วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
มหันตภัยเลส...
สังคมเลส แน่นอนว่า ความรักและตัณหา คือเหยื่อชั้นดีที่จะล่อให้ผู้หญิงที่รักผู้หญิงมาติดกับโดยง่าย บ้างหวังเพียงแค่เซ็กซ์ชั่วข้ามคืน ไม่ผูกพัน บ้างอยากมีรักแท้ยาวนาน และเล่นเดียวกับสังคมทั่วไป มีคนดีก็มีคนแอบแฝง
"ปาน" เป็นสาวทำงานไนท์คลับอายุ 23 ปี สูงราว 1.60 เมตร รูปร่างเธอดี เพรียวบาง ทรงผมยาวเป็นลอน ความขาวของเธอและย้อมสีผมออกน้ำตาล ทำให้เธอดูเหมือนลูกครึ่ง การทำงานไนท์คลับ ทำให้วปานมีรายได้มากพอสมควร และมีลูกค้าผู้ชายเหมาซื้อดริ๊งค์เธอเป็นประจำ เรียกว่ามีคนทุ่มให้มากมาย จนเธอมีเงินใช้เหลือเฟือ แต่ปานก็ไม่เคยคบกับลูกค้าจนถึงขั้นมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง อย่างมากแค่ให้ลูกค้าโอบเอว กอดบ้าง หอมบ้าง แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ความที่ปานเคยคบชาย จึงทำให้เธอทำงานนี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่ในอีกด้านหนึ่งของความรู้สึก เธอคือเลส และเคยมีความสัมพันธ์กับหญิงสาววัยเดียวกันมาแล้ว ปานมักให้ความจริงใจ และทุ่มสุดตัวกับผู้หญิงที่เธอรักอย่างมากทีเดียว จนไม่สนเลสอื่นใดอีกเลย
เฉกเช่นเดียวกับโลกออนไลน์ ทำให้เลสได้รู้จักและพบปะกันเร็วติดจรวดยิ่งกว่าสมัยเขียนจดหมายด้วยดิสอปากกา ปานมีผู้หญิงมาติดต่อ ชอบพา จีบเธอมากมาย จนกระทั่งเธอได้พบผู้หญิงคนหนึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่น่ารักเอาการชื่อ "นิว" เธอผิวออกสองสี ผมยาวไว้แสกกลาง ตาสองชั้นดูมีสเน่ห์ คิ้วหนาเล็กน้อย ขนตางอน มีหน้าอกพอสมควร แล้วหุ่นของเธอดีจนสะกดปานให้พูดคุยด้วยอย่างยาวนาน เมื่อนิวทักเข้ามาในอินบ็อกซ์วันหนึ่ง
"สวัสดีจ้า เค้าชื่อนิวนะ อยากรู้จักเป็นเพื่อนด้วยคน" นิวสาวมหาลัยทัก
"หวัดดีค่า เค้าปานจ้ะ" เธอตอบ
"เค้าเลสทูนะ เตงเลสอะไรคะ ถามได้ไหม" นิวพยายามค้นหาข้อมูลในตัวอีกฝ่าย
"ทูเหมือนกันจ้า" ปานไว้ตัว ไม่ได้ตอบอะไรยาวมากนัก
"ทำงานหรือเรียนอยู่คะ" นิวถามต่อ
"ทำงานแล้วค่ะ แล้วเตงล่ะคะ"
"เค้ายังเรียนมหาลัยอยู่เลย เรียนปีสามจ่ะ เตงสวยจัง" เธอเอ่ยปากชมเพื่อนใหม่แบบไม่ลังเล
"ขอบคุณค่า เตงก็น่ารักนะ" ปานพูดสั้นๆอีกเช่นเคย
"แล้วคุณปานมีแฟนหรือยังคะ มีแล้วก็เป็นเพื่อนกันได้นะคะ เค้าอยากมีเพื่อนคุยเยอะๆ ที่มหาวิทยาลัยมีแต่เพื่อนหญิงแท้ กับทอมดี้ ไม่มีเลสเท่าไหร่"
"อ๋อ จ้ะ เค้าโสดจ้ะ" ปานรู้ดีว่า สาวที่มาถามแนวนี้คือต้องการจีบเธอ "แล้วเตงล่ะคะ น่ารักแบบนี้คนจีบเยอะแน่เลย"
"นิวก็โสดจะ โสดสนิทจริงๆเพิ่งเลิกกับแฟน"
คำตอบของนิวทำให้ปานดูโล่งใจ และนิวเองดูคุยเก่ง คุยสนุก ที่สำคัญคือน่ารัก หุ่นดีมากอีกด้วย รูปของเธอในเฟซบุ้ค มักเป็นชุดรัดรูป โชว์ให้เห็นสัดส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระโปรงสั้นของเธอ ทำให้เห็นท่อนขาที่เรียวยาวสวยและเซ็กซี่ไม่เบา
"เตงสวย หุ่นก็ดี เป็นพริตตี้หรือเปล่าคะ" ปานถามเรื่องงานบ้าง
"เปล่าจ้ะ มีรับจ๊อบเอ็มซีแนะนำสินค้าบ้าง แต่ก็ทำเฉพาะวันหยุดจ้ะ ได้เงินแค่พอค่าขนม แล้วเตงล่ะคำทำงานด้านไหนบอกได้ไหม"
"ถ้าบอกแล้ว เตงจะรังเกียจไหม เค้าทำงานกลางคืนน่ะ" ปานค่อยๆคุยแบบสนิทมากขึ้น
"หืม งานกลางคืนก็มีหลายอย่าง บางทีนิวไปเอ็มซีสินค้าตอนกลางคืนก็บ่อยนะ"
"เค้าทำงานไนท์คลับน่ะ รังเกียจหรือเปล่า" ปานบอกตรงๆ
"ไม่เห็นแปลกเลย เพื่อนเค้าก็ทำงานไนท์คลับเยอะ ไม่ได้ออกแขกเสียหน่อย" นิวบอก
"จ้ะ เค้าก็ไม่ได้ออกแขก (คือนอนกับลูกค้า) งานของปานแค่นั่งคุยกับลูกค้า แต่เป็นลูกค้าผู้ชายน่ะเตง" เธอเริ่มคุยเรื่องงานของตนเองมากขึ้น
"เพื่อนเค้าที่ทำงานไนท์คลับ รายได้ดีนะ เดือนหนึ่งได้เกินครึ่งแสน แต่นิวไม่สวยเท่าเพื่อน ไม่กล้าด้วย เพราะปกติคบเลสตลอด" นิวบอก
"ก็ประมาณนั้นจ้ะ เตงทำได้เตงสวยออก" ปานชวนคุยต่อ "แล้วอยู่แถวไหนคะ เค้าอยู่กรุงเทพนะ แถวสุขุมวิท"
"นิวอยู่แถวพญาไทจ้ะ" เธอชวนคุยต่อ "อ้อ นิวอายุ 21 นะคะ พี่ปานอายุเท่าไหร่คะ ถามได้ไหม"
"23 ย่าง 24 จ้ะ"
"เค้าเรียกพี่ว่าพี่ปานก็แล้วกัน พี่ปานทำงานแบบนี้มีวันหยุดบ้างไหมคะ" สาวน้อยมหาลัยถามต่อ
"มีจ้ะ หยุดสัปดาห์ละวัน แต่ไม่ใช่ศุกร์เสาร์อาทิตย์"
"ถ้านิวอยากชวนพี่ปานเที่ยว สาวๆพี่ปานจะว่าไหมเนี่ย" นิวเริ่มหยอดคำหวาน "พี่ปานต้องมีแฟนเยอะแน่เลย"
"มีที่ไหนกันล่ะแหม ตัวเองนั่นแหละ สวยๆแบบนี้ ระวังรถไฟชนกันนะ เอาเป็นว่า ถ้าว่างตรงกันเมื่อไหร่ มานั่งกินข้าวกันได้" ปานรู้สึกถูกชะตากับนิวมากขึ้น และตอบรับคำชวนของเพื่อนใหม่ จะว่าไปแล้ว ปานเองก็ใช่ย่อย เพราะเธอเองมีเลสมาชอบเยอะไม่น้อย แล้วปานเองเป็นประเภททุ่มไม่อั้นอยู่แล้ว เพราะงานที่เธอทำ ทำให้เธอมีเงินไม่ขาดมือและซื้อรถได้ด้วยตัวเอง
ปานกับนิวแลกไลน์และเบอร์โทรศัพท์กันในเวลาต่อมา ทำให้ความสนิทชิดเชื้อกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดปานนัดนิวไปเที่ยวเล่นกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ภายหลังจากเดินเล่น ดูหนังกันแล้ว ปานเอ่ยปากขอไปส่งนิวที่บ้าน ทำให้นิวเป็นรถยนต์สีดำเงางามของปาน การนัดเที่ยวครั้งแรก ไม่มีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อนใหม่ ก่อนนัดเจอกันบ่อยขึ้นแทบทุกสัปดาห์
นิวให้ปานไปส่งที่คอนโดมีเนียที่เธอพักกับเพื่อน ซึ่งปานเองให้เกียรตินิวไม่ได้ขอขึ้นไปเที่ยวชมแต่ประการใด แม้ว่าอีกฝ่ายเชื้อชวนก็ตาม
เมื่อคบหากันราวหนึ่งเดือน ปานมีใจให้กับนิวมากขึ้น เวลาไปเที่ยวกลางคืนก็ยอมให้นิวหอม จูบทุกอย่าง เธอเองตอบสนองเช่นกัน จนปานเริ่มไว้ใจและชวนให้พามาเที่ยวคอนโดมิเนียมหรูของเธอใจกลางกรุง และแน่นอน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลงสู่ห้วงลึก และไม่มีอะไรขีดกั้นความปรารถนาอันร้อนแรงของแต่ละฝ่ายได้อีก เมื่อทั้งสองคนตกเป็นของกันและกัน
ปกติปานมีเพื่อนเยอะ แต่เวลาที่เธอมีแฟนก็มักลืมช่วงเวลากับเพื่อนไป หนึ่งในนั้นคือ "นิ้ง" ที่เป็นเลสเหมือนกัน แต่เมื่อปานรับรับนิว ทำให้เธอไม่กล้าคุยกับใครมากนัก
