่าลืมนึกถึงนัทนะ นัดจะรอนาเสมอ"
นัทพูดขณะกุมมือนาไปด้วย นาก็ได้แต่ปลอบไปว่า นัทต้องดูแลแฟนให้ดีๆนะ ซื่อสัตย์ต่อแฟน แต่นาจะเป็นเพื่อนรักของนัทตลอดไปเหมือนเดิมนะ
"กินอะไรมาหรือยัง เราดูเหนื่อยๆนะ ดื่มน้ำก่อน จะกินอะไรไหมเดี่ยวพี่ลงไปหาซื้อให้" พี่อรเดินไปหยิบน้ำมารินใส่แก้วใส่ให้ฉัน มือพี่อรนุ่มเนียนมากตอนฉันหยิบแก้วมาจากรุ่นพี่คนนนี้
"ทานมาแล้วค่ะพี่ พี่อรไม่ต้องห่วงนะคะ" ความจริงแล้วฉันหิวเล็กๆเหมือนกันเพราะย้ายข้าวของมาตลอดวัน แต่..ความเหนื่อยล้าทำให้ฉันอยากนอนพักเอาแรงเสียมากกว่า
"ถ้าจะเก็บของ หรืออาบน้ำพักผ่อนก็เชิญได้เลยนะจ๊ะ จะดื่มน้ำ กินอะไรหยิบได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะจ๊ะคนสวย "
ฉันพยายามไว้ฟอร์มไม่อยากนอนหลับทั้งที่เหนื่อยแทบตาย จึงจัดข้าวของบางส่วนเข้าตู้เสื้อผ้า ก่อนหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่มานั่งแชทกับเพื่อนไปพลางๆ แล้วก็งีบม่อยหลับไปคาเก้าอี้นวม ตื่นมาอีกครั้งราวทุ่มกว่า สลืมลืมเห็นพี่ออรอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นมาเขย่าแขนเบาๆ
"หิวไหมจ๊ะ นา ลงไปหาอะไรกินกัน"
ฉันผงกหน้าอย่างงัวเงีย ก่อนขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และทำธุระส่วนตัว จากนั้นพี่ออรพาขึั้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปยังร้านอาหารเจ้าประจำของพี่เขา อยู่ห่างออกไปจากหอพักราวประมาณ 500 เมตร ที่นั่นมีเพื่อนๆพี่อรทั้งหญิงชายนั่งกันอยู่ 3-4 คน
"นา นั่งตรงนี้นะ" พี่อรหยิบเก้าอี้ให้ฉันนั่งใกล้ๆ ทางด้านขวา ส่วนด้านซ้ายเป็นผู้ชายน่าจะรุ่นพี่ของพี่อรราว 2-3 ปี ดิฉันสังเกตการพูดคุยแล้วคาดว่าคงเป็นแฟนกัน ในโต๊ะมีผู้หยิงอีกสองคนและเพื่อนผู้ชายของพี่เขาอีกชื่อ "อ๊อฟ"
"น้องสาวหรอ กาแฟ สวยมากมาย" พี่อ๊อฟถาม พี่อรเลยแกล้งบอกไป "นั่นๆ เจอกันหนแรกจะปะเลาะน้องเค้าเสียแล้ว อีอ๊อฟ น้องเค้าไม่ได้ชอบผู้ชายย่ะ"
"แหม..แซวเล่นน่ะ กาแฟ น้องเค้าน่ารักดี"
"นาเอาเบียร์สักแก้วไหม" พี่อรถาม ฉันเองก็ดื่มเบียรกับเพื่อนบ่อยๆสมัยมัธยม มันเป็นเรื่องปกติของสตรีไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย่างก้าวเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย
"ขอโค้กเปล่าๆก็แล้วกันค่ะพี่" ฉันพยายามเก็บอาการไว้ ร่วมโต๊ะกับพี่ๆ จะหยิบเบียร์ดื่มเลยคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ และฉันเองเหนื่อยล้ามาพอสมควรด้วย
เรากินข้าวกันเสร็จ พี่ออรจิบเบียร์นั่งคุยกับเพื่อนๆอีกราว 1-2 ชั่วโมง จนเห็นฉันตาปรือ ทำท่าเหมือนจะหลับคาโต๊ะ จึงขอตัวแฟนและเพื่อนๆมาส่งฉันที่ห้องก่อน
พี่อรขึ้นมาส่งที่ห้อง แล้วแลกเบอร์โทรศัพท์กับฉันไว้ พร้อมกับสั่งกำชับแน่นหนา มีอะไรให้โทร.ได้ทันที
"เดี๋ยวนาขออาบน้ำก่อนนะคะพี่" พี่ขี่รถระวังๆด้วยนะคะ ถ้าขี่ไม่ไหว บอกนาได้นะคะ เดี๋ยวนาช่วยขี่กลับให้
"จะขอพี่ทำไมล่ะ ใช้ห้องน้ำ นอนอะไรได้ตามสบายเลย พี่กลับได้เองไม่ต้องห่วงหรอก ระยะแค่นี้เอง"
เดิมทีฉันกลัวเหมือนกันในการปรับตัวกับเพื่อนร่วมรูมเมท มันคือหนแรกสำหรับการมาใช้ชีวิตนอกชายคาบ้าน ทำให้พะวงสิ่งต่างๆมากมาย กลัวจะมีปัญหาหากเจอเพื่อนร่วมห้องไม่ดี กลัวอาหารการกิน กลัวโน่นกลัวนี่ไปหมดทุกอย่าง ทว่าการดูแลของพี่อรตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ทำให้ฉันคลายกังวลอย่างสิ้นเชิง ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วเอนตัวบนที่นอนขนาดหกฟุตจนหลับสนิทไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีตอนพี่อรเอาผ้าห่มมาห่มให้และเปิดแอร์ให้นอนอย่างเย็นฉ่ำจนหลับสนิทตลอดทั้งคืน
.....
เวลาผ่านไปราว 2-3 สัปดาห์ ฉันเริ่มชินกับการใช้ชีวิตในหอพัก และเริ่มสนิทกับพี่อรมากขึ้น ส่วนในรั้วมหาวิทยาลัยก็เริ่มรู้จักกับเพื่อนใหม่ ในวันธรรมดาพี่ออนจะไปทำงานพาร์ทไทม์ด้วย ทำให้กลับมาค่อนข้างค่ำ จะหยุดก็เพียงวันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น ฉันเองอยากหางานทำงานเช่นกัน ทว่าการเริ่มต้นชีวิตระดับมหาวิทยาลัย พี่อรเองแนะนำให้เรียนอย่างเดียวช่วงปีแรก จากนั้นเมื่อเข้าสู่สองหรือปีสามแล้ว วิชาน้อยลง ค่อยหาเวลาไปทำงานเสริมเอา
ช่วงวันหยุด หากพี่อรไม่ได้ไปเที่ยวกับแฟนก็มักชวนฉันไปเดินเล่นบ่อยๆ พี่อรเดินโอบไหล่บ้างจับมือบ้าง แต่เป็นเรื่องปกติของเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งฉันเองไม่ได้คิดเรื่องความรักหญิงสาวเลยแม้แต่นิดเดียว และตระหนักดีว่า พี่อรเป็นหญิงแท้แล้วมีแฟนชายด้วยซ้ำ ย่อมไม่ได้คิดอะไรกับดิฉันเช่นกัน แล้วพอสนิทๆกันมากขึ้น พี่อรก็ชวนให้ฉันดื่มเบียร์ซึ่งฉันเองไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด ทว่าฉันเองไม่ได้ดื่มมานานมาก ทำให้รินไปแค่ 1-2 แก้วก็รู้สึกมึนแล้ว เพื่อนชายของพี่อรมักชวนให้ชวนชนแก้วบ่อยๆ จนพี่อรต้องคอยเบรกไว้
"แกจะมอมน้อยเขาหรอ แหมๆ เห็นน้องเค้าสวยแล้วเอาใหญ่เชียวนะ"
"ว่าแต่น้องนามีแฟนหรือยังละ กาแฟ" เพื่อนพี่อรบางคนถามขึ้น ทำให้สาวๆในกลุ่มร้องโห่กันใหญ่
"แหม ผมจริงใจนะครับ" รุ่นพี่คนหนึ่งส่งสายตาเยิ้มมายังนา นาเลยแกล้งหยิกแกมหยอกไป
"ปากหวานแบบนี้ สงสัยสับรางบ่อยแน่ๆเลยพี่"
ทั้งโต๊ะชี้นิ้วไปทางพี่อ๊อฟ พร้อมกับเผาแบบพร้อมเพรียงกัน
"ตัวพ่อเลยคนเนี้ย" เราหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ก่อนชนแก้วเบียร์กันต่อ จนฉันรู้สึกเมาแล้วซบงีบคาไหล่พี่อร แล้วรุ่นพี่ที่แสนน่ารักได้พานามาส่งหอพักก่อน และพยายามประคองฉันไปยังเตียงนอน ฉันเองดื่มไปเยอะกว่าปกติ เพราะบรรยกาศการพูดคุยอย่างสนุกสนานพาไป จนอยู่ดีๆรู้สึกอยากอาเจียน เดินเซมาจะเข้าห้องน้ำ
"จะอ้วกหรอ" พี่อรถาม ส่วนฉันพยักหน้าเบาๆ และเอามือขวากุมปากตัวเองไปด้วย พี่อรผู้เปรียบเสมือนพี่สาวอีกคนของฉัน พาเข้าห้องน้ำ พอฉันอาเจียนเสร็จ พี่อรเอามือกวักน้ำมาใส่ปากฉันเพื่อล้างปากให้โดยมิได้รังเกียจเลย ก่อนเช็ดหน้าให้ฉัน แล้วพาไปนอนบนเตียง โดยฉันยังไม่ได้อาบน้ำแต่อย่างใด ยังคงอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นตามปกติที่ใส่ตอนวันหยุด
"เมศร์ นี่กาแฟนะ เมศร์กินกับเพื่อนๆไปก่อนนะ กาแฟคงไม่กลับไปร้าน เพราะนาไม่สบาย" ฉันได้ยินเสียงแว่วของพี่อรคุยกับแฟนหนุ่ม
"โอเคๆ นะตัวเอง เดี่ยวตัวเองกลับถึงบ้านแล้วโทร.หาเค้าด้วยนะ"
ฉันยังคงสะลืมสะลือตอนพี่อรมานั่งขอบเตียงแล้วถามอะไรสักอย่าง
"นาไหวไหม้ เป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าปวดท้องหรือปวดหัวมาก บอกพี่นะ จะได้พาไปหาโรงพยาบาล"
"ไม่เป็นอะไรหรอกพี่ แค่เมาๆน่ะพี่อรไม่ต้องห่วง กลับไปกินกับเพื่อนเถอะคะ"
"จะบ้าหรอ เธอเมาขนาดนี้ จะให้พี่ทิ้งไปได้ไง เพืือนพี่โตแล้วดูแลตัวเองกันได้น่ะ พี่ไม่ไปกินแค่นี้มันไม่ว่าหรอก นอนเถอะนะ"
ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองร้อนผ่าวเพราะฤทธ์เบียร์ จนเลิกเสื้อยืดขึ้นมาจนเกือบเห็นยกทรง แล้วเอาผ้าห่มที่พี่อรห่มให้ออกจากตัว จนพี่อรเข้ามาถามอีกครั้ง
"ร้อนหรือนา เดี๋ยวพี่เร่งแอร์ให้"
ดิฉันไม่ได้ตอบไป แต่รู้สึกเหมือนพี่อร เอาน้ำมาชุบใบหน้าฉันอยู่หลายครั้ง รวมถึงเช็ดตามตัวแขนขา หน้าท้อง แล้วเหมือนเช็ดบริเวณแถวหน้าอกด้วย ฉันรู้สึกสบายตัวขึ้น ก่อนหลับสนิทเป็นตายในคืนวันนั้น ฉันรู้สึกว่า มีพี่สาวคนนี้อยู่ใกล้ๆแล้วอบอุ่นปลอดภัย มีคนดูแลตลอดเวลาในยามนี้ ยามที่ฉันห่างไกลจากครอบครัวซึ่งอยู่ต่างจังหวัด
ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีตอนราวเจ็ดโมงเช้างอีกวัน ระหว่างกำลังงัวเงีย พี่อรเหมือนเพิ่งกำลังเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมถุงกับข้าวอะไรสองสามอย่าง ปกติหอพักห้ามทำอาหารในห้อง แต่บางทีเราก็เอากระทะไฟฟ้ามาทอดหรือต้มอะไรกินกัน เพื่อความประหยัด ซึ่งเป็นพวกอาหารแบบไม่ส่งกลิ่นหนักๆ มิเช่นนั้นเราคงถูกเตือนแน่ บางครั้งเราจะซื้อกับข้าวมา แล้วหุงข้าวเปล่ากินกันสองคน บางทีก็มีเพื่อนผู้หญิงพี่อรมานั่งกินด้วย
"ไปอาบน้ำอาบท่าสิแล้วมากินข้าวกัน เจ็ดโมงเช้าแล้ว เดี่ยวนาไปเรียนไม่ทันหรอก" พี่อรส่งเสียงปลุก พร้อมกับที่ฉันได้กลิ่นหอมของข้าวต้มแตะปลายจมูกเบาๆ นี่ถ้าพี่อรเป็นเลส รับประกันได้ว่า สาวๆมะรุมมะตุ้มรักพี่อรเป็นแน่แท้ ดูแลนาดีทุกอย่าง คอยโทร.หานาตลอดเวลากลับจากมหาวิทยาลัยช้ากว่าปกติ แต่ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวเราเลย เช่นเดียวกัน นาไม่เคยถามชีวิตส่วนตัวพี่เขาเช่นกัน และทุกๆวัน นาจะคอยหาน้ำดื่มเย็นๆ หรือกับข้าวรอไว้เวลาพี่อรกลับจากทำงานพาร์ทไทม์ตอนค่ำ วันไหนพี่ออรกลับดึกจะโทร.มาบอกกันเสมอ
พี่อรทำให้นานึกถึง "ปราย" เพื่อนสาวสมัยเรียน เราสนิทกันมากจนเพื่อนๆคิดว่าเราคู่เลสเบี้ยน เดินไปไหนจับมือถือแขนกันตลอด ปรายปฏิบัติกับนาคล้ายพี่อร ห่วงใยกันตลอดเวลา ถามสารทุกข์สุขดิบ คอยให้คำแนะนำปรึกษาซึ่งกันและกัน บ่อยครั้งที่เราหอมแก้มกันตอนไปเที่ยว แต่สมัยนั้น ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่า ความรักของเลสคืออะไร แล้วอีกอย่าง ปรายมีแฟนเป็นทอม และนาก็มีนัทเป็นเพื่อนสนิทอยู่แล้วด้วย
ปกติพี่อรออกจากบ้านตอนเช้า และกลับมาค่ำๆราวสี่ห้าทุ่มประจำ เพราะต้องไปทำงานหลังเลิกเรียนด้วย เป็นอะไรที่นาห่วงตลอดเวลาเหมือนกัน แล้วเมื่อวานพี่เขานอนน้อยด้วยเพราะต้องดูแลนาเกือบทั้งคืน
มีบางครั้งพี่อรฉุนเฉียวบ้างเพราะทะเลาะกับแฟนมา แต่นาพร้อมรับฟังโดยดี ส่วนนาเองด้วยความเป็นรุ่นน้องถึงสองปี จึงไม่อยากปรึกษาเรื่องส่วนตัวมากนัก นอกจากพี่เขาเป็นฝ่ายถามเอง
"แฟนนา ชื่ออะไรนะ ที่มาส่งยังหอพักวันแรก ไม่เห็นเจออีกเลย" พี่อรทักระหว่างนากำลังเป่าผมให้แห้ง ภายหลังอาบน้ำเสร็จ
"นัทค่ะ นัทเขาอยู่กับแฟนน่ะพี่ แฟนมานขี้หึงจะตาย ไม่ค่อยให้เขามาหานาหรอก" ดิฉันตอบตามความเป็นจริง
"เห็นสนิทกันพี่ก็นึกว่าเป็นแฟนน่ะ ว่าแต่นาไม่มีแฟนเลยหรอ" พี่อรชวนคุยต่อแล้วเล่นเฟซบุคไลน์คุยกับเพื่อนในโทรศัพทืไปด้วย
"ยังค่ะพี่ เกือบมีเหมือนกันนะตอนเรียน ไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิท จนคนนึกว่าเป็นคู่เลสเบี้ยนกัน"
"คนสวยๆมักเป็นเลสกันเยอะ สวยๆแบบนาถ้าจะเป็นเลสคงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ส่งสัญญาณเตือนพีก่อนนะ พี่จะได้ระวังตัวระวังใจ ยิ่งสวยๆแบบนี้ด้วยล่ะ" พี่อรพูดเล่นพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ฉันเองสงสัยในตัวเองเหมือนกันว่า ตนเองเป็นเลส ดี้ หรือหญิงแท้กันแน่ เพราะนาคุยกับเพื่อนๆทุกคนได้หมดไม่ว่าหญิงหรือชาย จนทำให้เพื่อนบางคนคิดว่านาชอบในแบบความรักหนุ่มสาว
"ถ้านาเป็นเลสเมื่อไหร่ จะจีบพี่อรคนแรก น่ารัก นิสัยดีแบบนี้ สาวๆติดพี่อรเยอะแน่ๆ" นาหยอกกลับไป ทำให้พี่อรเขินเล็กน้อย
"แหม ชมพี่ตรงๆงี้ก็เขินแย่สิ มากินข้าวก่อนเร็ว" พี่อรรีบเปลี่ยนเรื่องพูด ก่อนชวนคุยต่อ "วันนี้พี่กลับดึกนะ พอดีพี่เมศตร์ชวนไปเที่ยว"
"ค่ะพี่ อย่ากลับดึกมากนะพี่นาเป็นห่วง"
"ไม่ต้องห่วงจ้ะ แฟนพี่มาส่ง แหม น้องคนนี้ห่วงมากกว่าแฟนพี่เองเสียอีก"
นั่นสินะ ฉันไม่่รู้เหมือนกันว่า ฉันมีความห่วงใยพี่อรตั้งแต่เมื่อไหร่ ภายหลังดิฉันเรียนผ่่านพ้นปีแรก พี่อรก็ขึ้นปีสี่หมายถึงปีสุดท้ายของการเรียนแล้ว ทำให้ดิฉันรู้สึกแป้วๆไปเหมือนกัน หากต้องถึงเวลาพี่อรต้องย้ายออกจากหอพัก เพื่อไปใช้ชีวิตทำงาน ช่วงเวลาหนึ่งปีแรกของชีวิตในหอพักหญิง มีความสุขและทุกข์ปะปนกันไป มีหนุ่มๆและทอมมาขอเบอร์.บ้างประปราย แ่ปลกที่ฉันไม่ค่อยได้ให้ความสนใจ เพราะการอยู่กับพี่อร แม้ว่าไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละวัน กลับทำให้ฉันอบอุ่นใจเป็นพิเศษ
ฉันยังไม่ลืมในคืนหนึ่งที่นอนไข้ขึ้นตลอดคืน เพราะไปเรียนทั้งวัน ตากแดดจนไม่สบาย มันเป็นวันที่ฉันอยากให้ผู้หญิงคนนี้ อยู่ข้างฉันไปอีกอย่างยาวนานเสียเหลือเกิน
วันนั้นฉันกลับมาถึงหอพักเวลาราวห้าโมงเย็น ฉันรู้สึกปวดหัวและตัวร้อนอย่างมาก เลยทานยาแก้ปวดไป 2 เม็ด โดยมิได้รับประทานอาหารก่อนเลย ก่อนเอนตัวลงบนเตียงทั้งชุดนักศึกษาชนิดยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ประการใด และปกติฉันมักโทร.หรือส่งข้อความไปบอกพี่อรเสมอเวลากลับถึงห้องแล้วทุกครั้ง ทว่าเย็นวันนี้ฉันปวดหัวจนลืมสนิทและหลับไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" ฉันเหมือนได้ยินเสียงใครเคาะที่ประตู "นาอยู่ไหม เปิดหน่อย พี่อรเอง"
ฉันตื่นมาตอนทุ่มกว่าด้วยความมึนงง และยังมีไข้อยู่ เดินโซซัดโซไดซไปไขกลอนประตูออก
"พี่เคาะประตูตั้งหลายหนแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า โทรศัพท์ก็ไม่โทร.มา พี่โทร.มาเป็นสิบสายแล้ว ไม่เห็นนารับสายเลย" พีอรซักไซร้ใหญ่ ก่อนเอื้อมามจับแขนและหน้าผากนาด้วยความเป็นห่วง "โห ทำไมตัวร้อนขนาดนี้เนี่ย ไปทำอะไรมา"
พี่อรถามจนฉันนึกคำตอบไม่ออก
"ไข้ขึ้นน่ะพี่ไม่มีอะไรหรอก แล้วพี่อรไม่ทำงานหรือวันนี้"
"เราไม่ยอมรับสาย พี่เลยรีบลางานกลับมา กลัวนาเป็นอะไรนะสิ นี่ไม่สบายแล้วก็ไม่ยอมโทร.บอกด้วย" พี่อรปิดประตูแล้วค่อยๆประคองนาไปยังเตียง
"ไปหาหมอไหมนา" พี่อรถามขณะเอามือแตะหน้าผากแตะตามตัวนาไม่หยุดหย่อน
"ไม่เป็นไรหรอกพี่ แค่เป็นไข้แดดนอนพักเดี่ยวก็หาย ไปหาก็เปลืองเงิน" ฉันตอบไปซื่อๆ
"เรื่องเงินไม่ต้องห่วงหรอก พี่ทำงานแล้วพอมีเงินอยู่บ้าง อย่าเสียดายอะไรโง่ๆแบบนี้ แล้วนี่กินยาอะไรไปหรือยัง" พี่อรยังคงถามด่้วยความห่วงใย
"กินไป 2 เม็ดแล้วพี่"
"กินไปนานยัง"
"ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วค่ะ"
"เดี่ยวพี่หาข้าวต้มให้แล้วกินอีกสัก 2 เม็ดนะ ถามไข้ยังไม่ลด ต้องไปหาหมอกับพี่ ห้ามขัดเป็นอันขาด" พี่อรทำเสียงเข้ม พร้อมกับรีบเปิดประตูออกไปซื้อข้าวต้มที่ร้านใกล้ๆหอมาให้ พี่อรเทข้าวต้มลงบนชาม แล้วค่อยพยุงนาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนตักข้าวต้มขึ้นมเปาเล็กน้อย และป้อนเข้าปากนา
"ค่อยๆกินนะ นา มันร้อน"
ฉันกินไปครึ่งด้วย ก็บอกพี่อรว่า กินไม่ไหวแล้ว และขอกินยาเลย พี่อรตักน้ำมาให้ ฉันกินเสร็จแล้วพี่อรพยุงให้ค่อยๆนอนตามเดิม ตัวฉันยังคงร้อนผ่าว แต่ด้วยความที่ปวดหัวและมึนศีรษะไปหมด ทำให้ไม่ได้ขอบคุณพี่อรต่อ และหลับไปตอนไหนไม่ทันรู้ตัวเลย รู้สึกตัวแค่เหมือนมีใครมาจับบริเวณแขนขา เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ ฉันเห็นรางๆว่าเป็นพี่อรของฉันนั่นเอง รู้ตััวแต่ว่า พี่อรจับฉันพยุงขึ้น ค่อยๆถอดเสื้อกับกะโปรงให้ และค่อยๆเช็ดตัวฉันเบาๆ ทั้งใบหน้า แขน หน้าอก ลำตัว ขา ก่อนหยิบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นใส่อยู่บ้านมาให้
หลังจากพี่อรใส่เสื้ออยู่บ้านให้แล้ว นายังรู้สึกตัวเลาๆว่า พี่อรยังคงเช็ดตัวให้นาตลอดเวลา จนเวลาราวตีสามเห็นจะได้ ฉันตื่นมาเข้าห้องน้ำแล้วรู้สึกอาการไข้ลดลง พี่อรยังคงนั่งเล่นโน็คบุคอยู่เลย
"ไหนดูสิ ไข้ลดหรือยัง" พี่อรมาจับหน้าผากและบริเวณแขนนาอีกครั้ง "ดีขึ้นแล้วนี่ คราวหลังถ้าไม่สบาย รีบโทร.หาพี่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เราพี่น้องกัน เงียบๆไปแบบนี้พี่ห่วงมากรู้ไหม"
"ค่ะพี่" สติฉันเริ่มกลับมา และนึกได้ว่า ปกติพี่อรต้องทำงานกว่าจะเลิกก็ค่ำแล้ว แสดงว่าพี่อรต้องลางานมา แล้วไม่ได้นอนด้วยเพราะดูแลฉันตลอดทั้งคืน
"พี่อรก็นอนได้แล้วนะคะพี่ นาขอบคุณพี่มากที่ช่วยดูแลนะคะ คราวหลังนาจะรีบโทร.บอกนะคะพี่.
พี่อรยิ้มๆ "จ้ะ" งั้นพี่อาบน้ำนอนแล้วนะ พรุ่งนี้ถ้าไข้ขึ้นกลับมาอีก พี่จะหาไปหาหมอนะ"
ฉันเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เปิดประตูมา เห็นพี่อรกำลังถอดเสื้อนักศึกษาออก เหลือแต่บรา ก่อนหยิบผ้าขนหนูมาคลุมตัว แล้วค่อยๆถอดกระโปรงกับชุดชั้นในออก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเราผู้หญิงเหมือนกัน ไม่มีอะไรต้องอายกันมาก จนเป็นเรื่องชินตากันไปแล้ว แต่ทุกครั้งฉันก็ยอมรับว่ารู้สึกใจเต้นเสมอเวลาพี่อรแก้ผ้า แม้ว่าแค่ท่อนบนแบบนี้ก็เถอะ ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กลับไปนอนต่อตามเดิม และรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเวลาพี่สาวคนสวย อยู่ใกล้ๆและดูแลกันแบบนี้
รุ่งขึ้นฉันตื่นมาโดยไม่มีไข้แล้ว แต่พี่อรยังไม่ตื่นเลย ฉันจึงทำเหมือนที่พรอรเคยทำให้ จัดหาขนมปังปิ้ง โอวัลตินเตรียมชงให้เวลาพี่สาวคนสวยของฉันตื่น
"อ้าว ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ" พี่อรทักขึ้น ขณะนากำลังเล่นโน๊คบุค ฉันใส่ชุดนักศึกษานานแล้ว ฉันแกล้งบอกไปว่า วันนี้ไม่มีเรียนช่วงเช้า เพื่อดูแลพี่อรบ้างรอให้พี่อรตื่นจะได้ไปมหาวิทยาลัยพร้อมกัน
"พี่อรไปกี่โมงคะ เดี๋ยวนาจะได้ไปด้วย"
"พี่ไปสิบเอ็ดโมงน่ะ วันนี้มีเรียนเฉพาะช่วงบ่าย"
ฉันจำได้ว่า ปกติพี่อรมีเรียนเช้าเกือบทุกวัน จะมีเรียนบ่ายเฉพาะวันอังคารกับพฤหัสบดีเท่านั้น แต่วันนี้เป็นวันศุกร์ พี่อรน่าจะมีเรียนเช้า ทำให้ฉันรู้ว่าพี่อรต้องอดนอนเพื่อดูแลฉันจนถึงดึกดื่น มันเป็นความห่วงใยที่ฉันไม่เคยได้รับกระทั่งจากปราย เพื่อนผู้หญิงคนสนิทสมัยเรียนมัธยมปลาย หรือกระทั่งนัท เพื่อนรักอีกคน พี่อรปฏิบัติต่อฉันเหมือนเป็นน้องสาวแท้ๆ ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิง อาจเหมือนคนรักที่คอยห่วงใยกันตลอดเวลา ทำให้ฉันรู้สึกดีกับพี่สาวคนนี้มากๆ มากแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับเพื่อนหญิงคนไหนมาก่อน
...