"ปาน แกหายไปไหนเนี่ย ทักเฟซ ไลน์อะไรก็ไม่ค่อยตอบ" นิ้งถามในเฟซ
"ฉันอยู่กับแฟนที่คอนโด แฟนหวงมาก" ปานตอบไปแบบสั้นๆ
"มีแฟนใหม่แล้วหรอ เฮ้ยอย่าลืมเพื่อนนะ ว่าแต่มาอยู่กับแกหรอ" นิ้งซักไซร้อยากรู้อยากเห็น
"อืม จ้ะ ปานคงไม่ค่อยได้คุยนะช่วงนี้ แฟนขึ้หึงส์"
"ไงก็ระวังหน่อยนะ ทำไมอยู่ดีๆให้มานอนคอนโดตัวเอง รู้จักกันานานแล้วหรอ" นิ้งชักห่วง
"อือ ก็ไม่มีอะไรนะ นิวรักปานดี"
"เปล่าฉันสังหรณ์ใจ หน้าตาดีขนาดนิว ทำไมมาเป็นแฟนแกง่ายๆ ชีไม่มีคนอื่นหรอ" นิ้งถามต่อ
"ไม่มีนะ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไงนิ้งอย่าเพิ่งทักบ่อยนะช่วงนี้ มีอะไรปานทักไปเอง" ปานพยายาพูดตัดบท ซึ่งนิ้งเองก็ได้แต่อึ้ง เพราะเพื่อนของเธอมักเป็นแบบนี้บ่อยครั้งเวลามีแฟน แล้วมักจะลืมเพื่อนไปชั่วขณะ
"แล้วแต่แกนะ ยังไงถ้ามีอะไรก็โทร.มาได้ตลอดนะเพื่อน" นิ้งสิ้นสุดการพูดคุยเท่านั้น ความจริงแล้วนิ้งกับปาน สนิทกันมากกว่าความเป็นเพื่อนอยู่ช่วงหนึ่ง ชนิดคุยกันได้ทุกเรื่องจนถึงเรื่องเซ็กซ์ เพียงแต่มิได้มีความรักแบบแฟน แต่เหมือนแค่แลกเปลี่ยนความต้องการแบบไม่ผูกมัดกันเสียมากกว่า เวลาไปเที่ยวก็มักจูบกันบ่อยๆ หรือบางทีก็แชทเซ็กซ์ในเฟซหรือไลน์บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นชาวเลสทั่วไปที่มักนิยมมีเพศสัมพันธ์แบบออนไลน์กัน เพียงแต่นิ้งกับปาน มิได้มีเซ็กซ์กันจริงๆบนเตียงนอนก็เท่านั้น ความห่างเหินระยะหลังที่ปานมีแฟนใหม่ เลยทำให้นิ้งกับปานเปลี่ยนไปเพื่อนธรรมดาๆ นานๆทักกันทีเท่านั้น
นิ้งพยายามไม่ติดต่อไปอีก เพราะระยะหลังไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์ไป ทักในเฟซหรือไลน์ไป ปานจะไม่ตอบเลย หากเธออยู่กับนิว แฟนของตน จนระยะเวลาผ่านไป 6-7 เดือน ด้วยความเป็นห่วง นิ้งจึงทักปานไปอีกครั้ง
"ปาน เป็นไงบ้าง ไม่ได้คุยกันนานเลย สบายดีไม้" นิ้งทักไปโดยไม่คิดว่าเพื่อนจะตอบกลับด้วยซ้ำ
"เรื่อยๆน่ะ" ปานตอบห้วนๆ
"นี่แสดงว่าแฟนไม่อยู่ละสิ ถึงตอบฉันได้" นิ้งแกล้งแซว
"เลิกกันแล้ว" เธอบอก
"อ้าวทำไมล่ะ เห็นเธอบอกรักกันดี" นิ้งชักสงสัยว่าทำไมเลิกกันเร็วนัก
"แกอย่าเอาเรื่องฉันไปบอกใครนะ" ปานย้ำ "ฉันหมดเงินไปกับมันเยอะ"
"จริงดิ แล้วทำอีท่าไหน่นั่น" นิ้งถาม
"ช่วงแรกๆก็ปกติดี เรื่องบนเตียงชีไม่ขาดตอน เรามีอะไรกันทุกวัน ชีทำให้ฉันมีความสุขมาก" ปานเริ่มเล่ายาว "แต่ระยะหลัง ชีขอเงินซื้อโน่นนี่บ่อย ฉันก็ให้ตลอดนะ"
"แกเจ้าบุญทุ่มอยู่แล้วนี่" นิ้งขัดนิดหน่อย
"อือ ฉันติดเรื่องเซ็กซ์ที่ชีทำให้จนไม่ทันได้คิดอะไร รักมากก็เจ็บมาก หกเดือนฉันหมดเงินให้ชีไปเป็นแสนๆนะ แก" ปานเผยหมดเปลือก
"โห แล้วแกโอเอคอยู่ไหมเนี่ย" นิ้งถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย "เรื่องเงินช่างมันนะ ถือว่าเป็นบทเรียน ฉันห่วงแกนะ ทักแล้วไม่เคยตอบ นึกว่าเป็นอะไร"
"ขอบใจนะที่ห่วงใยตลอด ฉันเชื่อแกแต่แรกก็ดี" ปานพิมพ์มาบ่งบอกถึงถ้อยเสียงละห้อย
"เราเพื่อนกันนี่นา" นิ้งบอก "แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่"
"ไปเที่ยวกับเพื่อนมาเพิ่งกลับ เพื่อนอยู่ในห้องนอนกัน หลับกันไปหมดแล้ว ฉันเซงๆมานั่งที่โซฟาข้างนอกดูทีวีอยู่"
"ไปหาอะไรกินไหม จะได้คุยกัน" นิ้งชวน
"อืมตอนนี้ดึกแล้วเพื่อนอยู่ด้วย พรุ่งนี้ละกัน แกมานอนห้องฉันนะ อยากคุยด้วยยาวๆเลย"
"ฉันเคยเจอแบบนี้มาแล้วนะ" นิ้งบอก "มีคนหนึ่งชื่อ แอ๊บ เป็นเพื่อนร่วมกันกับแกในเฟซด้วย แกเคยคุยด้วยหรือเปล่า"
"ก็ทักบ้างแรกๆแล้วหายไป"
"จริงๆไม่ใช่เรื่องของฉันโดยตรงหรอก แต่เพื่อนของฉันนะสิ เจอชีหลอกเต็มๆ" นิ้งเล่า
"ทำไมหรอ" เพื่อนสาวถาม
"ก้อ อีแอ๊บ มาจีบเพื่อนฉัน แล้วเพื่อนฉันคือเปิ้ล มันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ออกไปเที่ยวด้วยกันบ่อย แล้วแอ๊บมันบอกโสดด้วย"
"ว่าต่อไป"
"คบกันนานมาก แต่แอ๊บมันก็ไม่ยอมมีอะไรกับเปิ้ล มันแค่ให้จูบ ให้กอด ล้วงไรนิดหน่อยๆ แต่ไมได้นอนกัน แล้วระยะหลังๆ มียืมเงินเหมือนแแกเปี๊บ ไม่ได้ว่าแกนะปาน มันมีเลสประเภทนี้เยอะจริงๆ" นิ้งอธิบาย
"จ้ะ ต่อไปฉันจะระวังมากๆ ขอบใจแกนะที่เป็นห่วง ขอโทษด้วยที่ฉันไม่ได้ตอบแกเลยตอนนั้น" ปานเอ่ย
"ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจดีคนเรามีแฟนก็กำลังหอมหวานกันนะเรื่องปกติ ฉันก็เป็น" นิ้งพยายามปลอบใจเพื่อน
"พรุ่งนี้ ไปเที่ยวกันนะนิ้ง" เธอชวน
"ได้สิเพื่อน" นิ้งตอบแบบไม่ลังเล และนั่นทำให้ความเป็นเพื่อนระหว่างทั้งคู่ การจูบกันแบบเพื่อนเก่า กอดกันคุยกันอย่างสนุกกลับมาอีกครั้ง และความที่ปานขาดสเน่หาของรสชาติของความเป็นผู้หญิงด้วยกันมานาน ทำให้นิ้งกับปานมีอะไรกันอยากลึกซึ้งในห้องนอนของปาน ทั้งคู่รู้อยู่ในใจว่า มิได้มีความรู้สักกันแบบแฟน มันเป็นเพียงความต้องการเรื่องเซ็กซ์เท่านั้น และนั่นเป็นเพียงหนแรกที่นิ้งกับปานมีอะไรกันและดูจะเป็นเพียงแค่หนเดียวเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการที่นิ้งได้ปานกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม กลายเป็นเพื่อนคู่คิดที่ปรึกษาด้วยกันเสมอเมื่ออีกฝ่ายจะคบใครใหม่สักคน เพราะแต่ละฝ่ายรู้ดีว่า เลสมักมี "เซ็กซ์" มาเป็นเครื่องมือยั่วยวนใจ จนเรามักหลงเข้าไปติดกับง่ายๆ จนกระทั่งนิ้งมีแฟนใหม่เป็นเลสอีกคน แต่หนนี้ มิตรภาพความเป็นเพื่อนของนิ้งกับปาน จะไม่แปลเปลี่ยนอีกตลอดไป
เมื่อหญิงแท้กลายเป็นเลส
มันจะเป็นได้หรือ จากหญิงแท้ ที่มีแฟนชาย หรือกระทั่งมีครอบครัวแล้ว จะกลายเป็นเลส นอกเหนือจากพี่อรที่เคยมีแฟนชายนและกลายมาเป็นแฟนนาแล้ว ยังมีเพื่อนในโลกเลสอีกมากมายที่คุยกันและรับรู้ได้ว่า เธอเคยมีสามีมาก่อน ไม่น่าชื่อเลยใช่ไหมคะ แล้วมีเยอะเสียด้วยที่เป็นแบบนี้
"ริน" สาววัย 32 ปี ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการบริษัทเสื้อผ้าแฟชั่นแห่งหนึ่ง เธอขอเข้ากลุ่มใน "ชมรมเลสสวย" ที่ฉันกับเพื่อนๆตั้งขึ้น เลยทำให้เราได้รู้จักกัน เพราะก่อนจะเข้ากลุ่ม เราจะส่งเสียงกันก่อน เพื่อยืนยันว่ามีตัวตนจริง
สิ่งที่ฉันสงสัยมีเพียงเรื่องเดียว ในข้อความเฟซของรินระบุ "สนใจในผู้ชาย" แต่เหตุใดเธอจึงมาเข้ากลุ่มชมรมเลส เราแอดเป็นเพื่อนกันในเฟซด้วย และนั่นจึงทำให้การสนทนาเราจึงเกิดขึ้น
นา : สว้สดีค่ะ คุณริน ยินดีได้รู้จักนะคะ เค้าชื่อนานะคะ
ริน : สวัสดีค่ะ ชื่อรินค่ะ
นา : เตงเลสหรือเปล่าคะ เห็นขอเข้าชมรมเลสมา
ริน : ค่ะ
นา : เตงเลสอะไรคะ
ริน : น่าจะรับนะคะ แล้วคุณนาล่ะคะ
นา : เค้าทู แต่เน้นรับมากกว่า
ริน : ค่ะ
นา : คุยได้เต็มที่นะคะผู้หญิงเหมือนกัน ในข้อมูลเตงระบุไว้สนใจในผู้ชาย ทำไมตัวจริงเป็นเลสล่ะ
ริน : เป็นเรื่องของหน้าที่การงานค่ะ คงไม่ดีแน่ หากระบุว่าสนใจเฉพาะผู้หญิง อาจมีผลต่องานได้นะ
นา : จ้ะ แล้วเคยมีแฟนชายมาก่อนหรือคะ ถึงระบุว่าสนใจผู้ชาย
ริน : เคยจ้ะ แต่เลิกแล้ว
นา : ทำไมล่ะคะ เล่าได้นะคะ หากเป็นการช่วยให้เตงสบายใจขึ้น
ริน : มันรู้ว่าตัวเองไม่ใช่น่ะ
นา : แล้วมีลูกหรือยังคะ ถามได้ไหม
ริน : มีแล้วจ้ะ แต่ให้แม่ช่วยเลี้ยงที่อุบลราชธานี
นา : ทำไมถึงหันมาสนใจผู้หญิงด้วยกันคะ
ริน : รู้สึกมันอบอุ่นกว่า คุยกันรู้เรื่องมากกว่า ภาษาเดียวกัน แล้วเรื่องนั้นด้วย ที่รินชอบมากกว่า
นา : หมายถึงเรื่องเซ็กซ์หรือคะ
ริน : ใช่จ้ะ เค้าเพิ่งคบเลสแค่คนแรกนะ แต่รู้สึกชอบมาก
นา : ไม่แปลกหรอกเตง ผู้หญิงที่มีไรกับเลสครั้งแรก จะรู้สึกล่องลอย วาบหวิว และเป็นอะไรทีต่างจากตอนมีอะไรกับชาย แล้วเตงรู้จักแฟนคนนี้อย่างไรคะ
ริน : แอดไปในเฟซจากกลุ่มเลสต่างๆอ่ะคะ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร แต่คุยกันไปแล้วถูกคอเลยนัดกัน
นา : หนแรกมีอะไรกันเลยหรือเปล่าคะ ปกติเลสถ้าคุยกันสักพักแล้ว นัดกันหนแรกบางทีก็มีอะไรกันเลย หรือบางทีราวสัก 1-2 สัปดาห์หลังจากนั้นก็เกินห้ามใจกันอีก
ริน : ค่ะ ตื่นเต้นมาก ชีจูบรินในรถ แล้วเราก็ไปต่อกันในโรงแรม
นา : รู้สึกอย่างไรบ้างระหว่างการคบชายกับเลส
ริน : บอกไม่ถูกนะ แต่รินรู้สึกว่าเขาเห็นแก่ตัวมาก ในเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ได้ดูแลเราเท่าไหร่ อันนี้รินไม่ได้หมายถึงเรื่องเซ็กซ์นะ
นา : นาว่า จริงๆแล้วผู้หญิงเราเป็นเลสกันเยอะ เพียงแต่รุ่นเตง รุ่นนา ยังไม่มีโลกออนไลน์กันมาก หรือไม่มีเลย ก็คบทอมหรือชายกันไป ยังไม่รู้จักความรู้สึกแท้จริงตัวเอง แต่ยุคปัจจุบัน โลกออนไลน์และเลสเปิดกว้างกันอย่างมาก ทำให้วัยรุ่นยุคนี้เป็นเลสกันเร็วขึ้นตั้งแต่อายุน้อย ค้นหาตัวเองเจอตอนอายุน้อย ทำให้เป็นเลสกันเร็ว เป็นเลสแท้กันตั้งแต่ต้น ไม่ได้ผ่านการคบชายก็เยอะ
ริน : จริงอย่างที่นาบอก เค้ารู้สึกคบไปแล้วมันไม่ใช่เลย รินไม่ได้มีอะไรกับแฟนชายหลายปีเลยนะ หลังจากมีลูก ใจก็อยากคบผู้หญิงด้วยกันแต่ไม่รู้เริ่มต้นอย่างไร จนกระทั่งมีเฟซ เลยได้รู้มากขึ้นอย่างที่เตงบอก
นา : ค่ะ เดี๋ยวนี้เลสเปิดกว้างมาก เปิดเผยกันมากขึ้น แต่งงานกันก็มี ไม่รวมต่างประเทศที่เขาเปิดเผยกันอย่างแพร่หลาย ขนาดมีคอลัมส์หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารสำหรับเลสโดยเฉพาะด้วยซ้ำ
ริน : รินว่าเมืองไทยคงอีกนาน เคยเห็นทอมดี้ไปขอจดทะเบียนแล้วถูกปฏิเสธ สงสารมาก เมืองไทยแต่งงานกันได้ก็แค่แค่นามธรรม ไม่มีกฎหมายรองรับเหมือนในต่างประเทศ
นา : แต่เตงต้องเข้าใจโลกของเลสอย่างหนึ่งนะ ความที่สมัยนี้รักกันง่าย มีอะไรกันง่าย มันก็คบไม่นาน ไม่เหมือนกันยุคก่อนที่เกิดจากความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง ทำให้คบนานกว่า สมัยนี้คบกันอย่างเก่งก็ 2-3 ปี เลิก หรืออาจเร็วกว่านั้นแค่ปีเดียวบ้าง หกเดือนบ้าง ความที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เข้าใจกันง่าย ภาษาเดียวกัน ถึงตัวกันง่าย เดี๋ยวนี้รู้จักกันแป๊บเดียวก็มีอะไรกันแล้ว
ริน : จริง รินกับแฟนเลส คุยกันในเฟซ และโทรศัพท์กันแค่เดือนเดียวเอง เจอหน้ากันแล้วมีอะไรกันเลย
นา : บางคนพอเลิกกับเลสก็กลับไปคบชาย หรือบางคนคบทั้งสองอย่างกลายเป็นเลสไบก็มี
ริน : แต่สำหรับรินคงไม่แล้วล่ะ เข็ด
นา : เข็ดเรื่องอะไรหรือเล่าได้นะ
ริน : รินทำงานหนักกว่าจะเก็บเงินได้สามสี่แสน เพราะความเชื่อใจในแฟชาย ท้ายสุดเลยถูกเอาไปละลายหมดเกลี้ยง เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น
นา : ไม่ใช่เฉพาะผู้ชายหรอกเตง เลสด้วยกันบางทีก็พิษภัยเยอะ หลอกเอาเงินก็มี เตงก็ต้องระวังหน่อย เรื่องเงินๆทองๆ มันไม่เข้าใครออกใครหรอกว่า ไม่ว่าเพศไหน
ริน : จริงดิ นี่เค้าเงินโดนกดจนเกลี้ยงไม่พอ พกหนี้มาให้รินชดใช้ต่ออีกหลายหมื่น
นา : เตงสู้ๆนะ นาเป็นกำลังใจให้ มิใช่รินคนเดียวหรอกที่เจอปัญหาแบบนี้
ริน : ขอบใจนะที่เตงบอก คงจริงอย่างที่เตงบอกเรื่องเงินทอง แต่ประเด็นสำคัญของรินว่า ความรู้สึกที่มาก่อนนะ คบกับผู้ชายแล้วไม่ชอบ ตอนวัยรุ่นก็เคยคบชายมาบ้าง แต่รู้สึกว่าไม่ใช่เลย กระทั่งได้พบเลสนี่แหละ จึงทำให้รินค้นพบตัวเองในที่สุด
นา : ไม่แปลกหรอกคุณริน หญิงแท้ที่หันมาเป็นเลสเยอะมาก ในสมัยนี้ อย่างที่บอกไงว่า โลกออนไลน์มันเปิดกว้าง ทำให้คนเราค้นพบตัวเองมากขึ้น
ริน : อืม แฟนเลสคนแรกทำให้เขาหลงเลยนะ นอกเหนือจากเรื่องเซ็กซ์ เราเข้ากันได้ดีมาก แทบในทุกๆเรื่อง แทบไม่เคยมีปัญหากันเลย
นา : ดีแล้วที่เตงค้นพบ แต่ไม่ว่าเราจะคบเพศไหน อย่าลืมว่า สุขกับทุกข์มาด้วยกัน คนเราไม่ได้เหมือนกันทุกเรื่อง ฉะนั้นถ้ามีปัญหาอะไร ก็ต้องค่อยๆพูดด้วยเหตุผลนะถึงจะคบกันได้ยาวนาน
ริน : ขอบคุณค่ะที่แนะนำ เหมือนศิรานีเลสเลยนะคุณนา อิอิ
นา : ไม่หรอก นามีเพื่อนเลสเยอะ ทำให้รู้อะไรมากขึ้น
ริน : อย่างไรก็ขอบคุณนะคะ ไว้รินมาปรึกษาใหม่นะคะ ดีใจจริงๆที่รู้จักเตง
นา : ยินดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่พบเป็นเพื่อนกัน
ริน : ค่ะ ขอบคุณค่ะ แล้วคุยกันใหม่นะคะ
เราจบการสทนาด้วยสัญลักษณ์และภาพต่างๆในโลกของออนไลน์ ยังไม่รู้ว่าอนาคตของรินกับแฟนเลสคนแรกจะเป็นอย่างไร เธอยังมิได้เจอปัญหาใหญ่ในชีวิตคู่เลส ซึ่งผู้คนภายนอกเหมือนสวยงามไปหมดทุกอย่าง มีแต่เรื่องเซ็กซ์ แท้จริงแล้วไม่ใช่ ในโลกของเลสยังมีนางมาร้ายคุกคามเช่นเดียวกับสังคมอื่นๆ เหมือนที่ฉันกำลังจะเล่าให้ฟังในตอนต่อไป...