ช่วงที่พี่อรเรียนปีสี่ และฉันขึ้นปีสอง เป็นอะไรที่เราสนิทกันมาก มากจนคนที่เพื่อนๆคิดว่าฉันเป็นคู่เลสกับพี่อรไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่เราไม่เคยมีอะไรกันแบบนั้น แล้วพี่อรยังคบพี่เมศร์แฟนชายอยู่เหมือนเดิม ฉันเองมีเพื่อนฝูง ไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เคยคบกันถึงขั้นเป็นแฟน ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ตาม
ฉันมีความสุขและสนุกมากเวลาไปไหนมาไหนกับพี่อร ฉันชอบเดินกุมมือพี่อรเวลาเดินห่าง ส่วนพี่อรจะโอบไหล่ฉันเหมือนน้องสาว เวลาไปเที่ยวผับ หรือสังสรรค์ฉันจะนั่งติดกับพี่อรเสมอ แล้วพี่อรจะคอยกันเวลามีผู้ชายหรือทอมมาพยายามจีบหรือล่วงเกินเสมอ
ช่วงวันศุกร์ เสาร์ เป็นช่วงที่พี่อรมักไม่อยู่ที่หอ เพราะต้องทำงานดึก และไปหาพี่เมศร์ กลับมาอีกทีตอนเช้าวันอาทิตย์เลย ฉันไม่เคยถามเรื่องความสัมพันธ์ของพี่อรกับพี่เมศร์ มันเป็นเรื่องปกติของชีวิตในวัยนี้ การมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง เป็นเรื่องปกติ แต่ทุกครั้งที่พี่อรไปอยู่กับแฟน ทำให้ฉันต้องอยู่ที่หอคนเดียวแบบเหงาๆ เหมือนชีวิตขาดอะไรไปอย่าง จะทำได้ก็แค่ส่งข้อความไลน์หรือเฟซบุ้คไปคุยกัน ซึ่งถ้าพี่อรไม่ได้ตอบมาก็แสดงว่าอาจติดงานหรืออยู่กับพี่เมศร์เป็นอันเข้าใจกัน
ถามว่าเป็นความรู้สึกหึงหวงไหม ก็ไม่ใช่ แต่เป็นความรู้สึกห่วงหาอาทรตลอดเวลา อยากพูดคุย ให้พี่อรอยู่ใกล้ๆตลอด ซึ่งไม่รู้ว่าพี่อรจะรู้สึกแบบเดียวกันหรือเปล่า
ในวันอาทิตย์หนึ่งของเดือนมีนาคม เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนพี่อรจะเรียนจบแล้ว บ่ายนั้นพี่อรกลับมาด้วยขอบตาช้ำราวกับคนร้องไห้ ฉันไม่ได้กล้าถามอะไร และวันนั้นพี่อรดูเงียบเหลือเกิน จนฉันเอ่ยชวนไปนั่งกินเบียร์กันสองคน
"เย็นนี้พี่อรว่างไม นามีเรื่่องอย่างปรึกษา เย็นนี้นาเลี้ยงเบียร์เอง พี่อรห้ามปฏิเสธนะคะ" นายิ้มทำหน้าแป้นแล้น ก่อนเข้าไปโอบพี่อร และหอมแก้มไปหนึ่งฟอด
"เล่นงี้ขนลุกนะเว้ย" พี่อรแกแกล้งทำเป็นตลกกลบเกลื่อนความเศร้าที่นาสังเกตได้ในแววตา
"ล้อเล่นนา ตกลงไปนะ นาเลี้ยงเอง" ความจริงแล้ว ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ารุกนั้นคืออะไร เพราะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วยกันมาก่อนเลย เห็นแค่คนในเฟซ หรือในเว็บพูดกัน หรือตามคลิปวิดีโอต่างๆ
"แหม สาวสวยขนาด นา เอ่ยปากเลี้ยงเบียร์แบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว พี่นอนพักแป๊บนา เดี่ยวเย็นๆ ไปนั่งกินเบียร์กัน มีร้านหนึ่งที่พี่ชอบบรรยากาศมาก"
"แต่หนนี้ นาขอไปแค่ 2 คนนะ เป็นเรื่องส่วนตัวน่ะอยากคุยกันเองแค่สองคน" นาย้ำ เพราะปกติพี่อรไปนั่งกินข้าว หรือไปผับมักมีเพื่อนไปด้วยเป็นขโยงเสมอ รอยยิ้มอันมีเสน่ห์และเสียงหัวเราะของพี่อร ดูทำให้เพื่อนๆร่วมโต๊ะมักมีความสุข สนุกนานไปด้วยทุกครั้ง บางครั้งพูดเรื่องทะลึ่งตึงตังไปบ้าง แต่ไม่เกินขอบเขต มันทำให้ชวนตลกและหัวเราะกันเสียมากกว่า
มีอยู่หนตอนเราไปผับกันกับเพื่อนๆในกลุ่ม มีทอมคนหนึ่งเล็งนาอยู่นาน ก่อนเข้ามาขอชนแก้วและคุยกับพี่อร เพื่อขอเบอร์โทรศัพท์นา และดูแล้วเป็นทอมเจ้าชู้พอสมควร
"สวัสดีฮับ" ทอมขอชนแก้วเหล้ากับพี่อร "ชื่ออะไรฮับ"
"อรค่ะ" พี่อรตอบด้วยรอยยิ้มขณะจิบเหล้าไปด้วย "เพื่อนคุณอรสวยจัง พอดีเพื่อนผมชอบ อยากรบกวนขอเบอร์เพื่อนคุณอรหน่อยได้ไหมฮับ"
"แฟนอรเองค่ะ แต่คุยกับน้องเค้าได้นะแบบเพื่อนๆกัน น้องเค้าไม่ดุหรอก" พี่อรตอบอย่างชาญฉลาด ทำให้ทอมเอ่ยปากขอโทษแบบสุภาพ ก่อนขอชนแก้วพี่อรอีกครั้งแล้วเดินกลับไปยังโต๊ะของตนเอง
ในใจฉันคิดและยิ้มมุมปากแบบเขินๆไปด้วย "ถ้าพี่อร เอ่ยปากขอฉันเป็นแฟนจริงล่ะก็ ฉันจะรีบตกปากรับคำทันทีเลย"
ตกเย็น เราแต่งตัวกันไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง ฉันเพิ่งเคยเห็นพี่อรแต่งแบบสาวเปรี้ยวมาก แต่งหน้าเข็มจนฉันอึ้งไปเหมือนกัน นานๆทีพี่อรจะแต่งแบบจัดเต็มขนาดนี้ ริมฝีปากแดง ผมสีออกน้ำตาลสว่างเล็กน้อย ใส่ขนตาดูมีเส่ห์อย่างมาก พี่อรอยู่ในชุดแส็กสีดำรัดรูป กระโปรงสั้นเกือบถึงโคนขา เสื้อก็เป็นแบบไม่มีแขน มีร่องลึกตรงบริเวณน่าอก เป็นชุดที่สวยเข้ากับพี่อรมาก วันนี้พี่อรสวยมากจริงๆ ดูแปลกตราไปจริงๆ
ฉันเองใส่เสื้อแบบสีดำ ด้านหลังโปร่งเล็กน้อยพอให้มองเห็นบราดูสีดำดูเซ็กซี่เล็กๆ กระโปรงรัดรูปสีเนื้อสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่สั้นเท่าพี่อร วันนี้ต้องปล่อยให้พี่อรสวยกว่าสักวัน
เราแต่งตัว ออกไปหาไรทานรองท้องกันเล็กน้อย ก่อนจับแท็กซี่ไปผับราวสองทุ่ม ร้านดุสลัวๆ มีแสงนีออนส่งมากระทบใบหน้าพี่อร ทำให้ดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก มันเป็นบรรยากาศที่แตกต่างไปจากปกติที่เรามักไปเที่ยวกันหลายคน คืนนี้มีแค่นากับพี่อรสองคนเท่านั้น
เราเริ่มต้นสั่งเบียร์และกับแกล้มมากินกันเล็กน้อย
"ร้านนี้บรรยากาศโอเคนะพี่" ฉันเริ่มชวนคุย เพราะดูพี่อรเงียบๆไปวันนี้
"อืมใช่ พี่ก็ชอบร้านนี้ แต่ก่อนมาบ่อย แต่พอทำงานเลยไม่ค่อยได้มาอีก" พี่อรตอบขณะชำเลืองสายตามองนักดนตรีบนเวที และค่อยๆจิบเบียร์ไปด้วย สายตาพี่อรยังดูไม่ค่อยสดใสนัก
"วันนี้นาชวนพี่อรมา ที่ทำงานจะว่าพี่อรไหมอ่ะ นาเกรงใจ" ฉันพยายามกระแซะหาเรื่องสนทนาไปเรื่อย พี่อรค่อยๆหันมาสบตากับฉัน
"พี่พักสักวันก็ดี งานพี่มันเหนื่อย"
ความจริงแล้ว นาไม่เคยถามเรื่องงานพี่อรเลย แต่ก็พอรู้ว่าพี่อรทำงานจนพอมีเงินเก็บบ้างอะไรบ้าง
"พี่อรพานาไปทำงานด้วยได้ไหมคะ ปีหน้านาก็ขึ้นปีสามแล้ว คงพอมีเวลาว่างบ้าง"
"บอกตามตรงนะ พี่ทำโคโยตี้เต้นๆน่ะ นาทำไหวหรือ" ฉันจึงถึงบางอ้อ เพราะปกติเวลาพี่ออรกลับมาตอนดึกๆสี่ห้าทุ่ม หรือบางทีเที่ยงคืนตีหนึ่ง มักมีกลิ่นแอลกอฮอลล์มาด้วยเสมอ เพียงแต่ฉันไม่เคยปริปากถามเท่านั้น
"ถ้าได้เงินดี แล้วช่วยผ่อนเบาภาระที่บ้านได้ ก็น่าสนใจนะพี่"
"งั้นถ้ามีเวลา พี่จะพานาไปแนะนำกับผู้จัดการผับนะ สวยๆอย่างนาลูกค้าตรึมอยู่แล้ว"
"จริงนะเจ้" นาเรียกแบบรุ่นน้องพี่อรคนอื่นๆที่เรียกเจ๊อรกัน "อะชนแก้วหน่อย"
"แล้วนี่ ถามจริงๆ นามีแฟนหรือยัง ไม่เคยเห็นเล่าให้ฟี่ฟังเลย" พี่อรชวนคุยต่อ
"ยังเลยพี่เจ่่้ ก็มีมาจีบๆบ้างทอมเอย ผู้ชายเอย ชวนไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่สารพัด พี่อ๊อฟเพื่่อนพี่อรก็ชวน แล้วโทร.มาบ่อยมาก แต่ส่วนใหญ่นาจะไปกินข้าว ดูหนังอะไรกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกันมากกว่า"
"ถ้าเพื่อนผู้ชายจีบ จะคบเป็นแฟนต้องศึกษาดีๆนะนา หากเรียนในมหาวิทยาลัยด้วยกันพี่ว่าอย่าเพิ่งไปลงเอยกัน มันยังไม่ได้ทำงาน ไม่ได้มีหลักประกันในชีวิต มันจะมาดูแลเราได้อย่างไรในอนาคต"
สิ่งที่พี่อรพูดก็มีเหตุผล ทำให้ฉันคิดขึ้นได้ จะมีแฟนชาย หรือหญิง หรือทอม คนเราต้องดูเรื่องการงาน อนาคต และอีกหลายๆอย่าง และตัวเราเองก็ต้องทำงานเพื่อดูแลตน ดูแลพ่อแม่อีกด้วย เหมือนพี่อร ผู้หญิงนักสู้คนนี้
"คิดแล้วแค้นว่ะ นา พี่ทำงานหนัก ส่งเงินให้ที่บ้าน ซื้อรถให้ทีบ้าน แฟนก็ต้องเลี้ยงมัน..."
ฉันไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของพี่อรเกี่ยวกับ พี่เมศร์แฟนพี่อรเลย รู้แต่ว่า ทั้งสองคนคบกันมา 2 ปีแล้ว และพี่อรมักไปนอนห้องพี่เมศร์บ่อยๆ
"เวลาเมศร์มันขัดสน พี่ให้ยืมเงินตลอด อย่าเรียกว่ายืมเลย เรียกว่าให้เลยดีกว่า อาทิตย์หนึ่งเป็นพัน ออกรถมอเตอร์ไซค์ให้ด้วย แล้วดูมันสิ เมื่อวานพี่แอบอ่านข้อความในเฟซ ในไลน์มัน มันคุยกับผู้หญิงอีก 2-3 คน นัดพาไปเที่ยวด้วยกัน เอารถมอเตอร์ไซค์ที่กูซื้อให้เนี่ยนะ" พี่อรเริ่มระบายความอึดอัดในใจมาเป็นชุด เหมือนระเบิดเวลารอการปะทุ แต่อย่างน้อย ฉันก็ดีใจที่คอยอยู่ข้างพี่เขา คอยรับฟังทุกเรื่องราว
พี่อรคุยอะไรต่ออีกสองสามอย่าง ทว่าฉันไม่ค่อยได้ยินเพราะเสียงดนตรีดัง เลยขอขยับจากฝั่งตรงข้ามไปนั่งข้างๆพี่ออรแทน
"นาขอไปนั่งข้างๆนะพี่ ตรงนี้ไม่ค่อยได้ยิน"
"มาสิ จะได้คุยกันถนัดๆ" พี่อรตอบรับคำขอ เมื่อขยับไปนั่งใกล้ๆฉันมองด้านข้างพี่อรแล้วรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เวลาแต่งตัวแต่งหน้าแล้ว สวยไ่ม่เบาเลยทีเดียว แล้วกลิ่นตัวพี่อรหอมมาก ฉันเผลอเห็นกระโปรงสั้นพี่อรแอบร่นขึ้นมาถึงโคนขาเกือบเห็นกางเกงใน เลยทำให้ใจฉันเต้นนิดหน่อยๆ
"พี่อรปิดๆหน่อย เดี๋ยวหวอออก" นาพูดกึ่งแอบเขิลเล็กๆ
"มันมืด มองไม่เห็นหรอก ถ้าจะปิดก็ต้องใช้มือนามาปิดแล้วมั้ง กระเป๋าเงินพี่ไม่พอปิดหรอก" พี่อรเริ่มหัวร่อต่อกระซิกได้
"แล้วพี่จะทำอย่างไรต่อไปคะ" ฉันพยายามให้ความสนใจกับเรื่องของรุ่นพี่สุดที่รักต่อ
"พี่ก็นิ่งๆไว้ก่อน แต่รู้ไหม เมื่อวานพี่นิมือสั่นน้ำตาคลอเบ้าอ่ะตอนเห็นข้อความต่างๆในเฟซบุคและไลน์ที่มันคุยกับกิ๊กๆทั้งหลาย มันบอกว่าคุยจริงแต่ไม่ได้มีไรกัน" พี่อรร่ายยาวเหมือนอัดอั้นตันใจมานาน
"พี่อรทะเลาะกับพี่เมสร์หรอ" นาถามแบบตรงไปตรงมา
"ก็เถียงกัน ตอนแรกเมสตร์มันไม่ยอมรับ จนพี่ต้องบอกว่าเห็นข้อความพวกนั้นหมดแล้ว มันเลยนิ่งเงียบ และขอโทษ พูดชักแม่น้ำทั้งห้าบอกแค่จีบเล่นอะไรแบบนี้"
...พี่อร หยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนถอนหายใจ และหยิบเบียร์กระดกขึ้นรวดเดียวครึ่งแก้วหมดดังเอื๊อก
"ใจเย็นๆพี่อร ค่อยๆจีบ เดี่ยวเมาเร็ว นาแบกพี่กลับไม่ไหวนะ" ฉันพูดติดตลกเล็กน้อย เพื่อให้บรรยากาศลดความตึงเครียดลงหน่อย
"พี่ทำใจได้แล้ว พี่เคยมีทั้งแฟนทอม แฟนชายมาสองคน บอกตรงๆนะ วัยขนาดนี้มันกะล่อนเจ้าชู้ด้วยกันทั้งนั้น ขอให้ได้เอาเป็นใช้ได้ มันไม่ได้คิดเรื่องอนาคตอะไรหรอก พี่เสียความรู้สึกที่รักมัน เอาเงินให้มันใช้ มันคงเอาไปเลี้ยงสาวๆของมันหมด รู้งี้พี่เอาให้พ่อแม่ที่บ้านนอกเยอะกว่านี้ดีกว่า"
พี่อรค่อยๆเล่าทุกอย่างแบบละเอียด บ้านของพี่อรไม่ค่อยมีเงินนัก จึงต้องทำงานส่งครอบครัวด้วย ตอนแรกทำงานพาร์ทไทม์แต่มันเหนืื่อยและไม่คุ้ม จึงลองไปทำโคโยตี้ ซึ่งทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกับ กำลังช่วยครอบครัวปลูกบ้านหลังเล็กๆ และผ่อนรถกระบะคันหนึ่งให้ที่บ้านเพื่อให้พี่ชายเอาของจากสวนผักไปขาย สวนก็ต้องเช่าเขาเอา ยังไม่ได้มีเป็นของตนเอง ซึ่งตอนนี้ความเป็นอยู่ที่บ้านพี่อรดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงกับมีกินมีใช้ ทำให้พี่อรต้องทำงานทุกคืนจนเหนืือยสายตัวแทบขาด
สภาพบ้านฉันเองไม่ต่างอะไรไปจากพี่อรมาก ขายของหาเช้ากินค่ำ ยังดีที่บ้านไม้หลังเล็กๆของเราไม่ต้องผ่อนเช่าใคร แต่ฉันเองก็อยากทำงานแบบพี่อร เพื่อให้พ่อแม่ได้สบายขึ้นเช่นกัน
เราแลกเปลี่ยนทัศนะ เล่าเรื่องชีวิตของแต่ละคนให้ฟัง จนเวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เป็นคืนในผับที่เราแทบไม่ได้ลุกขึ้นเต้นกันเลย เบียร์หมดไปร่วมสองเหยือก เป็นคืนที่พี่อรปลดปล่อยทุกอย่าง รวมถึงน้ำตาที่ไหลออกจากห่างตาเบาๆ ตอนพี่อรหันมองไปทางนอกร้านที่มีแต่ความมืด มีเพียงแสงไฟถนนและรถยนต์ที่วิ่งผ่าน พี่อรแอบร้องไห้แต่พยายามไม่ให้ฉันเห็น ฉันจึงหยิบมือพี่อรซึ่งวางบนตัก มาวางที่หน้าขาของฉัน
"พี่อร สู้ๆนะ นาเป็นกำลังใจให้อีกไม่กี่เดือนพี่อก็เรียนจบแล้ว จะได้ทำงานเต็มที่ ทีบ้านก็สบายขึ้น"
"พี่เศร้าแป๊บเดียวแหละนา ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่พี่เจอแบบนี้ พี่กะว่าเรียนจบคงไปเช่าห้องพักใกล้ๆผับ ในตัวเมืองจะได้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น อยากกลับไปใช้ชีวิตโสดอีกครั้งเหมือนกัน นี่พี่ว่า รอให้จับได้คาหนังคาเขาก่อน คงเลิกแน่นอน"
สายตาพี่อรดูเหนื่อยอ่อนและท้อใจกับความรักหนุ่มสาว และคิดถึงการช่วยเหลือครอบครัวทางบ้านมากกว่า ในความรู้สึกของนา ถ้าเปลี่ยนพี่อรเป็นผู้ชายได้ ฉันต้องขอเป็นแฟนด้วยแน่นอน เพราะรู้สึกถึงความคิดพี่อรที่เป็นผู้ใหญ่กว่าคนวัยเดียวกัน เป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนชาย หรือทอม หรือกระทั่งผู้หญิงด้วยกันที่เข้ามาจีบนา มักหนักไปทางชวนเที่ยวหรืออะไรมากกว่า พึ่งตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่คิดจะมาดูแลเรา
"สวยๆอย่างกับพริตตี้แบบพี่อร คงโสดไม่นานหรอก เชื่อนาสิ" ฉันพยายามพูดเป็นกำลังใจให้พี่คนสวยที่ร่วมห้องมานานจนเหมือนครอบครัวเดียวกัน
"ให้มันจริงเต๊อะ สาธุ!" พี่อรทำท่ายกมือไหว้พระ และเริ่มผ่อนคลายเปลี่ยนเป็นอารมณ์ขันได้เล็กน้อย "ถ้ามีจริงนะ พี่ไม่เลือกว่าหญิงหรือชายหรอก แต่ขอเลือกคนที่เข้ากันได้ คิดอะไรเหมือนๆกัน จะหาได้หรือวะ นา"
ในสมองของฉัน รู้สึกประทับใจพี่อรมานานแล้ว ทั้งการดูแลนา ดูแลครอบครัวตนเอง และมีมุมมองแบบผุ้ใหญ่มาก ทำให้ฉันเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ฉันชอบพี่อรแบบคนรักหรือเปล่า แล้วถ้าพี่อรจะคบผู้หญิงด้วยกันเป็นแฟน พี่อรจะรับฉันได้ไหมนะ คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว ตกลงฉันเป็นดี้ เป็นหญิงแท้ หรือเลสเบียน ถ้าผู้หญิงจะรักกัน มันจะเรียกว่าความรักเหมือนหญิงชายได้หรือเปล่า..
"นา เหม่ออะไรอยู่ ชนแก้วหน่อย" พี่อรสะกิดฉันที่ล่องลอยไปกับความคิดของตัวเองครู่ใหญ่
"พี่อร นาก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วนาเป็นดี้ หรือหญิงแท้หรือเลสนะ มันบอกไม่ถูก นาไม่เคยมีแฟนแบบถึงขั้นมีไรกันเลยจริงๆพี่"
"พี่ว่า เรื่องเซ็กซ์มันมาทีหลัังความรักนะ สำคัญคือมันต้องเข้าใจกัน ผูกพันกันก่อน ดูแลกัน สามารถรับผิดชอบคนที่เรารักได้ และอะไรอีกหลายๆอย่าง"
เหลือเวลาอีกแค่สองเดือน พี่อรจะย้ายออกไปจากหอหัก ฉันใกล้ขึ้นปีสาม และคงต้องพบกับรูมเมทรุ่นน้อง หรืออาจรุ่นเดียวกันซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะสนิทและรู้ใจกันได้เท่ากับพี่อรหรือเปล่า ฉันอยากบอกความในใจของตัวเองเสียเหลือเกิน อย่างน้อยจะได้รู้ว่าพี่เขาคิดอย่าไรกับเรา มันอาจทำให้เรามองหน้ากันไม่ติดกันอีกเลยหากพี่อรไม่ได้รู้สึกกับนาแบบนั้น ฉันคิดวนเป็นร้อยเป็นพันเที่ยว หัวใจเต้นระทึกไปด้วย ฉันพยายามรวมรวมความกล้าเพื่อเผยความรู้สึกในใจแก่พี่อร และความที่ฉันเริ่มมึนไปกับฤทธิ์แอลกอฮอลล์ ทำให้ฉันแทบไม่อยากเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้อีกแล้ว
"พี่อร ถ้านาพูดอะไรบางอย่าง พี่อรสัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธนา" ฉันเริ่มอารัมบทขึ้น
"ได้สิ เราพี่น้องกัน สนิทกันขนาดนี้ แล้วเท่าที่จำได้ พี่ไม่เคยโกรธอะไรแกเลยนะ"
"เอ่อ ...เอ่อ" คำพูดนาเหมือนติดอยู่ในลำคอ เอื้อยเอ่ยออกมาไม่ได้สักที
"ไรของนาเนี่ย จะพูดไรก็พูดสิ อ้ำอึงอยู่ได้น่า"
"ถ้านาบอกว่า นาชอบพี่อรล่ะ"
พี่อรนิ่งไปครู่หนึ่ง "ชอบแบบไหนล่ะ"
"ชอบแบบอยากอยุ่ด้วยตลอดเวลา อยากเป็นแฟน"
"พี่ก็ชอบนิสัยเรานะ ไม่เคยเจอคนแบบนามาก่อนเหมือนกัน ตรงไปตรงมา เข้ากับพี่ได้ทุกอย่าง คุยภาษาเดียวกันเสมอ ห่วงใยดูแลพี่มาดีตลอด นาอย่าเสียใจนะ ถ้าพี่บอกว่ารักเราแบบพี่น้อง แม้ว่าพี่เคยเป็นดี้ แต่พี่ไม่เคยคบเลสมาก่อนเลยจริงๆ เอาเป็นว่า เรื่องอนาคตยังไม่มีใครรู้ บางทีเราอาจเป็นแฟนกันก็ได้ใครจะไปรู้"
ฉันรู้สึกโลกกำลังหมุนเร็วมาก เร็วจนฉันตั้งตัวไม่ติด คำตอบของพี่อรทำให้น้ำตาฉันซึมออกมาเล้กน้อย รู้แต่ว่าเป็นการปฏิเสธแบบดีที่สุดของพี่เขา แต่ก็ยังเปิดช่องว่างให้ฉันได้มีความหวังบ้าง มันทำให้ฉันโล่งอกอย่างที่สุด เมื่อได้สารภาพความในใจออกไปแล้ว แม้ว่ามันเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำก็ตาม
พี่อรโอบไหล่ฉันและโน้มตัวให้อิงกับไหล่พี่อร
"น้องสาวสุดเลิฟ พี่บอกแล้วไงว่า หญิงหรือชายไม่สำคัญ โลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว พี่เคยมีทั้งแฟนทอมและชาย เอาเป็นว่า ถ้าพี่โสดและพร้อมมีแฟนผู้หญิงด้วยกันเมื่อไหร่ จะส่งใบสมัครให้นาคนแรก โอเคไหม"
คำปลอบของพี่อร ทำให้ฉันมีความสุขมาก พี่ีอรไม่ได้รังเกียจนาเลยที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน ฉันได้แต่หวังว่า ช่วงเวลาต่อจากนี้ พี่อรจะปฏิบัติต่อฉันเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แม้กระทั่งตอนพี่อรเรียนจบและย้ายออกไปจากหอนี้แล้วก็ตาม
ระหว่างฉันนิ่งเงียบอยุ่ดีๆพี่อรก็มาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ จนทำให้ฉันตกใจไปเหมือนกัน
"น้องรัก อย่าห่วงน่า นาดีกับพี่อย่างสม่ำเสมอไม่เคยเปลี่ยน พี่ก็จะดูแลนาไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกัน แต่ขอเวลาพี่หน่อยนะ"
มันเป็นคืนที่เราคุยกันยาวนาน ก่อนลุกไปเต้นกันอย่างสนุก ก่อนกันแบบไม่ต้องเคอะเขิน เรายืนเต้นสโลว์ซบกันจนทุกคนมองคิดว่าเราเป็นคู่เลสเบียนกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่เปล่าเลย เรายังไม่ได้รักกันแบบแฟน และยังไม่เคยจูบกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เรากลับถึงหอพักเกือบตีสอง ฉันเมามากจนนอนหลับไปโดยยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเที่ยวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ในวันที่ฉันกับพี่อร เปิดใจกันเรื่องความสัมพันธ์ความรักพีอรกับแฟน และความรู้สึกของฉันที่มีต่อพี่อรทุกๆอย่าง ฉันหลับตาลงและเคลิ้มฝันไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พี่ีอร เปิดหน้าต่างมองดูท้องฟ้า หันมามองดูฉันเป็นระยะๆจนกระทั่ง ฉันหลับสนิทไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
........