รักออนไลน์
สาบานได้ว่า ฉันไม่เคยนอกใจพี่อรเลย ตลอดเวลาที่คบกัน แม้ว่ามีเลสมาจีบฉันกับพี่อรอยู่เนืองๆก็ตาม จนกระทั่งฉันได้คุยกับปราย เพื่อนสมันเรียนที่สวยมาก เธอเป็นดี้และปัจจุบันยังเป็นอยู่ การได้คุยกันในเฟซอีกครั้ง ทำให้น้องปลา น้องสาวปรายที่เป็นดี้เหมือนกัน ได้เป็นเพื่อนกับฉันในเฟซด้วย นั่นคือจุดเริ่มที่ฉันนอกใจพี่อรหนแรก แม้ว่ามันเป็นเพียงโลกออนไลนก็ตาม
ปลา โตเป็นสาวแล้ว และน่ารักเอาการทีเดียว เธอไว้ผมสั้นแค่ไหล่ ตาเธอเรียวและจมูกโด่ง ทรงหน้าเรียวยาว และผิวขาว เรียกว่าสวยไม่แพ้พี่สาวของเธอเลยทีเดียว ฉันเห็นเธอตั้งแต่ตอน 13-14 ขวบ จนตอนอายุ 18-19 เธอสูงขึ้นมาก และหน้าตาเปลี่ยนไปเยอะ จากเด็กโก๊ะๆ กลายเป็นผู้หญิงหุ่นดีทีเดียว
ตอนฉันเรียนจบมัธยมปลายก็แทบไม่ได้เจอปลาอีก จะมีเห็นรูปบ้างผ่านทางเฟซบุ้คของปราย เพื่อนสนิทของฉัน แล้ววันหนึ่ง ตอนกลับไปกินเลี้ยงศิษย์เก่า ปรายพาน้องสาวมาด้วย ตอนเธอสวัสดี ฉันแทบจำไม่ได้ เธอขอแอดเฟซบุ้คฉัน แล้ว น้องปลาดูตื่นเต้นไม่น้อยที่รู้ว่าฉันเป็นเลส ซึ่งเธอคงถามจากปราย แต่เธอก็มีสังคมทอมดี้ของตนเอง ไปไหนมาไหนกับแฟนทอมของตนตลอด ในงานศิษย์เก่านั้นด้วย ซึ่งปลาก็เรียนทีเดียกับปรายและฉัน
ถัดจากวันนั้นเราไม่ได้เจอกันอีกเลย จะมีก็เพียงทักทาย กดไลค์ในเฟซ และไลน์ ได้คุยอินบ็อกซ์กันบ้าง ในคืนวันเที่ยวฮัลโลวีน ปลาดูจะเมากับการดูดบารากูไม่น้อย จากการไปเที่ยวกับแฟนและเพื่อนๆมาในค่ำคืนนั้น เธอทักมาตอนฉันกลับมาถึงห้องพักแล้ว
"สวัสดีค่ะ พี่นา ทำอะไรอยู่" ปลาเริ่มต้นทักในอินบ็อกซ์
"เพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ เป่าผมอยู่ เลยนั่งคุยเฟซบุคอะไรไปด้วยจ้ะ น้องสาว " ฉันตอบไปขณะอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว และหยิบไดร์เมาเผ่าผมไปด้วย ขณะที่พี่อรกลับไปบ้านต่างจังหวัด จึงทำให้ฉันอยู่คนเดียว "แล้วปลาล่ะคะ ทำไร"
"เค้าเพิ่งกลับจากเที่ยวกับพี่ปรายอ่า" ปลาตอบ "ไม่ได้เจอพี่นานานเลย พี่นาสวยมากๆอ่ะวันนั้น"
"ขอบใจจ้า เตงก็น่ารักนะ ไม่คิดว่าตอนเด็กๆโก๊ะมากๆ โตมาจะสวยขนาดนี้" ฉันพูดติดตลก
"ตอนนี้ก็ยังโก๊ะเหมือนเดิมแหละ แล้วพี่นาอยู่กับแฟนหรือเปล่า" ปลาถาม
"ไม่จ้ะ พี่กับแฟนไม่ได้อยู่ด้วยกัน"
"แฟนพี่นา ผู้หญิงจริงปะ เห็นพี่ปรายบอก" น้องสาวเพื่อนอยากรู้อยากเห็นต่อไป
"จ้ะ ผู้หญิง" ฉันตอบแบบบไม่ถนัดนัก เพราะยังง่วนกับการเป่าผม
"งี้พี่นาก็เลสเบียนละสิ" ปลาพูดตรงๆ ในสังคมเลสบ้านเรา คำว่า เลสเบี้ยน ดูรุนแรงและออกแนวสื่อถึงเซ็กซ์มากเกินไป เรามักพูดกันเฉยๆว่า "เลส" เท่านั้น
"โห ตรงจึงเลยน้องสาว เค้าเรียกเลสเฉยๆจ้ะ อิอิ" ฉันอธิบาย "แต่ปลาก็มีแฟนทอม ก็ถือเป็นผู้หญิงเหมือนกัน"
"ไม่เหมือนหรอกมั้ง ทอมก็คล้ายผู้ชายห้าวๆ แต่เลสปลาว่า หวานมากกว่า นุ่มนวลกว่า ตอนเห็นพี่นาในงานหนก่อน พี่นาสวยจนทึ่งอ่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นเลส" เธอคุยติดลมบนไปแล้ว "ขอเปิดกล้องคุยได้ไหมพี่นา"
"หืม ไม่ดีมั้งพี่โป๊อยู่เลย ใส่แต่ผ้าขนหนู" ฉันบอกไป
"ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่น้องกัน ผู้หญิงด้วยกัน" ปลาบอก พร้อมกับส่งข้อความขอเปิดกล้องไปด้วย ฉันตอบรับ สักพักเห็นปลาอยู่ในชุดเที่ยวเป็นชุดแส็กรัดรูปสีน้ำตาล เธอนั่งบนเก้าอี้ไม้ ทำให้กระโปรงร่นขึ้นไปจนถึงโคนขา และใส่ถุงน้องสีดำบางๆ ปลาเอาหมอนใบเล็กๆบังไว้กันโป๊
"พี่ นาขาวจึง หุ่นดีมากเลย สวยมากน่าเจี๊ยะ" ปลาคุยในอินบ็อกซ์ต่อ
"ปลาก็สวยนะ ใส่ชุดแบบนี้ล่ะก็ เซ็กซี่มากจ้ะ ถ้าเป็นเลสคงมีคนติดเยอะแน่ อิอิ" ฉันแซวน้องสาวเพื่อนไปตามเรื่องตามราย ไม่ได้คิดอะไร
"แล้วเลสเค้าทำอย่างไรอ่ะ เรื่องอย่างว่า" ปลาทำสายตาเยิ้มใส่ฉันในกล้อง
"ก้อ เหมือนทอมดี้นั่นแหละ ต่างกันตรงที่ถ้าเป็นเลสทูก็ผลัดกันทำ" ฉันอธิบายไป เพราะเคยรู้มาว่า ทอมส่วนใหญ่มักรุกข้างเดียว
"แต่เค้าก็ชอบทำให้ทอมนะ ไม่รู้เป็นไร" ปลาเริ่มชวนเข้าเรื่องวาบหวิว
"จริงอะ พี่ก็เคยได้ยินมาบ้าง ว่าทอมบางคนยอมให้ดี้ทำ แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมทำให้ทำนะ"
"อยากลองกับเลสบ้างอ่ะพี่นา"
"ปลาเมาเปล่าอ่ะ คุยแบบนี้เดี๋ยวปรายว่านะ" ฉันขมวดคิ้ว ปลาคุยแปลกๆพิกล
"พี่นาสวยจัง ปลาอยากหอมพี่อ่ะ" ปลาเริ่มคุยติดหื่นเล็กๆ
"อย่าดีกว่า ปลา เราพี่น้องกันนะ ปลาเป็นน้องสาวเพื่อนพี่ด้วย ปรายรู้พี่จะโดนว่าได้นะ" ฉันตอบไปในข้อความ ขณะที่ปลาเองเอาหมอนทีบังไว้ออก เผอยให้เห็นถึงขอบถุงน่องที่เลยกระโปรงออกมา ทำให้ใจฉันเต้นเล็กๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลจากตอนทำงานยังไม่จางหายเท่าไหร่ เหมือนปลาพยายามแกล้งยั่วฉัน ซึ่งความที่ฉันยังเมาๆมาเหมือนกัน และเป็นคนที่ของขึ้นหาย ทำให้ฉันรู้สึกหวิวๆพิกล
"อย่าให้รู้สิ เค้าอยากกอดพี่นา เดี๋ยวปลาทำให้นะ" คำพูดของปลาทำให้ฉันอึ้ง หยิบไดร์เป่าผมวางลง
"เนินอกพี่นาขาวจัง" ปลาพยายามรุกเร้าต่อ
"ปลาคิดจะทำอะไร" ฉันคุยแบบไม่มีหางเสียง มันเหมือนเป็นเรื่องไม่ดีเลย ที่น้องสาวเพื่อนมาคิดแบบนี้กับเรา ปลาไม่ตอบ แต่เอามือลูบๆน้องกระโปรงตรงจุดเร้นลับ จนทำให้กระโปรงเลิกขึ้นมาจนเห็นชั้นในสีขาวที่ซ่อนอยู่ใต้ถุงน่องดำ ใจฉันเต้นเอาการ เพราะไม่เคยคุยแบบเห็นคนทำให้แบบนี้ต่อหน้ามาก่อน
ใจฉันยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก แบบปากอาจดูเหมือนดุ แต่ก็อยากดูไปด้วย
"หุ่นดีนาดีจัง ขาขาวมาก พี่ปลาอ้าขาหน่อยสิ" ปลาเริ่มรุกหนัก ฉันไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ตื่นเต้นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ มีคนชวนทำแบบนี้มาก่อน เคยรับรู้มาว่า คู่รักหญิงชายบางคู่ หรือเลสชอบกันทำหน้ากล้อง ทว่าไม่เคยคิดว่าจะมีชวนฉันทำ และคนที่ชวนคือน้องสาวเพื่อนสนิที่โตขึ้นมาแล้วสวยจนจำหน้าตาวัยเด็กของเธอแทบไม่ได้
การยั่วยวนขอปลาที่ลูบของเร้นลับ ทำให้ฉันดูตาไม่กะพริบ ปลาขบปากขณะที่มืออีกข้างคลึงหน้าอกตัวเองนอกชุดแส็กไปด้วย แม้ว่าไม่มีเสียงออกมาในเฟซบุค แต่เป็นอะไรที่ได้อารมณ์ทีเดียว
"พี่นาไม่ต้องทำก็ได้ ดูปลาทำอย่างเดียวพอนะ" ปลาผละมือจากร่างกายของตนมาพิมพ์ตอบในคอมพิวเตอร์ ฉันพิมตอบแค่ "..." ซึ่งทำให้เธอดูเหมือนเดาใจออกว่าฉันอยากดูอะไรต่อไป
"ปลาเอื้อมมือเลิกชุดแส็กขึ้น แล้วค่อยๆถอดถุงน่องออกมา จากนั้นเธอใช้มือซ้ายล้วงเข้าไปในกางเกงในสีขาว จนฉันเห็นมือเธอนูนออกมานอกชั้นใน มันขยับขึ้นลงช้าๆ ตามประสาผุ้หญิงด้วยกันฉันรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร เพราะหญิงสาวเกือบทุกคนย่อมเคยทำแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้นเวลาเกิดอารมณ์เปลี่ยวและอยู่ตัวคนเดียว