เช้าวันใหม่มาเยือนแล้ว เหมือนเช่นทุกครั้งที่ีพรอรมักตื่นก่อน อาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย เตรียมขนมปัง โอวิลตัน หรือกาแฟให้ดื่ม หน้าที่ของฉันมีเพียงไปอาบน้ำ แต่งตัวมารอรับประทานบนโต๊ะกินข้าว พี่อรมักเก็บที่นอนเสร็จก่อนฉันออกจากห้องน้ำเสียอีก ทำให้บ่อยครั้งที่ฉันลุกจากเตียงแล้วก็พยายามสลืมสลือจัดเตียงนอนให้ทันที ตามประสานคนเพิ่งตื่นก็ไม่ได้จัดอะไรเรียบร้อยนัก จนพี่คนสวยต้องจัดให้เรียบแปล้ใหม่ทุกที
วันแรกๆตอนอยู่หอด้วยกัน พี่อรมักเอาไปถ้วยชามไปล้างให้อีกต่างหาก จนต่อมารู้สึกเกรงใจและฉันขอเอาไปเป็นคนล้างให้เองผลัดกันทำบ้างอะไรบ้าง หรือข้าวเอามาหุง ไข่ไก่ มาม่า และอื่นๆก็สลับกันหุง ฉันไม่ลืมซื้อขนมเล็กๆน้อยๆติดมือมาให้พี่อรเสมอ เหมือนเช่นพี่อรซื้อให้เป็นประจำ แม้ว่าแค่ 5 บาท 10 บาทก็ถือเป็นน้ำใจดีๆ บ่งบอกว่าห่วงใหญ่และดูแลกันเสมอ
พี่อรแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว ชุดพี่อรทะมัดทะแม่งเข้ารูป ทำให้เห็นส่วนสัดโค้งเว้าของเอวที่เหมาะกับการเป็นพริตตี้อย่างมาก ซึ่งบางทีพี่เขารับงานอีเว้นท์บ้าง แต่มันไม่ได้มีมาบ่อยๆแล้วพริตตี้แย่งงานกันจะตายชัก ทำให้พี่อรหันมาเต้นโคโยตี้เป็นงานประจำ และมีรายได้แน่นอนกว่ามาก
"คนสวยเป็นไงบ้าง หายเมายัง" พี่อรทักขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ทำให้ฉันรู้สึกว่าวันนี้พี่เขาสวยเป็นพิเศษ
"สดใสมากเลยจ้ะพี่สาว มีพี่อรดูแลดีขนาดนี้ สบายมากอยู่แล้ว" นาบอกไปพร้อมส่งลักยิ้มตอบ
"อะจ้า แหมชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เขิลลล์นะยะ เมื่อคืนเราเมาน่าดุนะ ไม่เคยเห็นนาเมาขนาดนี้นะเนี่ย แต่เมาแล้วสวยอ่ะ บ่องตง"
"พี่อรสวยกว่าเค้าเยอะ มีแต่ผู้ชาย ทอม จ้องมองพี่อรมากกว่าเค้าเสียอีก" นาพูดพร้อมกับมองพี่อรที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์แชทบนไลน์ไปด้วย แต่พี่อรเหมือนไม่ค่อยกล้าเงยหน้ามาสบตากับนามากนัก
"แล้วเมื่อวานเห็นมีสาวๆ มาชนแก้วกับนาหลายคนเหมือนกันนิ มีเลสบ้างป่าวนั่น" พี่อรเอ่ยถาม แต่ยังไม่กล้าสบตานาเทา่ไหร่นัก
"ก็มีนะ มาถามว่าพี่อรเป็นใคร ถามว่านาเลสป่าว นาก็บอไปว่าพี่สาว ชีก็มาขอเบอร์ไลน์ เฟซอะไรตามระเบียบ เลสหรือเปล่านาก็ไม่รู้หรอก นายังไม่รู้ตัวเองเลยว่าเปนเลสไหม ถ้าเป้นเลสจริง นาจีบพี่อรคนแรกเลยล่ะจะบอกให้" ฉันเริ่มกล้าพูดกล้าหยอกพี่อรมากขึ้นในเชิงส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่า เรารู้สึกดีๆ กับผู้หยิงแสนดีคนนี้
"เดี๋ยวเถอะ หญิงคนนี้ ชักเอาใหญ่ล่ะ เดี๋ยวพี่เป็นเลสจริงๆเธอจะเดือดร้อนนะยะ ตัวจริงพีหื่นนะยะจะบอกให้" พี่อรหัวเราะไปด้วย ขณะที่ฉันฟังแบบเขินๆ เพราะไม่เคยมีความสัมพันธ์เชิงลึกกับผู้หญิงด้วยกัน หรือมีเซ็กซ์กันมาก่อนเลย อย่างมากก็แค่เพื่อนๆแกล้งจูบเล่นๆ ปากแตะปาก หรือ นัท เพื่อนสนิทหอมแก้มเค้าบ่อยๆ
"บ้า พี่อรก้อ" นาตอบไปแบบเขินๆ
"พูดเล่นจ้ะ น้องนาสุดสวย พี่ใช่เลสที่ไหนล่ะ" คำตอบหยิกแก้มหยอดของพี่อร ยังทำให้ฉันชั่งใจว่า แท้จริงแล้วพี่อรมีใจให้ฉันแบบคนรักบ้างหรือเปล่า ยังคาดเดาไม่ออกจริงๆ ภายหลังนาเผยใจเมื่อคืนวาน บางครั้งพี่อรดูเขินไม่กล้าสบตานาตรงๆ ในเวลาเดียวกันพยายามบอกปัดว่าตนเองมิใช่เลส ขณะที่ความรู้สึกของนาเอง เริ่มเบี่ยงเบนไปทางชอบหรือขั้นรักผู้หญิงคนนี้มากขึ้นทุกขณะ มันอาจเป็นความรักแบบผู้หญิงกับผู้หญิงแท้ๆ จนถึงขึ้นเลสเบี้ยนก็ได้ ใครจะไปรู้
"นาเคยเป็นดี้ ก็มีแนวโน้มเปนเลสได้นะ" พี่อรตั้งกระทู้คุยต่อ "แต่เรื่องแบบนี้มันไม่แน่นอนหรอก พี่เคยคบทอม ยังเปลี่ยนมาเป็นหญิงแท้ได นาอาจคบเลส หรือทอมอไรก็ได้ในอนาคต พี่ว่าโลกสมัยนี้มันเปิดกว้างแล้ว นาจะเป็นเลสหรือดี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก สำคัญคือกล้ายอมรับในสิ่งที่เป็นหรือเปล่า พี่ก็รู้จักเพื่อนเลสหลายคนนะ ไว้แนะนำให้รู้จัก"
บางที ฉันเข้าข้างตัวเองว่า พี่อรอาจชอบชั้นลึกๆและมิใช่แบบพี่น้องเท่านั้น พี่อรเคยเป็นดี้ ก็มีแววเป็นเลสได้เช่นกัน ฉันอ่านบทความต่างๆในโลกออนไลน์ ผู้หญิงที่เคยเป็นดี้ แล้วกลายเป็นเลสมีมากมาย หรือกลับมาเป็นหญิงแท้คบแฟนชายก็เยอะ ฉันคงต้องรอวันที่พี่อรโสดเสียก่อน เมื่อนั้นพี่อรอาจให้โอกาสนาเหมือนที่พี่ีเขาพูดไว้เมื่อคืน แต่ถึงเวลานั้นจริงๆ พี่คนสวยของฉันไม่รู้ว่าจะลืมไปแล้วหรือยัง
นาเดินไปมหาวิทยาลัยกับพี่อรพ้รอมกันเหมือนเช่นปกติ บางทีฉันมีเรียนช่วงสายกว่า แต่ก็ขอไปพร้อมกัน จะได้มีเพื่อนกันไปตลอดทาง เพียงแต่ตอนกลับฉันต้องกลับมาคนเดียว หรือบางทีมีเพื่อนมาส่งบ้างเพราะหออยู่ใกล้กัน ส่วนพี่อรจะไปทำงานต่อ โดยนำชุดไปเปลี่ยนที่ผับ และกลับมาตอนดึก
ตอนห้าโมงเย็นพี่อรไลน์มาบอกว่า เดี๋ยวจะมีเพื่อนพี่อรคนหนึ่งแอดไลน์ขอเป็นเพื่อนไป ชีน่ารักมากเป็นเลสด้วย ให้ฉันลองคบเป็นเพื่อนดู จะได้รู้ว่าตัวนาเองแท้จริงแล้วเป็นเลสหรือเปล่า
"สวัสดีค่ะ คุณนา เค้าชื่อ วิวนะ เป็นเพื่อนที่ทำงานอร อยากรู้จักเป็นเพื่อนด้วยคนนะคะ" ขอความในไลน์ปรากฏขึ้นพร้อมกับคำขอเป็นเพื่อน
ดิฉันตอบรับเป็นเพื่อนไปพร้อมกับส่งข้อความตอบ "ค่ะ ยินดีได้รู้จักคะพี่" ซึ่งปกติฉันเองตอบรับเป็นเพื่อนทุกคนที่รู้จักตัวตนกันจริงๆอยู่แล้ว มิใช่เรื่องแปลกอะไร
"วันนี้มาเที่ยวที่ผับไหมคะ วิวเข้าทำงานรอบดึกหลังพี่อรน่ะ"
"เดี๋ยวนาขอถามพี่พรก่อนนะคะพี่" นาส่งข้อความไปบอกพี่อร เหมือนเช่นทุกครั้งที่มีคนชวนไปเที่ยวหรือไปไหนมาไหนด้วย ฉันจะปรึกษาพี่อรตลอดไม่วา่เรื่องใดก็ตาม
"เพื่อนพี่อร แอดไลน์นามาอ่ะ ชวนนาไปเที่ยวผับ เค้าบอกทำงานร้านเดียวกับพี่อร จะปลอดภัยไหมพี่"
"อ่อ พี่บอกให้ วิว ทักนาไปเอง สะดวกมาหรือเปล่าล่ะ เดี๋ยวกลับกับพี่ีอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง วิวมันนิสัยดี สนิทกับพี่มาก"
"นาไม่เคยไปร้านพี่อรเลย ไปไม่ถูกอ่ะ"
"เดี๋ยวให้วิวมันไปรับนะ มันมีรถ ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องค่าเหล้าค่ากิน พี่จัดการเอง พี่ทำงานที่ร้าน เค้าไม่ได้คิดแพงหรอก พี่มีเหล้าเปิดอยู่แล้ว"
"แล้วเค้าเป็นเลสหรือพี่" นาถามต่อ
"ช่าย แต่ไม่ต้องกลัวหรอก พี่คุยกับมันแล้วว่า ให้เป็นเพื่อนกัน ถ้าชอบจริง ก็ให้ดูแลน้องสาวพี่ดีๆ"
โคตรไม่ประสีประสาเลยเรา เกิดมาไม่เคยคบเลส ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกัน แล้วถ้าเจอกับเลสจริงๆ มันจะเป็นอย่างไรเนี่ย ต้องเสียตัวหรือเปล่า ความคิดของนาร้อยแปดพันประการ รู้แต่อย่างเดียว ถ้าพี่อรอยู่ด้วยก็ไร้กังวล
ราวหนึ่งทุ่ม พี่วิวไลน์มาบอกว่า มาถึงที่หอแล้วลงมาได้เลย นาแต่งตัวไม่ได้เซ็กซี่มากเหมือนหนก่อนที่ไปเที่ยวกับพี่อร เสื้อยืดเป็นสีขาวบางๆรัดรูป กระโปรงใส่สีดำ เป็นผ้ามัน สั้นระดับเข่า พอฉันลงไปที่ชั้นล่างของหอ เห็นรถยนต์โตโยต้าสีแดงเงางามจอดอยู่ และมีผุ้หญิงนั่งอยู่ด้านคนขับ โดยเปิดกระจกด้านนั่นอยู่ จึงก้มมองลอดเข้าไปยังกระจกนั่น
"พี่วิวหรือเปล่าคะ" ฉันถามขึ้น
"ค่ะ นาหรือเปล่าคะ" พี่ผู้หญิงตอบกลับ ฉันยกมือสวัสดีและยิ้มให้เล็กน้อย "สวัสดีค่ะพี่วิว" ฉันว่าอรสวยอย่างกับพริตตี้นางแบบแล้ว พี่วิวสวยยิ่งกว่าพี่อรเสียอีก จนทำให้ฉันอึ้งไปเล้กน้อย และมองด้วยความเขินเล็กๆ "ผู้หญิงสวยขนาดนี้เป็นเลสหรือ"
"เอ้าเข้ามาสิจ๊ะ" พี่วิวยิ้มและเอื้อมตัวไปเปิดประตูอีกฝั่งให้
ทันทีเมื่อฉันเขามานั่งในรถ แทบไม่กล้าหันไปสบหน้าพีวิวเลยสักนิด พี่ว่ิวสวยมาก ปากทาด้วยลิบสติกสีแดง เรียวยาวดุมีสเน่ห์ จมูกสมส่วน ตาคมและทาไอน์ไลน์เนอร์โฉบเฉี่ยว ติดขนตาเล็กน้อย แต่ไม่ยาวเกินไป ใบหน้างดงามไร้ริวรอยใดๆ ผมยาวเกือบถึงหน้าอก ดัดเป็นลอนเข้ากับทรงผมที่สาวๆกำลังฮิดตอนนี้
เสื้อสีดำของพี่วิวใสชุดแส็กรัดรูปสีดำ กะโปรงสัั้นมาจนถึงโคนขา ยังดีที่ไม่มีอะไรแวบออกมาเพราะพีเขาเอาผ้าสีเขียวผืนใหญ่บางๆวางไว้ตรงหน้าตักกันโป๊ เรียกว่าถ้าไม่มีผ้าผืนนี้ แค่หันไปมองก็คงเห็นชั้นในแล้ว แต่ถึงจะมีผ้าผืนนั้นวางไว้ตรงตัก ด้านข้างก็ยังเห็นว่ากระโปรงรุ่นขึ้นไปมากจนเห็นโคนขาขาวเนียนของพี่วิว เวลาเรานั่งรถยนต์กระโปรงมักร่นขึ้นมาค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ขนาดกระโปรงฉันสั้นแค่เข่า เวลานั่งยังร่นขึ้นมาครึ่งหนึ่ง แต่ไม่ได้โป๊อะไร ฉันก็ไม่ได้มีผ้าอะไรเตรียมมาปิดไว้ด้วย อีกอย่างพีวิวก็ผู้หญิงด้วยกันคงไม่รู้สึกแปลกอะไร ฉันมองรูปร่างพีวิวแว้บหนึ่งแล้วรีบหันมานั่งหน้าตรงทันที กลัวพี่วิวสังเกตเห็นได้ว่าฉันแอบมองอะไรอยู่
"น้องสาวอร สวยนะเนี่ย" พี่วิวชวนคุยพร้อมกับยิ้มไปด้วยแบบคนอารมณ์ดี
"โห สวยไม่เท่าพี่วิวหรอก พี่วิวเป็นดาราได้เลยนะเนี่ย" นาพูดตามความรู้สึก
"ไม่ขนาดนั้นหรอก ได้เป็นก็ดีสิแหม ใครก็อยากเป็น ของงี้อยู่ที่ดวง พี่มีงานทำ มีเงินใช้ มีรถขับแค่นี้ก็พอใจแล้ว" พี่วิวคุยไปยิ้มไป ทำให้ฉันรู้สึกว่าผุ้หญิงคนนี้ใจดีและเป็นกันเองมากๆ ขนาดเพิ่งพูดคุยกันวันแรกไม่กี่ประโยค กี่นาที
"นาไม่เคยไปผับแบบนี้เลยอ่ะ เป็นไงหรอคะพี่" ฉันชวนคุยต่อ
"ก็ไม่มีอะไรหรอก ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าผู้ชายไปเที่ียวกัน แต่ก็มีผู้หญิงไปบ้าง ราว 80% 20% เค้าก็มาดูเราเต้นบนเวที ซื้อดริ๊งค์ให้เราให้ติ๊บเราไรงี้"
"ค่ะพี่ พี่อรบอกรายได้ดีมาก นาจะขอทำด้วย แต่พี่ีอรบอกให้นาขึ้นปีสามก่อน มีตัวต้องลงเรียนน้อยลง จะได้ทำงานไหว"
"ก็มาสิ สวยๆหุ่นดี อย่างนา ลูกค้าติดตรึมแน่นอนจ้ะ ทำแค่ปีสองปี เก็บเงินดีๆซื้อรถดีๆขับได้แล้วละ" เสียงพี่วิวเล็กแต่ฟังดูนุ่มนวล ทำให้รู้สึกถึงความอ่อนโยนอย่างมาก ฉันนั่งฟังพี่วิวคุยไป แล้วแอบชำเลืองมองดูใบหน้าด้านข้างและหุ่นพี่วิวไป บางทีฉันกลืนน้ำลายโดยไม่ทันรู้ตัว และรู้สึกใจเต้นเหมือนกันที่ได้นั่งข้างๆผู้หญิงสวยขนาดนี้ แล้วฉันจะใจ้เต้นทำไมเนี่ย ผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ ในใจฉันคิด พร้อมกับพยายามมองออกไปนอกถนน
พี่วิวขับรถมาสักครึ่งชั่วโมงก็ถึงผับซึ่งค่อนข้างใหญ่โต หรูพอสมควร พี่อรขับรถอ้อมไปจอดด้านหลัง ที่ประจำของพนักงานที่ร้าน ตอนพี่ออนดับเครื่อง พี่อรหยิบผ้าผืนบางตรงหน้าขาออก และขณะก้าวขาลงจากรถ ทำให้ฉันเห็นชั้นในสีดำมีลูกไม้บางๆอย่างชัดเจน จนฉันกลืนน้ำลายอีกเฮือกใหญ่ แต่พี่วิวก็ดูไม่ได้คิดมากหรือสนใจจะปิดป้องอะไร ก้าวลงจากรถเสร็จก็หยิบกระเป่าหลังรถมาสะพายไหล่ขวา แล้วกดรีโมทล็อค จากนั้นจึงเดินมารับนาที่ประตูคนนั่ง แล้วเอื้อมมือซ้ายมาจูงมือขวาฉันเดินเข้าไปทางหลังร้าน
"ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีอะไรหรอก ถือว่ามาเที่ยวนั่งฟังเพลงสนุกๆก็แล้วกัน พอพี่อรกับพี่วิวเต้นเสร็จก็จะลงไปเป็นเพื่อนคุยด้วยไม่ต้องห่วงหรอก"
พี่วิวพาไปยังโต๊ะสีดำที่ตั้งสูงขึนมาพอสมควร เก้าอี้ก็เป็นแบบทรงสูงด้วยเช่นกัน เป็นโต๊ะที่อยู่ด้านข้างของเวที สำหหับให้พนักงานลงมาพักกินน้ำกินท่า ก่อนเต้นหรือหลังเต้นเสร็จ อยู่คนละส่วนกับโต๊ะของลูกค้าซึ่งมีลักษณะเป็นบาร์ยาวติดขอบเวลาทีเต้น ซึ่งมีเวทีแบบย่อยๆนี่ถึง 4 เวทีในผับ ยังไม่รวมเวทีใหญ่ตรงกลางสำหรับการแสดงโชว์และเล่นดนตรี
"นั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปบอกอรแป๊บ" พี่วิวเดินเข้าไปยังห้องประตูสีดำที่มีป้ายเขียนว่า "สำหรับพนักงานเท่านั้น" สักพักเดินออกมาพร้อมกับพี่อร ในชุดที่ทำให้ฉันตะลึงไม่น้อย พี่อรใส่บราแบบกินี่รัดติ้วจนเห็นเนินนมอันใหญ่โตระดับคับซี กางเกงขาสั้น สั้นมากๆระดับเสมอหู แล้วตัวเล็กมากๆจนเผยให้เห็นขอบเอวขาว พี่อรแต่งหน้าเต็มสูบยิ่งกว่าตอนเราไปผับด้วยกันเสียอีก
"อ้าวมาแล้วหรือนา เดี๋ยวพี่ให้เด็กเอาเหล้าไปให้ที่โต๊ะนะ" พี่อรเดินมาพร้อมกับพี่วิวพานามานั่งโต๊ะสีดำ ซึ่งมันเหมาะสำหรับยืนดื่มมากกว่านั่งกิน เพราะเก้าอี้สูงปรี๊ด ต้องเหยียบที่รองขาขึ้นไปถึงจะนั่งได้
"บอกแล้ว วิวมันสวย ใจดี เอาใจเก่ง คุยสนุก" พี่อรโอบไหล่นา พร้อมกับคุยกับพี่วิวไปด้วย
"ฝากดูแลนาด้วยนะเพื่อนวิว อย่าทำไก่ตื่นล่ะ" พี่อรแกล้งพูดเล่นแล้วเอามือตีก้นพี่ิวิวเบาๆหยอกล้อไปด้วย
"ไก่ตื่นไรกันจ๊ะสุดสวย ฉันไม่ได้หื่นขนาดนั้นนะยะแหม น้องเพื่อนฉันไม่ทำหรอกน่า" เป็นบทสนทนาที่ฉันฟังแล้วยังงงเล็กน้อยว่าหมายถึงอะไร
เสียงในผับดังมาก จนเวลาคุยกันต้องเอียงหน้ามาใกล้ๆอีกคนเพื่อให้ได้ยินเสียงว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
"เดี่ยวพี่ เตรียมไปขึ้นเวทีเต้นก่อนนะ คุยกับวิวไปก่อน" พี่อรกระซิบที่ข้างหูนา จนทำให้ฉันขนลุกนิดหน่อย เพราะริมฝีปากพี่อรโดนติ่งหูด้านขวาของฉันไปด้วยขณะคุยกัน
พี่อรเดินหายไปยังประตูสีดำ ห้องพนักงานอีกครั้ง ขณะที่ฉันยังเขินๆในการพูดคุยกับพี่ว่ิวแค่สองคน
"พี่วิวยังไม่เต้นหรือคะ" ฉันพยายามเริ่มต้นบทสนทนา "ยังจ้ะ คนสวย ของพี่เริ่มเต้นรอบแรกสองทุ่มน่ะจ้ะ"
เด็กเสิร์ฟเอาเหล้าและมิกเซอร์มาวางไว้ที่โต๊ะ พร้อมถามว่าผสมอะไร
"ของวิวเหล้าผสมโซดาอย่างเดียวนะ" พี่วิวบอกเด็กเสิร์ฟ "นาผสมอะไรจ๊ะ"
"ขอเหมือนพี่วิวค่ะ แต่ไม่ต้องใส่เหล้าเยอะนะพี่ นากินไม่ค่อยเก่งน่ะค่ะพี่" นาพูดที่ีข้างพี่วิว ทำให้ฉันได้กลิ่มหอมๆของตัวพี่วิว จมูกของฉันเหมือนโดนแก้มพี่วิวด้วย ขณะที่ผมยาวๆของพี่วิวก็มาสัมผัสที่ใบหน้าฉัน ทำให้หัวใจฉันเต้นตุบๆแบบเบาๆ
ระหว่างเราคุยกัน ต้องเอียงหน้ามาที่หูอีกคนตลอดเพราะเสียงดนตรีดังจนกลบเสียงเราไปหมด แค่ยืนห่างกันนิดเดียวก็ไม่ได้ยินเสียงคุยกันแล้ว เรายืนคุยกันดูถนัดกว่านั่งบนเก้าอี้สูงมาก แต่บางครั้งฉันก็เมื่อยต้องขอนั่งสักแป๊บเหมือนกัน พี่ิวิวก็มายืนใกล้ๆเพื่อคุยกันตลอดเวลา เอวของพี่วิวพิงที่ต้นขาฉันตลอดเวลาคุยกันจนฉันรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายพี่วิว แม้ว่าเสื้อผ้ากันอยู่ก็ตาม
"มีแฟนยังนา" หลังจากเราคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ และอื่นๆไปสักพัก พี่ิวิวเริ่มถามเข้าประเด็น
"ยังเลยค่ะพี่" ฉันตอบไปแบบซื่อๆ
"ไม่อยากเชื่อว่า สวยๆแบบนายังโสด คงมีเลสมาจีบเยอะละสิ" พี่วิวหยิกแกมหยอกต่อ พร้อมโดยยิ้มแบบให้
"เอาเรื่องจริงนะพี่ หนูยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวตนจริงสักที ไม่ว่าทอม ชายหรือ เลส ส่วนใหญ่แค่ไปเที่ยวกันไรกัน แต่หนูไม่เคยตอบตกลงคบเป็นแฟนกันจริงๆนะ" ดิฉันเริ่มคุยแบบถูกคอกับพี่วิว เหมือนคนรู้จักกันมานาน
"แล้วนาเลสอะไรล่ะ" คำถามพี่วิวทำให้ฉันอึ้งกิมกี่ไปสองสามวินาที เลสเบี้ยนคืออะไรนายังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือแต่ว่าคือผู้หญิงรักผู้หญิงด้วยกัน แต่ถ้ายังไม่มีอะไรกันจะเรียกว่าเลสหรือเปล่า และผู้หญิงคนนั้นเคยมีแฟนชาย จะเรียกเลสได้ไหม เคยคบทอมแล้วมาคบเลสจะเรียกเลสได้ป่าว วิชาเพศศึกษาสมัยมัธยม ไม่ได้เขียนไว้ในตำนานเรียนเสียด้วย
"เอ่อ..." ฉันนิ่งไปสักพักพร้อมกับเขินอายไปด้วย เล่นถามกันตรงๆแบบนี้เลยเรอะ...