ฉันรู้สึกเหมือนมีสารแห่งความสุขรินออกมาจากช่องเร้นลับของฉัน แล้วฉันก็เผอลนั่งอ้าขาอย่างไม่ทันรู้ตัว แต่พยายามเก็บความรู้สึกไว้ไม่ได้ทำตามอย่างที่ปลาทำไปด้วย
ปลาทำสีหน้าเสียวซ่าน ริมฝีปากขมกันเหมือนกำลังคราง หลับตาพริ้ม แม้ว่าเธอแค่ล้วงในชั้นใน แต่ทำให้ฉันรู้สึกมีอารมณ์คล้อยตามและอยากทำแบบเดียวกับเธอ ฉันเอื้อมือไปปิดกล้องเพราะอยากทำแบบที่ปลาทำ
"พี่นาปิดกล้องทำไมอ่ะ โกรธปลาหรอ" ปลาทักมาในอินบ็อกซ์
"เปล่า" ฉันตอบห้วนๆขณะใช้มือลูบบริเวณเนินนุ่มของตัวเองไปด้วย
"พี่นาอย่าบอกพี่ปรายนะว่าปลาชวนทำแบบนี้"
"จ้ะ"
"ปลาขอโทษได้ไม้"
"ไม่เป็นไร" ฉันกำลังเคลิ้มและนึกภาพตามว่าปลาทำอะไรอยู่ในขณะนั้น ระหว่างมือฉันทำงานบนสิ่งเล้นรับใต้ผ้าขนหนู ปลาทักมาต่อ
"พี่นาทำอะไรอยู่คะ" เธอคงสงสัยว่าตอนนี้ฉันโกรธหรือมีอารมณ์
"เปล่า ปลาทำต่อเถอะ" ฉันชักอดรนทนไม่ไหว แต่การทำหน้ากล้อง เป็นอะไรที่ฉันกระดากอายเกินไป และกลัวโดนอัดวิดีโอด้วย
"พี่นาทำอยู่หรอ"
"ค่ะ"
หนนี้ปลาเริ่มรุกฉันด้วยคำพูดในอินบ็อกซ์ของเฟซบุค ซึ่งฉันก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า แค่เพียงคำพูดจะทำให้เกิดความต้องการและความปรารถนาในเซ็กซ์ขึ้นมาได้
"พี่นาอ้าขากว้างๆนะ เดี๋ญวปลาทำให้"
ฉันพิมแคข้อความสั้นๆ "ค่ะ" แล้วแยกขาออกแบบที่เธอว่า
"ปลาถอดผ้าขนหนูพี่นาออกนะ ข้างล่างพี่นาสวยจัง ปลาออรัลให้นะคะ" เธอเชื้อชวน ทำให้ฉันนึกถึงรสชาติความเสียวซ่านที่พี่วิวและพี่อรเคยมอบให้ มือของฉันเพลิดเพลินกับการรุกเร้าส่วนลับของตัวเอง พร้อมหลับตาพริ้มเป็นจังหวะๆ ราวกับปลาทำให้ฉันอยู่จริงๆ
"ปลาถอดเสื้อผ้าของปลาหมดแล้วนะ ปลากำลังทำไปด้วย พี่นาชอบไหม"
"ค่ะ"
ลีลาของปลาด้วยคำพูด ทำให้ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า น้องสาวเพื่อนจะใช้มันเสมือนของจริงที่ทำให้ฉันเกิดอารมณ์ได้อย่างมาก มันเป็นการเล้าโล้ม และมีเซ็กซ์กันแบบออนไลน์ที่กินระยะเวลายาวนาน ราวกับร่วมรักกันจริงๆ ตื่นเต้นและชวนค้นหา
เราใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง ฉันเริ่มกล้าตอบโตด้วยข้อความแบบเดียวกัน ปลาชวนให้ฉันพูดคำหยาบตอนร่วมรัก ฉันหน้ามืด ทำทุกอย่างที่เธอบอก จนทำให้อารมณ์เราร้อนแรงขึ้นๆ จนกระทั่งเราถึงจุดหมายด้วยกัน ส่วนเล้นรับของฉันหลั่งสารแห่งความสุขออกมาจนล้นหลาม จนฉันรู้สึกเหมือนตัวล่องลอย
"พี่นาถึงไหม" ปลาถาม
"ค่ะ" ฉันบอก "พี่ขอตัวนอนก่อนนะคะ น้องปลา"
ฉันเข้าห้องน้ำเพื่อชำละล้างคราบความสุข แล้วนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าผิดต่อพี่อรหรือเปล่า ถ้าพี่อรรู้เข้าอาจโกรธฉันมาก ที่ฉันช่วยตัวเองแบบนี้ ในใจหนึ่งฉันถวิลหาอยากให้พี่อรอยู่ใกล้กันเหลือเกิน เพื่อจะได้มีความสุขร่วมกัน
หลังจากครั้งนั้น เราคุยกันในอินบ็อกซ์บ่อยมาก แต่ไม่ได้ทำแบบนั้นกันอีกเลย เหมือนเพราะพิษสุราหรือไงไม่ทราบ ทำให้เราเกิดความต้องการในแบบเดียวกัน เราคุยกันเหมือนพี่น้องกันโดยปกติถึงเรื่องทั่วไป จนเราสนิทกันในเฟซ แต่ฉันไม่ได้บอกพี่อรเรื่องนี้แม้แต่แอะเดียว เพราะกลัวความสัมพันธ์ชองฉันกับพี่อรอาจมีปัญหา
เราไม่ได้แชทเซ็กซ์กันอีกเป็นปี แต่ก็ยังพุดคุยเฟซ ไลน์ เปิดกล้องกันอยู่เสมอ โอกาสเจอนั้นน้อยมากเพราะปลาอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ฉันอยู่กรุงเทพๆ นานๆ ปลาถึงจะมาหาปรายที่เมืองหลวงสักครั้ง
เมื่อพี่อรกลับมา ฉันยังคงมีความรักให้พี่อรเหมือนเดิม เราร่วมกันเกือบทุกวันเหมือนเดิม บางทีฉันอ่านข้อความที่ปลาเคยรุกเร้าฉัน และภาพสดๆที่ปลาเคยทำ ทำให้ฉันเองเกิดอารมณ์และรุกใส่พี่อรอย่างหนักหน่วง จนพี่อรครางดังไม่รู้จบได้แต่ถามว่าฉันไปทำอะไรมาถึงเกิดความต้องการขนาดนี้ ฉันได้แต่ตอบว่าดูคลิปเลสมา เรียกว่าอ้างแบบน้ำขุ่นๆ แล้วเราก็ถึงสวรรค์พร้อมกันจนได้ทุกครั้ง
ความน่ารักของปลา คุยสนุก ทำให้ฉันอยากคุยกับปลาทุกวัน แม้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรกันแบบนั้นอีกก็ตาม และอีกเหตุผลคือฉันอยู่กับพี่อรด้วยตลอด ทำให้ไม่เกิดโอกาสทำแบบนั้นอีกเลย จะทำกันก็ตอนที่อรไม่อยู่เช่นไปข้างนอกตอนกลางวัน หรือกลับบ้านต่างจังหวัด
เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างฉันกับปลา เราคุยและห่วงใยกันตลอดเวลา โอกาสที่เราจะเจอกันนั้นแทบไม่มี ด้วยงานของฉันและบ้านของปลาที่อยู่ต่างจังหวัด ลีลาการพูดคุยเรื่องเซ็กซ์ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันหลงปลาพอสมควร บางครั้งฉันยอมเปิดกล้องทำด้วย ฉันกลายเป็นคนติดรสชาติเซ็กซ์ออนไลน์ไปแล้ว
เราเจอกันอีกหนตอนปลามาหาปรายที่กรุงเทพ ฉันกับปลา ปรายและแฟนปรายไปเที่ยวด้วยกัน 4 คน เราคุยเล่นกันอย่างสนุกนาน ฉันกับปลาสบตากันเหมือนรู้ใจกัน โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยปากใดๆ ตอนเราเข้าไปดูหนังกัน ปลาจับมือฉันไปด้วย ทำให้ฉันอยากกอดกับปลาเหลือเกิน
ฉันรักพี่อรอยู่ แต่ฉันก็รู้สึกดี เพราะอะไรฉันก็หาคำตอบไม่ได้ การพูคคุยกับปลาทั้งแบบพี่น้องทั่วไป และเรื่องลึกๆ รวมถึงยิ่งมาเจอกันแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกดีๆเป็นพิเศษ
ระหว่างหนังดำเนินไปได้ครึ่งเรื่อง ปลาชวนฉันไปห้องน้ำ ให้ฉันไปส่ง ซึ่งห้องน้ำตอนหนังฉายทราบดีว่า แทบไม่มีคนอยู่เลย
ปลาชวนฉันเข้าห้องน้ำห้องเดียวกัน ตอนแรกฉันประหม่ามากกลัวคนเห็น ปลาดูซ้ายขวาแล้วดึงมือฉันเข้าไปแล้วปิดประตูก่อนจูบปากฉันอย่างหนักหน่วงจนฉันไม่ทันตั้งตัว และท้ายสุดฉันตอบสนองจูบกลับ มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากกับการจูบผู้หญิงคนอื่นที่มิใช่แฟนตนเอง
น้องสาวเพื่อนฉันเอื้อมื้อปลดล้วงกระโปรงใต้กระโปรงพีซของฉัน ทำให้ฉันหลุดเผลอครางออกมา ฉันไม่ได้ทำตอบ ปล่อยให้ปลารุกเร้าอยู่ข้างเดียว จนเธอเห็นฉันกระตุกและหลับตาพริ้ม ปกติการมีเซ็กซ์ระหว่างเลสต้องใช้เวลานาน แต่ภายใต้สถานการณ์ความตื่นเต้นแบบนัน มันเร่งเร่าให้ฉันถึงเร็วอย่างเหลือเชื่อ ฉันยังคงล่องลอย และจูบปลาตอบ ปลาบอกว่าฉันไม่ต้องทำให้หรอก เดี๋ยวพี่ปรายสงสัยว่าทำไมออกมานาน
ฉันรีบจัดแจงเสื่อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนเข้าไปดูหนังอย่างเดิม และแก้ตัวกับปรายว่าปลาท้องเสีย เลยเดินไปหาซื้อยาให้