"หนูก็ยังไม่รู้เลยว่า หนูเปนเลสป่าว เคยคบแต่ทอมอ่ะพี่" ฉันอ้างอิงนัท ที่เป็นทอมซึ่งเป็นเพื่อนรัก และเคยขอนาเป็นแฟน
"หืม งั้นนาก็มีแววเป็นเลสได้นะ เพราะดี้ก็เป็นเลสกันเยอะในภายหลัง" พี่วิวชักชวนเข้าเรื่องไปเรื่อยๆ
"แล้วพี่วิวเป็นเลสหรือคะ เป็นพี่อรบอก" ฉันเริ่มใจกล้าถามขึ้นบ้าง เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า เลสจริงๆเป็นอย่างไร
"ใช่จ้ะ พี่เป็นเลสทูน่ะ" พี่วิวเฉลย ทำให้ฉันงงเข้าไปอีก เลสเบี้ยน ยังมีเลสทูด้วยอีกหรอนี่
"มันเป็นไงพี่เลสทู" ฉันถามด้วยความสงสัย ซึ่งทุกครั้งเวลาเราคุยกัน ต้องกระซิบข้างหูตลอด และจมูกก็ชนแก้มอีกฝ่ายบ่อยๆ จนฉันเริ่มชินขึ้น จากตอนแรกที่รู้สึกขนลุกพิลึก
"ให้พี่ตอบแบบๆตรงๆหรืออ้อมๆ"
"ตรงๆเลยก็ได้ค่ะ"
"เลสทู คือเวลามีไรก็ผลัดกันรุกและรับ ผลัดกันทำ" พี่วิวตอบด้วยสีหน้าเฉยๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ คำตอบพี่วิวทำให้ฉันเริ่มหน้าแดงรู้สึกเขิน เมื่อนึกถึงคลิปเลสเบียนที่เคยดู (แล้วใครไม่เคยดูบ้างล่ะ) เลยถึงบางอ้อว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง
"แล้วถ้านารักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่เคยมีอะไรกันแบบนั้น จะเรียกว่าเลสได้หรือเปล่าคะพี่วิว"
"ก็น่าจะได้นะพี่ว่า คำว่า เลส มันเป็นเรื่องของจิตใจมาก่อนร่างกายนะ เรารักเขาแบบอย่างอยู่ใกล้กัน ห่วงใยห่วงหาอาทรกัน อยากใกล้ชิดกันตลอดเวลา อยากให้เขารักเราในแบบเดียวกัน เราหวงเขาหึงเขา เรารู้สึกคิดถึงเขาตลอดเวลา อยากกอดอยากสัมผัส" คำอธิบายของพี่วิวทำให้ฉันเชื่อว่าน่าจะเป็นความชอบหรืออาจถึงขั้นความรักที่ฉันมีต่อพี่อรก็เป็นได้ แม้ว่าฉันไม่เคยมีอะไรกับพี่อรแบบนั้น แต่ฉันรู้สึกแบบเดียวกันกับแบบที่พีวิวเล่ามาเกือบทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องหึง บางครั้งฉันรู้สึกเหงาและหวงเหมือนกันเวลาพี่อรไปอยู่กับแฟนช่วงวันศุกร์เสาร์ หรือเวลาพี่อรหัวร่อต่อกระซิกกับเพื่อนสาวสวยๆ เพียงแต่ฉันมักเก็บอาการไม่แสดงออกเท่านั้นเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น
"แล้วพี่วิวมีแฟนหรือยังคะ" ฉันชวนคุยต่อ แม้ว่าสนใจยังวนเวียนกับการถามความรู้สึกตัวเองต่อพี่อรก็ตาม
"เอาเรื่องจริงหรือโกหกล่ะ" พี่วิวพยายามเล่นมุขให้ดูไม่ซีเรียสมาก และเรียกรอยยิ้มจากฉันได้
"เอาจริงๆเลยพี่หนูชอบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม"
"เรื่องจริงคือพี่มีกิ๊กบ้างไรบ้าง แฟนตัวตนไม่มีอ่ะตอนนี้"
"แล้วแฟนคนก่อนหน้านี้ละพี่"
"ก็คบมาบ้าง 2-3 คนนะ แต่ไม่ค่อยนานหรอก คนหนึ่งแค่ปีสองปี พี่เลยเริ่มเบื่อๆ หันมาทำงานเก็บเงินดีกว่า มันจะมาเดี๋ยวก็มาเอง ไม่ต้องดิ้นรนหาหรอก"
ฉันรู้สึกว่าเราคุยกันถูกคอและเข้ากันดี ฉันเองคุยไปและตื่นเต้นไปด้วยเป็นระยะ ไม่คิดว่าผู้หญิงสวยๆขนาดนี้จะเป็นเลสได้
"นั่น อร ขึ้นเวทีแล้ว" พี่วิวสะกิดให้ฉันดูสาวๆที่ขึ้นบนเวทีเต้นของโคโยตี้ ที่ยกพื้นขึ้นมาสูงมาก โดยรอบๆเวทีเป็นบาร์ให้ลูกค้านั่งดู โดยพี่อรเต้นอยู่ตรงเวทีที่ใกล้ๆกับโต๊ะของเรา แปลกที่พี่อรย่างก้าวขึ้นมาบนเวทีแล้ว ไม่ได้ส่งสายตาสบตากับฉันหรือพี่วิวเลย แล้วท่าเต้นของพี่อรกับเพื่อนๆทำให้ฉันรู้สึกทึ่งมาก ยามอยู่กับเพื่อนๆในวงกินเหล้า พี่อรดูเฮฮา ออกจะพูดจาห้าวๆด้วยซ้ำ แต่เมื่อขึ้นมาเต้นแบบนี้ทำให้รู้สึกเซ็กซี่เป็นพิเศษและเป็นคนละคนกับที่ฉันรู้จักเลยก็ว่าได้
พี่อรค่อยๆโยกเอวช้าๆ ส่ายไปมาตามจังหวะเพลง มือหนึ่งลูบผมให้ปลิวไสว อีกมือเท้าเอว มีหมุนตัวสลับกับเพื่อนบ้าง แสงไฟในผับที่กระทบใบหน้าพี่อร ทำให้ดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก เกล็ดเพชรที่ติดอยู่ตรงขนตาทำให้ส่งประกายระยิบระยับ
บางท่วงทาพี่อรก้มลงแล้วค่อยๆเอามือลูบต้นขาผ่านตรงหน้าท้องขึ้นมายังเอว เรียกเสียงปรบมือจากลูกค้าได้เกรียว หรือบางทีก็ทำท่าคล้ายๆกับเอามือลูบหน้าอก ทำให้เนินนมดูบีบขึ้นมายั่วสายตาลูกค้าข้างล่างไม่น้อย ฉันได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่กับลีลาของพี่อรกับสาวๆ ไม่แปลกใจเลยที่มีหนุ่มๆมารายล้อมดูพี่สาวสุดรักของฉันเต้นขนาดนี้
เต้นไปสักพัก พี่อรนั่งคุกเข้าข่างหนึ่งลงกับพื่้น แล้วก้มหัวลงมาหานักเที่ยวข้างล่างคนหนึ่ง ภาพที่ฉันเห็นคือ หนุ่มที่เหมือนนักธุรกิจคนนั้น เอาเงินเสียบใส่ที่ยกทรพี่อรตรงร่องอกพอดี ขณะที่โคโยตี้คนอื่น ก็มีหนุ่มๆทะยอยเอาแบงค์เสียบแบบเดียวกัน สีแดงบาง ม่วงบ้าง ช่างเป็นอาชีพทำเงินอะไรได้ดีขนาดนี้
"กะพริบตาหน้อย น้องนาคนสวย" พี่วิวแกล้วเอามือมาโบกหน้าฉัน ที่เอาแต่ยืนดูตาค้าง ไม่ได้จิบเบียร์ในมือเลยแม้แต่อึกเดียว ฉันหันมาพร้อมยิ้มให้พร้อมกับชวนพี่วิวชนแก้วเบียร์
"เดี๋ญวพี่วิวต้องขึ้นไปเต้นแบบนี้ด้วยหรือคะ"
"ใช่จ้ะ เดี๋ญวสามทุ่มพี่ต้องขึ้นไปเต้น แล้วห้าทุ่มจะมีจับคู่เต้นกับอรด้วยนะ แต่นาอยู่ตรงนี้เป็นโต๊ะของพนักงานและเพื่อน ไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายหรอกไม่ต้องห่วง"
เสียงเพลงบรรเลงไปยาว 3-4 เพลง ก่อนดีเจดับไปแล้วหันมาเปลี่ยนจังหวะดนตรีเป็นแบบดิสโก้ และขอบคุณโคโยต้าบนเวที ก่อนประกาศรอพบแดนเซอร์รอบต่อไปในอีก 45 นาทีข้างหน้า
พี่อรเดินลงจากเวทีแล้วแวะมายังโต๊ะเรา ก่อนใช้มือซ้ายโอบไหล่ด้านซ้ายของฉัน แล้วโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู "นานั่งดื่มไรไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่คุยกับลูกค้าหน่อย" ฉันสังเหตเงินที่ลูกค้าเสียบให้ตรงร่องอกเมื่อสักครู่ไม่มีอยู่แล้ว พี่อรคงเอาไปเก็บเรียบร้อย แต่เห็นร่องอกเปล่าๆที่ขนาดไม่หน้าต่ำกว่ายกทรงไซส์ 34-36 เลยทีเดียว และการใส่ยกทรงรัดรูปขนาดนี้ โกยหน้าอกขี้นมาไว้ข้างบนแบบนี้ ทำให้ดูมหึมาหนักกว่าเก่า
พี่อรเดินไปหาลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งบุรุษผู้นั้น ชนแก้วเหล้ากับพี่อรแล้วนั่งคุยกันนานสองนาน บางทีผู้ชายคนนั้นก็เอามือโอบเอว หรือโอบไหล่พี่อรบ้าง ทำให้ฉันรู้สึกหึงนิดๆเหมือนกัน
"พี่อรไปคุยกับผู้ชายคนนั้นทำไมคะพี่วิว แฟนพี่อรหรือ"
"เปล่าหรอก เวลาลูกค้าชอบนักเต้นคนไหน เขาจะซื้อดื่มให้เพื่อให้ลงมาคุยกัน นักเต้นก็จะได้ส่วนแบ่งจากค่าดื่มด้วยนอกเหนือจากติ๊ปเสียบนมอย่างที่นาเห็น แต่ไม่มีอะไรหรอก แค่พูดคุยกัน เรื่องลูกค้าถูกตัวเราบ้างก็ปกตินะ แต่เราไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยหรอก มันเป็นเรื่องของอาชีพ"
ฉันพยายามเบนหน้าไม่มองพี่อรทีนั่งคุยกับลูกค้าอย่างสนิทสนม รู้สึกเซงยังไงบอกไม่ถูก เลยหันหน้ามาคุยกับพี่วิวแทน ซึ่งก็ทำให้ฉันไม่กล้ามองตรงๆนัก เวลาพี่วิวคุยตอบเพราะตาพี่วิวสวยมาก ออกแนวเจ้าชู้นิดๆด้วย แต่อย่างน้อยการคุยกับพี่วิวก็เบนความสนใจไปจากพี่อรกับลูกค้าได้บ้าง
เราคุยกันสักพัก ฉันขอให้พี่วิวช่วยพาไปห้องน้ำ พี่วิวจูงมือฉันไปส่งก่อนรับพากลับมาที่โต๊ะ สักพักพี่วิวขอไปแต่งตัวจะขึ้นเวทีเต้นบ้าง ฉันนั่งฟังเพลงไปเล่นโทรศัพท์คุยไลน์กับเพื่อนไป ตาสายตาก็คอยชำเลืองพี่อรไปด้วย พี่อรหันสายตามามองฉันนานๆครั้ง เหมือนให้รู้ว่ายังห่วงใยดูแลกันอยู่ พี่อรนั่งคุยกับลูกค้าคนเดิมนานจนถึงรอบพี่วิวขึ้นเต้นบ้าง โดยพี่วิวใส่ชุดคล้ายๆพี่อรกางเกงสั้นจุ๊ดจู่ และเอวต่ำจนเกือบเห็นของกางเกงใน และใส่แต่ยกทรงสีแดงแบบบินี่เต้น ลีลาของพี่วิวไม่แพ้กันเลย ฉันนั่งจิบเหล้าไปเรื่อยๆ จนไม่ทันสังเกตว่ามีผู้หญิงมายืนข้างๆตัวฉันแล้ว
"เป็นไงบ้าง เบื่อไหมนา" พี่อรนั่นเอง พี่อรขอแก้จากเด็กเสิร์ฟแล้วหยิบเหล้ามาชนแก้วกับนา
"ไม่เบื่อหรอกพี่สนุกดี พี่อรเต้นเก่งมากเลย ฉันลุกให้พี่อรนั่งเก้าอี้ เพราะคิดว่าคงมีเมื่อยบ้างอะไรบ้าง
"พี่อรนั่งบ้างนะ นาขอยืนหน่อย นั่งนานๆเมื่อยเหมือนกัน"
นายืนด้วยท่าเดียวกับพี่อรคือเอาต้นขาขวายืนติดกับลำตัวด้าข้างพี่อร แล้วมือขวาฉันก็วางต้นขาพี่อรไปด้ยแบบไม่ทันรู้ตัว ซึ่งพี่อรไม่ได้ว่าอะไร เราชนแก้วเหล้ากันไปตามปกติ แล้วก็ดูพี่วิวเต้นอย่างสนุกไปด้วย
"วิวเต้นเก่งเนอะ" พี่อรทัก
"เซ็กซี่มากเลย แต่พี่อรก็สุดยอดไม่แพ้กัน ถ้านาเป็นผู้ชายละก็ ให้ติ๊บเป็นกระบุงแน่"
"คุยกับวิวแล้วเป็นไงบ้าง สายตามันอาจเจ้าชู้ แต่นิสัยดีนะ สวยด้วย ถ้านาคบวิวเป็นแฟนละก็ ต้องเป็นคู่ที่สวยมากจนคนอิจฉาแน่ๆ"
ในใจฉันไม่ได้รู้สึกถึงความรักหรือความผูกพันกับพี่วิวเหมือนที่มีกับพี่อรเลย แม้ว่าช่วงเวลานั่งนั่งติดตัวกันยืนตัวติดกันอาจทำให้ฉ้ันตื่นเต้น มีเหงื่อออกตามมือบ้างก็ตาม
"ก็ไม่รู้เหมือนกันสิพี่อร แต่เท่าที่คุยเรื่องเลส นาว่านาเองก็อาจเป็นเลสได้นะ" ฉันตอบไปตามความรู้สึกของตัวเอง
"ว่าแต่ตอนพี่อรเต้นบนเวที ไม่เห็นมองมายังโต๊ะเราเลย"
"อ๋อ เวลาอยู่บนนั้น เราไม่ได้มองคนใดคนหนึ่งเฉพาะเจาะจงหรอก สายตาเราอาจเหมือนเล่นหูเล่นตากับคนดูบ้าง แต่ต้องเต้นไปเรื่อยๆไม่ให้เสียสมาธิน่ะ แต่พี่เห็นเหมือนกันนะว่าเรานั่งกับวิวจนตัวแทบเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว อิอิ"
"บ้า พี่อรพูดไป มันคุยกันไม่ได้ยินไง เลยต้องนั่งติดๆกัน"
"เดี๋ยวห้าทุ่มดูอะไรเด็ดๆนะ พี่อรกับวิวจะเต้นคู่กัน มีท่าเลสด้วย"
"จริงดิ" ฉันรู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่า มีท่าอะไรแบบนั้นด้วยหรือนี่ เราคุยกันราว 10 กว่านาที ก็มีลูกค้าเรียกพี่อรไปนั่ง ตอนพี่วิวลงมาจากเวทีก็ไปนั่งกับลูกค้าอีกคนที่อยู่ไม่ไกลกันนัก แต่ยามใดที่ทั้งคู่ว่างจากลูกค้าก็มักมานั่งเป็นเพื่อนนาตลอด ทำให้นาไม่รู้สึกเบื่อเลย บางทีก็ชวนนาเต้นไปตามจังหวะเกม พี่วิวแกล้งเต้นไปบ้างแล้วบางทีก็หันหน้าตรงกับนาเอามือคล้องคอแล้วสบตาเต้นสโลว์ไปด้วยกัน ทำให้ฉันรู้สึกเขินมากๆ แต่ในใจหนึ่งก็อบอุ่นดีเหมือนกัน ฉันเองเริ่มเมาแล้วเลยรวบรวมคว้ากล้าเอามือไปจับเอาสองข้างของพี่วิวด้วย เต้นไปพี่วิวก็สงสายตาหวานเยิ้มให้ตลอดจนฉันเองต้องหันไปมองทางอื่นหรือไม่ก็ก้มมองแถวหน้าอกพี่วิวแทน เรียกว่าไม่กล้าสู้สายตาพี่เขาเลย
เหลืออีกสิบนาทีจะห้าทุ่ม พี่วิวกับพี่อรกลับไปยังห้องแต่งตัวอีกครั้งเพื่อขึ้นเวที แสงไฟกลับมาส่องสว่างตรงเวทีทั้งสามอีกครั้ง พี่สาวทั้งสองคนค่อยๆเดินออกมาช้าๆ แล้วเต้นโยกเอาไปมาด้วยท่าเซ็กซี่เหมือนเคย สักพักเมื่อเต้นไปราวนาทีเศษ พี่วิวเดินมายังหลังพี่อร แล้วเต้นเหมือนเป็นคู่เลส โดยเอานมแนบแผ่นหลังพี่วิวไปด้วย ขณะที่มือทั้งสองข้างเอื้อมาด้านหน้าเพื่อลูบๆแถวต้นขาพี่วิว ผ่านตรงจุดสำคัญแถวท้อน้อย แล้วขึ้นมาตรงเอว จากนั้นทั้งสองคนโยกตัวไปมาพร้อมๆกัน โดยพี่อรชูมือขึ้นเต้น ส่วนพี่วิวยังคงเอามือเกาะที่เอว สักพักค่อยๆเลื่อนมาขึ้นมาตรงแถวหน้าอก ลูบขึ้นลูบลง แต่ฉันเองเหมือนมือพี่วิวเบียดเอาโดนนมพี่อรกระเพื่อมบ่อยๆ
จากนั้นทั้งคู่เปลี่ยนท่ามาเป็นหันหน้าเข้าหากัน พี่วิวเต้นในท่ายืน สา่ยสะโพกและเอวช้าๆ มือลูบผมตัวเองเล็กน้อย ก่อนชูขึ้นเหนือศรีษะขณะเต้นไปด้วย ขณะที่พี่อรย่อตัวลงมาเล็กน้อย แล้วเอามืออ้อมไปลูบๆบริเวณแผ่นหลังพี่วิวไปมาแล้วค่อยๆผ่านมาตรงแก้มก้น ขึ้นลงอย่างช้าๆ ท่านี้ทำให้ใบหน้าของพี่อรแทบจุกอยู่ตรงร่องนมพี่วิว สักพักพี่อรค่อยๆเลื่อนหน้าตรงมาตรงหน้าท้อง มือยังคงล้มแผ่นหลังอยู่ พี่วิวเองแหงนหน้าให้เหมือนกำลังมีอารมณ์ไปด้วย แม้ว่าเป็นแค่การแสดง แต่ฉันดูแล้วรู้สึกใจเต้นมาก ไม่เคยเห็นการเต้นสดๆสไตล์เลสมาก่อน
พี่อรค่อยเปลี่ยนท่าลุกขึ้นยืนช้าๆ นมชนนมกัน จมูกเกือบแนบกัน จากนั้นจังหวะเพลงเปลี่ยนเป็นอีกเพลงที่ทำนองรวดเร็วขึ้น ทั้งสองคนแยกตัวออกจากกันแล้วไปเต้นสไตล์สไตล์มัน แล้วพี่อรกับพี่วิวก็เปลี่ยนคู่ไปเต้นท่าเลสกับนักเต้นคนอื่นสลับกันไปมา เรียกเสียงฮือฮาวีดวิ้วจากลูกค้าได้เยอะอย่างมาก เมื่อเต้นเสร็จแล้ว แสงไฟดับลง เวทีเหลือแสงสลัวๆ นักเต้นก้มลงให้ลูกค้าเอาเงินเสียบร่องอีกเช่นเคย บางคนขอให้ลองจูบกัน ซึ่งพี่วิวกับพี่อรเอาปากมาแตะกันแล้วก็จูบกันกันแบบดูดดื่ม เหมือนเลสจูบกันจริงๆอยู่หลายวินาทีท่ามกลางแสงสลัวนั้นซึ่งเรียกติ๊บด้วยธนบัตรสีม่วงได้สองใบเสียบร่องอกทั้งคู่ ก่อนเดินลงจากเวทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนฉันเองใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่คิดว่าหญิงแท้แบบพี่อร กล้าทำในแบบเลสด้วย อีกนัยหนึ่งรู้สึกมีน้ำตาซึมๆด้วยตอนที่อรประกบปากพี่วิว นี่เค้าเรียกว่าอาการหึงหรือเปล่านะ
พี่ทั้งสองคนลงจากเวทีแล้วก็เดินไปหาคนที่ให้ติ๊บนั้น ลูกค้าโอบเอวพี่วิว ส่วนพี่อรก็ยืนติดกับพี่วิวแล้วพูดคุยกันอย่างสนุก ซึ่งเมื่อลงจากเวทีวี ฉันก็ไม่ได้เห็นพี่วิวแสดงท่าทางเปนเลสเหมือนที่เต้นบนเวทีสักนิด
เวลาล่วงไปจนถึงตีหนึ่ง พี่วิวกับพี่อร สลับกันมานั่งคุยเป็นเพื่อนนาเป็นระยะๆ บางทีก็ลงมาคุยพร้อมกันสองคน สลับกันกอดคอนาบ้างหอมแก้มนาบ้าง ตอนนั้นไม่มีการเต้นอีกแล้ว พอใกล้ตีสองพี่อรก็เดินไปส่งลูกค้าก่อนกลับมาหานา ส่วนพี่วิวเดินเข้าห้องแต่งตัวไป
"ไง นาสนุกไม้ กลับบ้านกันนะ" พี่อรก้มลงมาหอมที่ผมนา "เดี๋ยวรอพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว
พี่ิวิวเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดเดิมก่อนเต้น ส่วนพี่อรใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาว จากนั้นพี่วิวขับรถมาส่งที่หอของเรา
"กลับถึงบ้านแล้วทักฉันมาด้วยนะวิว" พี่อรกำชับเพื่อนสาวคนสวย
"จ้า ฝันดีนะจ๊ะนา แล้วเจอกัน" พี่วิวโปรยยิ้มให้
ฉันกับพี่อรเดินขึ้นหอ ด้วยความสงสัยของตัวฉันเองว่า พี่อรกับพี่วิวเคยเป็นแฟนกันหรือไม่ ถึงได้จูบกันขนาดนั้น
พอเราวางข้าวของเสร็จ ฉันจึงเอ่ยปากถามขึ้น ด้วยความที่แอลกอฮอลล์ปนในกระแสเลือดอันสูบฉีดพลุ่งพล่าน
"พี่อร นาขอถามไรอย่างได้ไหม"
"อืม ถามมาสิ"
"พี่อร กับพี่วิวเป็นแฟนหันหรือ"
"บ้า พี่ไม่ได้เป็นเลสนะ"
"แล้วทีจูบกันบนเวทีล่ะ" ฉันถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
"เป็นแค่การแสดงอ่ะ นาเอ๊ย คิดมากไปได้ พี่ก็เคยจูบทอม แฟนพี่ จูบผู้หญิงด้วยกันเรื่องปกติ ไม่ได้มีอารมณ์ไรด้วยหรอกกับวิวมันน่ะ เป็นเพื่อนกันจริงๆ มันก็รู้ว่าพี่มีแฟนชาย"
"แต่ลักษระเหมือนคนที่จูบกันเป็นแฟนกันจริงๆเลยนะ" ฉันไม่คลายความสงสัย
"ก็จูบจริงนะสิ แค่ปากประกบปาก แต่ไม่ได้แลกลิ้นกันเสียหน่อย" ในใจฉันคลายความสงสัยลงหน่อย แต่ก็ยังอดหึงพี่อรไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าเป็นแค่การแสดงก็เถอะ
"ห้ามโกหกนะพี่อร"
"อื้อ พี่เคยโกหกเราเสียที่ไหน" จริงๆอย่างที่พีอรบอก พี่คนสวยของนาคนนี้ไม่เคยโกหกนาเลยแม้แต่หนเดียว
"พี่อรอย่าไปจูบแบนี้กับสาวอื่นนะ ถ้าไม่ใช่ที่ผับ" นาพยายามย้ำ
"แน่นอนอยู่แล้ว มันเป็นแค่งานและการแสดง เขาให้เต้นแบบเลสพี่ก็ขอเลือกคู่กับอร เพราะเราสนิทกันไง ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่กล้าจูบแบบนี้ด้วยหรอก เดี๋ยวติดใจ ฮ่า ฮ่าฮ่า"
คำตอบของพี่อรทำให้ฉันโล่งใจและยิ้มมุมปากได้เล็กน้อย ความรู้สึกที่ฉันหึงหวงพี่อร ไม่อยากให้จูบใคร สัมผัสหรือกอดใคร แบบนี้จะใช้เรียกว่าความรู้สึกแบบเลสหรือเปล่า
สักพักพี่อรถอดเสื้อยืดออกเผยให้เห็นบราสีดำ คนละตัวกับที่ใส่เต้นซึ่งอันนั้นออกแนวสปอร์ตมากกว่า
"พี่ขออาบน้ำก่อนนะนา เหนียวตัวมากเลย" ด้วยความเหมาหรืออะไรไม่ทราบ นาลุกขึ้นไปแล้วกอดพี่อรจากด้านหลัง หน้าอกของนาแนบกับแผ่นหลังพี่อร จนทำให้นารู้สึกถึงความอบอุ่นจากพี่สาวคนนี้ได้เป็นอย่างดี
"ทำอะไรอ่ะนา" พี่อรถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ไม่ได้มีตำหนิ หรือต่อว่าแต่ประการใด
"นารักพี่อรนะ ไม่อยากให้พี่อรไปจูบใครอีก"
"พี่บอกแล้วกับวิวมันเป็นแค่การแสดง พี่สัญญาไม่ไปจูบกับคนอื่นอีก พี่ก็รักนาจ้ะ แต่ขอเป็นแบบพี่น้องไปก่อนได้ไมนา ถ้าพี่เปลี่ยนใจไปเป็นเลสเมื่อไหร่ พี่จะขอนาเป็นแฟนคนแรกเลยนะ ดีไม้"
พี่อรหันหน้าพร้อมกับเอาสองมือประคองใบหน้านาไว้ นาเลยเอื้อมแขนไปกอดเอวพี่อรไว้ด้วยความรู้สึกอัตโนมัติ "นาขอจูบพี่อรแบบที่พี่อรจูบวิวได้ไหม นาอยากรู้ว่าเป็นไง นาไม่เคยจูบใครมาก่อนเลยจริงๆ" ฉันพยายามส่งสายตาอ้อนวอนเต็มที่
พี่อรไม่ตอบอะไรแต่ค่อยๆใช้มือช้อนค้างนาขึ้น แล้วก้มลงประทับริมฝาปากที่ปากนาเบาๆ โดยเอาริมฝีปากล่างขบกับริมฝีปากล่างนาไปด้วย แม้เป็นเพียงแค่วินาทีเดียว และแม้ว่าพี่อรยังไม่ได้คิดกับฉันแบบแฟนหรือบบคนแรัก แต่มันทำให้ฉันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกบอุ่น เหมือนพี่อรถ่ายทอดความรู้สึกดีๆมาให้ฉันผ่านทางสัมผันนั้น ฉันรู้สึกขนลุกวูบวาบ เสียวซ่านไปทุกอนู ขาแทบไม่มีแรงยืนไหวอีก นี่จูบแรกของฉันมาจากคนที่ฉันรักจริงๆ
"ต่อไปห้ามงอแงแบบนี้อีกนะเวลาไปหากับพี่ที่ผับ" พี่อรยิ้มพร้อมกับลูกหัวนาไปด้วย ฉันรู้สึกดีใจมากๆ ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่สนอีกแล้วว่าตัวเองจะเป็นเลสเบี้ยนหรือไม่ ใครจะมองฉันคิดกับพี่อรแบบไหนฉันไม่สน รู้แต่ว่าฉันรักพี่อรคนนี้ที่สุด