ถึงแม้ว่าฉันกับปลา ไม่ได้มีอะไรกันบนเตียงจริงๆ และทำแค่ภายนอก แต่ฉันก็รู้สึกผิดกับพี่อรอย่างมาก ฉันพยายามเลิกกับปลาหลายหน ไม่ติดต่อกันในเฟซ ทว่าท้ายสุดฉันก็ไม่เคยทำสำเร็จสักที และฉันยังคงเป็นเมียในเฟซของปลาเสมอมา
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เมื่อฉันเป็นฝ่ายรุก
ในโลกของเลส มีทั้งคิงส์คือถนัดรุกอย่างเดียว ควีนส์รับอย่างเดียว และทู ซึ่งผลัดกันรุกและรับ ไม่ว่าเลสแบบไหน ก็อาจเป็นไบได้ ไม่มีข้อจำกัดว่าเลสควีนส์ ต้องเป็นฝ่ายรับเมื่อเจอกับผู้หญิงที่ถูกใจ เธออาจโดนและจูนเข้ากับเลสคิงส์หรือทูก็เป็นได้ มันไม่มีอะไรแน่นอนในโลกของเลส บางครั้ง คิงส์กับคิงส์เจอกัน ก็อาจเปลี่ยนเป็นทูหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกลับเป็นฝ่ายรับข้างเดียวก็มี
ฉันเคยเป็นควีนส์ รับอย่างเดียวตั้งแต่ตอนคบพี่วิว แต่กับพี่อร ซึ่งเคยเป็นดี้และรับเหมือนกัน ทำให้เราไม่ค่อยประสีประสามากนักในเรื่องเซ็กซ์ เขินๆกันพอสมควรในช่วงแรกๆ นาเองพยายามถามเพื่อนเลสในเฟซว่าทำอย่างไร ถึงให้แฟนมีความสุข และถึงจุดหมายพร้อมกัน บางทีก็ดูคลิปเลสต่างๆ รวมถึงดีวีดีเลสที่สั่งซื้อในไทยได้อย่างมากมายแค่แผ่นละ 50 บาท เพื่อศึกษากัน บางทีชวนพี่อรดูด้วยกันจนเกิดอารมณ์ทั้งคู่ นาเชื่อว่ามีเลสไม่น้อยที่ชอบดูคลิปเลส แน่นอนว่า 99% ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ดูแล้ว "ขึ้น" ตามระเบียบ บ้างหาทางออกด้วยการช่วยตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์โดยส่วนใหญ่ บ้างก็ลงกับคู่รัก ไม่ว่าชายหรือหญิง หรือแบบหญิงกับหญิงแบบชาวเลสด้วยกัน
นาเรียนรู้ที่จะเป็นฝ่ายรุกมากขึ้น พี่อรก็เช่นกัน เราจึงกลายเป็นเลสในลักณะที่เรียกว่าเลสทู คือรับและรุกได้ ทำให้อีกฝ่ายและให้อีกฝ่ายทำได้ แต่มีเลสอีกสองแบบที่รุกอย่างเดียวหรือไม่ก็รับอย่างเดียว
รุกอย่างเดียว เรารู้จักกันคือ "เลสคิงส์"
รับอย่างเดียวคือ "เลสควีนส์"
สองคำนี้มีมาตั้งแต่พระเจ้าเหา ตั้งแต่โลกของเลสในไทยยังเปิดกว้างด้วยซ้ำ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นคิง เป็นควีนส์ เป็นทู
คำตอบคือคำถามที่ง่ายมาก "เป็นเลสอะไรคะ" เมื่อจะเริ่มต้นพูดคุยหรือจีบเลสคนใดคนหนึ่งในโลกออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันเปิดตัวและเปิดเผยกันมากขึ้น บางคนตอบ "เลสไบ" ซึ่งนั่นไม่บ่งบอกว่ารุกหรือรับ เลสไบคือมีอะไรกับแฟนชาย และมีกับผู้หญิงด้วยกัน แต่เลสไบบางทีก็กลายเป็นเลสคิง เมื่อควงคู่กับเลสด้วยกัน
ภายนอกเราดูไม่ออกกันหรอกว่าคนไหนคิงหรือควีน หรือทู นอกจากถามเท่านั้น บางคู่ เลสควีนผมสั้นจนเกือบเหมือนทอม แต่คนที่ผมยาวกลับเป็นเลสคิงก็มี
เลสคิงแท้ๆ จะรุกอย่างเดียวหรือทำให้อีกฝ่ายมีความสุขอย่างเดียว ไม่ว่าจะด้วยชิวหา มือ หรือการใช้ส่วนลับบดแนบเนื้อกัน เธอเป็นกระทำทั้งหมด และเมื่อใช้ส่วนเร้นรับบดเบียดกัน เธอจะเป็นฝ่ายกระแทกกระทั้นอยู่ด้านบนจนเธอถึงจุดสุดยอด บางทีเธออาจยอมให้อีกฝ่ายรุกบ้างแต่เป็นส่วนน้อย เลสคิงมักไม่ให้ควีนหรือทูทำให้เลย
ความลับอีกอย่างที่ฉันล่วงรู้คือ เลสคงก็สามารถเสร็จด้วย ด้วยกรบดส่วนเร้นรับของเธอเข้ากับของเราอย่างมีจังหวะจะโคน และโดนจุดสำคัญ บางครั้งอาจรุนแรงหนักหน่ว บางครั้งแค่เสียดสี เธอบังคับทิศทางได้
แต่สำหรับเลสควีนหรือฝ่ายรับ การอยู่ล่างเวลาส่วนเร้นรับกระทบกัน มักไปถึงจุดสุดยอดช้ามาก หรือไม่ถึงเลย เลสคิงที่ชำนาญเมื่อเธอบดเบียดจนเกือบถึงทีหมาย หรืออาจถึงจุดไปแล้ว เธออาจเปลี่ยนมาออรัลจนกระทั่งควีนไปถึงจุดหมายในเวลาไล่เรี่ยกัน หรือบางครั้ง เลสคิงใกล้ถึงจุดก็อาจช่วยตัวเองพร้อมกับออรัลหรือนิ้วช่วยควีนไปด้วยจนถึงพร้อมกัน บางคู่ใช้ของเทียม หรือที่เรียกในสังคมเลสว่า "ของเล่น" ซึ่งหมายถึงอวัยะเทียมของเพศชาย และใช้กันเยอะมากเพียงแต่ไม่ค่อยเปิดเผยกันเท่านั้น ใช้กันตั้งแต่พริตตี้ไปจนถึงดารากันเลยทีเดียว
สำหรับฉันเอง ระยะหลังเริ่มต้นเป็นฝ่ายรุกก่อนเสียส่วนใหญ่ ฉันชอบเวลาเห็นพี่อรมีใบหน้าเสียวซ่าน มันทำให้ฉันยิ่งมีอารมณ์อยากรุกเร้ามากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอาบน้ำด้วยกันแล้วตัวพี่อรหอมเหลือเกิน ฉันจะอาบน้ำถูสบู่ให้พี่อร ล้างให้ตรงจุดเร้นลับ เคยมีคำถามว่า เวลาออรัลกันเราล้างชำระกันก่อนไหม
"ล้างสิคะ" ถามได้ เหมือนเช่นหญิงออรัลให้ชายก็ต้องล้างก่อนเช่นกันเพื่อกลิ่หอมน่าชวนชิม
รสชาติของสารหลั่งไหลของพี่อรอิ่มเอิบจนฉันติดใจ ต้องลงชิวหาให้พี่อรทุกครั้งที่เราอาบน้ำด้วยกัน ก่อนจะไปต่อกันบนเตียงนุ่มๆ ซึ่งฉันมีความสุขเหลือเกินเวลามองหน้าพี่อรกำลังมีความสุขและผมแผ่สยายบนเตียง ฉันพยายามสรรหาบรรยากาศใหม่ๆในการร่วมรัก จนทำให้พี่อรจากที่เคยเป็นดีและมีแฟนชาย ตอนนี้หลงสเน่ห์ในลีลาของฉันชนิดเรียกถามหาเกือบทุกคืนไปเสียแล้ว ซึ่งฉันพร้อมรุกและบริการให้คนที่ฉันรักอย่างเต็มใจเสมอ ไม่ว่าพี่อรจะรุกฉันตอบหรือไม่ก็ตาม
ความรักย่อมคู่มากับเซ็กซ์ ไม่ว่าหญิงหรือชาย หรือหญิงกับหญิง หากเรียนรู้ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขไปพร้อมกัน ถึงจุดหมายร่วมกัน รู้จักสร้างรสชาติให้แก่กันในแบบใหม่ นั่นจะทำให้ชีวิตคู่รักเลสมีอายุยืนยาวขึ้นอีกมา....
ด้วยหน้าที่และความรัก
ความเป็นเลสเบียน หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า "เลส" ทำให้บางครั้ง หญิงสาวจำต้องปกปิดความรู้สึกแท้จริงเอาไว้ ในข้อมูลเฟซ หรือไลน์ พวกเธอยังระบุว่าสนใจทั้งเพื่อนชายและหญิง หรือบางครั้งเธอปกปิดงานที่แท้จริงเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครรับรู้ โลกของงานที่เธอทำ เพราะกลัวถูกมองในแง่ลบหรือสังคมรังเกียจ และที่สำคัญคือเธอกลัวผู้หญิงที่เลสคนนั้นรัก หรือเป็นแฟน ยอมรับไม่ได้ หรืออาจนถึงขึ้นต้องเลิกรากัน
นี่คือเรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นในสังคมที่คุณเอจไม่อยากเชื่อ แต่มันคือความเป็นจริงทุกกระเบียดนิ้ว
ฉันกับพี่อร สุดที่รัก ชอบเปิดดูเฟซสาวๆเลสกันอยู่แล้ว คุยไปคุยมา พี่อรสะดุดเลสคนหนึ่งเธอดูมีสตางค์พอสมควร เห็นโพสต์รูปเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ โดยบอกว่า "ถึงเวลาบินไปทำงานดูไบ" อีกครั้ง แล้วแฟนเลสแต่ละคนของเธอน่ารักถึงระดับสวยเลยทีเดียว
"ดูนี่สิ เลสคนนี้รวยอ่ะ แฟนสวยด้วย" พี่อรใช้ให้ดูเฟซของสาวนางหนึ่ง
"อ๋อ คนนี้นาเคยคุยบ้าง แต่มันไม่ได้โลกสวยแบบนั้นไปหมดทุกอย่างหรอกน่าพี่อร บางทีเห็นโพสต์รูปไปดูไบ เกาหลี อะไรพวกนี้ ความเป็นจริงมันเป็นอีกคนละด้านเลยนะ"
พี่อรทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เลยให้ฉันอธิบาย...
"เจน" เป็นสาวเลสตัวแม่ เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายมาก่อน เรียกว่าเป็นเลสแท้มาตั้งแต่ต้น ความที่เธอหน้าตาใช้ได้ มีรถขับและมีเงินใช้เหลือเฟือจากการทำงาน ทำให้เธอหาแฟนเลสได้ง่ายดาย เธอทุ่มไม่ยั้งจนกระทั้งเลสมาคบหา และมีความสัมพันธ์ แต่ความรักของเธอกับเลสก็มักจบลงภายหลังคบกันได้ไม่กี่เดือน ความที่เธอใช้เงินทุ่ม ยังไม่อาจทำให้เจนค้นพบเลสที่จะได้ใจของเธอไปครองอย่างเต็มร้อย
เจน ไม่เคยบอกความลับแก่ใครถึงงานที่เธอทำ และเธอกลัวถูกเลสปฏิเสธหรือรังเกียจ เธอพยายามค้นหาความรักแท้ที่ไม่ปฏิเสธตัวตนของเธอ แน่ละ ในโลกยุคออนไลน์ที่สังคมเลสเปิดกว้าง แอดเลสด้วยกันไปแบบไม่ยั้ง เพื่อจูนหาคู่ที่ตนเองชอบ แล้วเจนก็ได้พบพยาบาลสาวคนหนึ่งชื่อ "แอน" ทางกลุ่มเลสในเฟซบุคนี่เอง
เมื่อเจนชอบใคร เธอใจป้ำ ทุ่มเทไม่อั้น แล้วไม่เช้าเธอก็จะได้เลสคนนั้นมาเป็นคู่นอน แต่ไม่นานนักก็เลิกไป เมื่อเธอกลับไปทำงานที่ดูไบ และความห่างเหินทำให้ร้างรากัน กระทั่งพบแอน หญิงสาวที่น่ารัก หุ่นดีถูกใจเธออย่างยิ่ง และที่สำคัญ นอกเหนือจากบุคลิกดูเรียบร้อย แต่ยามฉากเข้าพระเข้านาง เธอหื่นระดับตัวแม่จนทำให้เจนถึงขั้นขาอ่อน แทบลุกไม่ไหวออกจากเตียงมาหลายครั้งหลายหนแล้วและเจนก็มักโพสต์ทำนองนั้นแบบขำๆบ่อยๆ ถึงความหื่นของแฟนสาว
ภาพของเจนสวยงาม เวลาไปทำงานต่างประเทศ เธอจะถ่ายรูปเครื่องบินเหินขึ้นฟ้า และตอนลงจอดที่สนามบินดูไบ แอนเองก็ไม่เคยถามว่าเจนทำงานอะไร เพราะอีกฝ่ายบอกเพียงไปช่วยงานญาติที่นั่น
ข้อเท็จจริงอีกอย่างของคนที่โพสต์รูปว่าไปทำงานต่างแดน ดูไบ เกาหลี บรูไน ดูพวกเธอมีความสุขมาก แท้จริงแล้วมีบางอย่างที่โลกยังมิได้รับรู้ และเธอมิกล้าเผยความจริงต่อผู้ใด
นาเคยมีเพื่อนทำงานดูไบ เธอเป็นเลสแท้ ไม่เคยคบชายมาก่อน ทว่าสภาวะการเงินทีบ้านมีปัญหา แล้วมีเพื่อนที่เป็นเลสเหมือนกัน ทำงานอยู่ที่นั่นมาก่อน เลยแนะนำให้เธอลองไปเผชิญโชคดู
งานที่ว่าคืองาน "นวด" ที่บ้านเราใช้คำว่า "นวดสปา" ซึ่งแท้จริงๆแล้ว เป็นการนวดกระปู๋ พูดง่ายๆคือ ช่วยให้ผู้ชายหลั่งด้วยมือนั่นเอง
หากมีใครโพสต์รูปหรือบอกว่าไปทำงานดูไบ นาบอกพี่อรว่า เกือบร้อยทั้งร้อยไปทำงานนวดกระปู่
เลสก็ทำแบบนั้นได้ หากเธอคิดว่าทำเพื่อเงิน แล้วก็ไม่ได้ออรัลหรือให้่ร่วมเพศ
เพื่อนฉันเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตในดูไบ ซึ่งจะโดนเอารัดเอาเปรียบอย่างมาก กดขี่ทุกอย่าง และทำให้พวกเธอเป็นหนี้เกือบแสน เพราะข้ออ้างที่นายจ้างจะทำวีซ่าให้พวกเธอ กว่าจะหลุดพ้นปีแรกและเริ่มเก็บเงินได้ก็ปีที่สองเข้าไปแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าพวกเธอต้องนวดไปกี่แท่งกี่ร้อยกี่พันอัน
ในดูไบ จริงๆแล้วห้ามมิให้มีการบริการทางเพศแบบนี้ ร้านนวดไม่น้อยเปิดบังหน้า นวดตอนแรกจะนวดตามปกติ แต่เมื่อนวดไปสักพัก ลูกค้าจะบอกว่าให้นวดกระปู๋หรือไม่
กฎหมายที่นั่นค่อนข้างแรง หากเป็นตำรวจแฝงมาแล้วพวกเธอนวดกระปู๋ ถูกจับได้ จะโดนเอาไปปรับเงินอาน
แต่ถ้าออรัลให้ ตำรวจจะจับติดคุกลูกเดีย และเคยมีคนโดนมาแล้ว ทำให้เพื่อนฉันไม่กล้าทำอะไรให้มากกว่านวด เพราะมันเสี่ยงเกินไป และหากมีการร่วมเพศกับลูกค้าแล้วถูกจับ จะโดนจับเหมารวมทั้งร้านกันเลยทีเดียว
ถ้าไม่ออรัลก็ได้เงินน้อย บางคนยอมเสียงเพื่อให้ได้เงินเยอะขึ้น บางคนก็เอาแค่พอใช้พอเก็บแค่นวดเท่านั้นพอ
การนวดกระปู๋เมื่อผู้ชายเสร็จแล้ว เธอจะทำอย่างไร เพื่อนฉันบอกว่า เธอจะประคองไอ้นั่นให้หลั่งบนตัวลูกค้าเอง ไม่ให้มีการสัมผัสตัวเธอเป็นอันขาด
...
ที่เกาหลีมีร้านนวดแบบนี้เช่นกันเยอะด้วย มีเพื่อนเล่นคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จัก มีปัญหาการเงินเหมือนกัน ตอนแรกจะไปดูไบ เพราะมีแฟนเลสที่นั่น แต่เปลี่ยนใจไปเกาหลีแทนซึ่งความโหดของนายจ้างน้อยกว่า แล้วโชคดีที่ "เก๋" ได้เจอกับเลสทูเหมือนกันในที่ทำงานเดียวกัน ซึ่งก็หาเงินส่งที่บ้านเช่นเดียวกัน เลยทำให้ทั้งคู่กลายเป็นแฟนกันโดยปริยาย ภาพของเธอตอนกินดื่มเที่ยว ออกไปข้างนอก เดินในกรุงโซล ดูสวยงาม มีความสุข งานแท้จริงของเธอคือนวดอย่างที่บอกไว้ แต่นั่นไม่สำคัญ เธอไม่ได้ให้ลูกค้าสัมผัสใดๆ ไม่มีการ่วมประเวณีและเธอยังรักกับแฟนได้ด้วย
หน้าที่กับความรัก จึงเป็นของคู่กันได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายทำงานให้บริการนวดแบบนี้ก็ตาม บางคนเป็นเลสทำในไนท์คลับ ที่ออกแขก (คือไปมีอะไรกับลูกค้า) แต่มีแฟนเลสด้วยก็เยอะแยะ และมันคือเรื่องจริงอย่างมาก
ที่เกาหลี พวกเธอเวลาจะนวดต้องแต่งตัวชุดเซ็กซี่เล็กน้อย เวลานอน ก็จะนอนกันเป็นห้องใหญ่ เมื่อเก๋กับแฟนเกิดอารมณ์ก็จะทำกันในห้องนอนใหญ่นั่นเลย โดยไม่สนว่าเพื่อนจะดูหรือไม่ และทุกคนก็รับทราบดีมาตลอดว่าทั้งสองคนเป็นคู่เลสกัน
...
บรูไน คืออะไรที่หนักยิ่งกว่านั้น มีสาวๆมากมายต้องการไปขุดทอง ซึ่งแน่นอนว่ารายได้เยอะ แต่ที่นั่นเธอต้องอยู่ในโรงแรมที่เจ้านายจัดไว้ให้ ไม่ได้มีสิทธิ์ออกไปข้างนอกเป็นอันขาดตลอดทั้งปี จะออกไปก็เพียงตอนกลับไทยเท่านั้น เพื่อนของฉันคนหนึ่งเป็นผู้จัดการคอยติดต่อรับออเดอร์จากลูกค้า ซึ่งก็จะมาใช้บริการในโรงแรมและเปิดห้องให้ข้างบน แต่เธอรู้สึกเบื่อลูกค้าพวกนี้เหลือเกิน เมื่อเธอเก็บเงินได้ก้อนใหญ่ จึงอำลาชีวิตต่างแดน แล้วกลับมาประกอบอาชีพสุจริตในเมืองไทย และมีชี่วิตมีความสุขกับแฟนเลสจนถึงทุกวันนี้
...
พี่อรฟังแล้วไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ฉันเล่าให้ฟัง แต่ทุกอย่างคือความเป็นจริง ยังไม่พอ แม้กระทั่งเมืองไทย ก็ยังมีบางคนยอมให้บริการทางเพศแก่ผู้ชาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดูเลสแฟนของตน และลูกที่เคยเกิดกับแฟนชายแบบไม่ตั้งใจก่อนหน้านั้น
สมมิตว่าเธอชื่อ "เมย์" ตอนแรกฉันคิดว่าเธอเป็นพริ้ตตี้ แต่คุยกันนานเข้า เธอจึงยอมรับว่า เธอออกแขก (คือมีอะไรกับลูกค้า) โดยเธอมีเอเย่นค์คอยติดต่อให้ เมย์จัดเป็นคนหน้าตาดี ทำให้มีลูกค้าเยอะ ถ้าออกแขกหลายรอบ วันหนึ่งเธอได้เงินพันบาท ทำให้เธอมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ส่งแฟนเลสที่คอยเลี้ยงดูลูกให้เธอด้วย
เมย์กับแฟนสาวเจอกันไม่บ่อยนัก สองสามเดือนครั้งและแฟนเลสเธอก็รู้ดีว่า เมย์ทำงานแบนี้ แต่ก็ยอมรับได้ และใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปกติสุข เมื่อเจอกันเมย์กับแฟนยังคงมีเซ็กซ์ด้วยกันตามปกติ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เพื่อนเลสบางคนของฉันในเฟซ เคยนวดกระปู่ (และทุกวันนี้อาจทำงานอยู่) ในเมืองไทยนี้เอง เธอมีเงินเยอะทำให้มีเลสติดพันมากมาย และเธอคบได้ไม่นานนัก จนกระทั่งมาพบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทำงานราชการ ด้วยหน้าที่ทำให้เธอไม่อาจเผยในข้อมูลเฟซหรือใดๆว่าเธอเป็นเลส เธอเคยมีแฟนชาย แต่ก็หันมาคบเลสในภายหลัง แม้ว่าเธอรู้ว่าแฟนทำงานดังกล่าว แต่ก็ไม่รังเกียจ เพราะไม่ได้ไปก่ออาชญากรรมฆ่าใครที่ไหน และเมื่อถึงเวลาร่วมความสัมพันธ์ในแบบเลส ก็ยังทำให้ทั้งคู่สมรักและมีความสุขไม่เคยเปลี่ยน
ไม่ว่าแฟนคุณจะทำงานแบบไหน แต่ถ้าไม่ได้ไปคดโกงใคร ไม่ได้ก่ออาชญากรรมให้ประเทศชาติบ้านเรือน เราก็พร้อมให้อภัยและรักในตัวเขาได้เสมอ เพราะนั่นคืองาน แต่เมื่อกลับมาอยู่บ้านเตียงอันนุ่มนวล ผู้หญิงสองคนพร้อมเป็นเมียของกันและกันเสมอ....
วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ผิดหรือไม่ เป็นเลสไบ
อย่างที่ฉันเคยบอกไป ในสังคมเลส มีผู้หญิงมากมายที่มีครอบครัวแล้ว แต่ก็คบเลสไปด้วย บางครั้งฝ่ายชายเองทราบ บางครั้งก็ไม่ทราบ แต่มันคือโลกของความเป็นจริงและเรื่องจริง ที่ฉันได้รับฟังจากการเล่าบอกของเพื่อนสนิทในเฟซหลายคน
เลสที่มีแฟนชายแล้วมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันไปด้วย หรือบางครั้งเป็นแฟนกับเลสด้วยกันก่อน และมามีความสัมพันธ์กับแฟนชายในเวลาต่อมา คือความหมายของ "เลสไบ" ซึ่งเป็นเรื่องปกติในโลกของเลส อยู่ที่ว่าจะปกปิดหรือเปิดเผยกับใครสักคน
เลสไบหลายคนมีครอบครัวถึงขั้นแต่งงานกันไปแล้ว จดทะเบียนกันไปแล้วก็มีแฟนเลสไปด้วย บางคนทำงานดีทั้งราชการ ธนาคาร หรือนักธุรกิจหญิง พริตตี้ หรือกระทั่งคนธรรมดาแบบเรา
.....
"ภัคจิรา" เป็นผู้จัดการสาววัย 30 ต้นๆ ของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง หน้าตาเธออาจไม่ใช่คนสวยมาก แต่ดูดี แต่งหน้าแล้วดูน่ารัก ผมยาวถึงกลางหลัง ปากผมชมพู จมูกโก่ง ตาคมและมีลักยิ้มด้วย เธอมีแฟนชายชื่อ "เอก" คบหากันมาสี่ห้าปีดีดัก ความสัมพันธ์ที่มีอะไรกันในแบบคนรัก คือเรื่องปกติของมนุษย์เรา แน่นอน เอกมิใช่ชายคนของภัค เพราะก่อนหน้านั้นเธอเคยเป็นเลสไบมาก่อน คือมีความสัมพันธ์ทั้งชายและหญิงในเวลาเดียวกัน
ในเฟซบุค เธอระบุความสัมพันธ์ไว้ว่า สนใจทั้งชายและหญิง ซึ่งตอนแรก "เอก" ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะใครๆก็ลงข้อมูลแบบนี้ทั้งนั้น เพราะอาจหมายถึงเพื่อนชายและเพื่อนผู้หญิงได้ ภัคมีเพื่อนเลสในเฟซมากมาย ทั้งเลสทู คิง ควีน ดี้เลส เลสไบ มีคนเข้ามาคุยกับเธอมากมาย เพื่อหวังได้นอนกับเธอ แน่นอน มีเลสบางคนที่มีอะไรกับภัคอย่างลึกซึ้งบนเตียงแบบไม่ผูกมัด บางคนเมื่อมีอะไรกันแล้วภัคเผยว่าเธอเป็นไบ อีกฝ่ายจึงถอนตัวไปในทันที แต่ก็มี "เฟิร์น" เลสทูที่รู้จักผ่านทางโลกออนไลน์ ผู้ทำให้ภัคหลงรัก ขณะที่เธอเองยังมีความสัมพันธ์กับเอกอยู่
ความผูกพันของทั้งสองคนเกิดขึ้นก่อนช่วงเดือนมกราคม ท่ามกลางเลสที่เข้ามาพูดคุยมากมาย ทั้งแบบเพื่อนและจีบ มีผู้หญิงอยู่คนชื่อ "เฟิร์น" สาวทำงานไว้ 28 ปี ผู้ทำงานในบริษัทเอเยนต์ซี่โฆษณาแห่งหนึ่งที่กรุงเทพ ในข้อมูลเฟซเธอระบุ สนใจทั้งผู้ชายและผู้หญิง
รูปโปรไฟล์เฟิร์น เธอไว้ผมยาวแสกกลาง ทำสีผมน้ำตาลมะฮอกกานี ผมยาวของเธอัดเป็นลอนตามยุสมัยความฮิตชั่วโมงนี้ ใบหน้าขาวและแต่งหน้าแก้มอมชมพู ขนตาเธอแต่งเป็นเส้นหน้าสวยงาม คิ้วแหลมแบบสามมิติ จัดเป็นคนหน้าที่น่ารักพอสมควร แล้วไม่ได้ได้แต่งหน้ามากจนเกินไปนัก เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ สูทผู้หญิงแบบสั้นสีเนื้อ และกางเกงยีนส์ดำ ตามแบบฉบับคนทำงานด้านนี้
ขณะที่รูปโปรไฟล์ภัคเองอยู่ในชุดทำงานของโรงแรม ผมเธอยาวแต่รวมผมไว้ด้านหลัง ใบหน้ายิ้มแย้มปากสีชมพูอวบอิ่ม ใส่ชุดเสื้อสูทผู้หญิงของที่ทำงานซึ่งเป็นสีเทา เสื้อเชิ้ตข้างในสำหรับสุตรีเป็นสีชมพูอ่อน และกระโปรงมินิสเกิร์ตระดับเข่า รัดรูปเล็กน้อย ทำให้เห็นหุ่นที่ผอมเพรียวและค่อนข้างดูดีของเธอ
ทันทีเมื่อภัคเห็นรูปโปรไฟล์ เธอไม่ลังเลขอเพิ่มเป็นเพื่อนเฟิร์น และเมื่อได้เป็นเพื่อนกันในเฟซ ทำให้ภัคสามารถเข้าไปดูรูปต่างๆของเธอได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปถ่ายกับเพื่อนๆที่ทำงาน มีทั้งชายและหญิง มองไม่ออกว่าเป็นเลส กระทั่งได้ดูรูปส่วนตัวที่ภัคเห็นเฟิร์นกอดคอกับผู้หญิงสองสามคน ทำให้เธอรู้สึกได้ว่า อาจมีส่วนลึกที่เฟิร์นเป็นเลสได้
"ขอบคุณค่ะที่รับแอด" ภัคคอมเมนท์ไปตรงหน้าแรก ขณะที่เฟิร์นตอบรับ "ยินดีค่า" จากนั้นภัคค่อยๆดูรูปของเธอไปเลยๆ กดไลค์รูปที่เฟิร์นมักถ่ายเดี่ยวๆหรือถ่ายเป็นคู่กับเพื่อนผู้หญิง
"สวยทั้งคู่เลยค่ะ" ภัคคอมเมนท์
"คุณเฟิร์นน่ารักมาก" เธอคอมเมนท์อีกรูปที่เพื่อนๆทำท่าแกล้งหอมเธอ ทำให้ภัคคิดว่าเฟิร์ตอาจเป็นเลสจริงๆก็ได้
"ขอบคุณค่ะ" เฟิร์นคอมเมนท์ตอบ ซึ่งการแลกคอมเมนท์และกดไลค์ของทั้งสองคน เป็นไปอยู่หลายวัน ภัคสังเกตเห็นมีผู้หญิงมาทักหน้าเฟซเฟิร์นแบบหยอกล้อเหมือนเลสบ้างประปราย แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ ของแบบนี้ จะมีคนมาจีบเยอะเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าจูนตรงกันแล้วใช่ มันก็ใช่!
ช่วงแรก เฟิร์นยังไม่ค่อยตอบข้อความในอินบ็อกมากนัก มีเพียงคำถาม "เฟิร์นเป็นเลสหรือเปล่าคะ" เพียงคำถามเดียวที่เธอตอบ "ใช่ค่ะ เค้าเลสค่ะ ตัวเองล่ะคะ" ภัคตอบ "เลสเหมือนกันค่ะ ยินดีได้รู้จักกันนะคะ"
กระทั่งวันที่ภัคจะเข้ามาดูงานโรงแรมบริษัทแม่ที่กรุงเทพ เธอจึงเสี่ยงนัดเฟิร์นออกมาทานข้าวดู ซึ่งตอนนั้น
"วันเสาร์นี้ ภัคจะเข้ากรุงเทพ คุณเฟิร์นว่างไหมคะ จะขอเป็นเจ้าภาพสักมื้อ"
เฟิร์นเปิดข้อความในอินบ็อกซ์อ่าน ความจริงแล้วเธอก็ถูกใจภัคเช่นกัน แต่ช่วงแรกๆต้องทำเล่นตัวไว้ก่อน เพื่อดูท่าทีอีกฝ่าย แต่แค่กินข้าวแล้วคุยกัน ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว และเธอฉลาดพอที่จะไม่ตกหลุมใครง่ายๆ เพราะเคยมีแฟนเลสมาหลายคนแล้วเช่นกัน
เธอนั่งคิดทบทวนว่าเธอนัดใครไว้หรือยัง และแค่กินข้าวเฉยๆ "เดี๋ยว เฟิร์นขอดูตารางงานแป๊บนะคะว่ามีงานหรือเปล่า"
"ค่ะ" ภัครอด้วยใจจดใจจ่อ
เอเยนซี่โฆษณาสาวไม่ได้มีนัดกับลูกค้าอะไรที่ไหน ทีมีคือการนัดทานอาหารกลางวันกับเลสทูคนหนึ่งที่ชวนเธอคุยมาพักใหญ่ และออกไปดูหนังด้วยกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน
"ตอนเย็นสักทุ่ม เฟิร์นว่างค่ะ พอดีช่วงกลางวันติดลูกค้า จะมาถึงกรุงเทพกี่โมงคะ" เฟิร์นถาม
"ไปถึงตอนเช้าค่ะ คุณเฟิร์นมีเบอร์โทรศัพท์ไหมคะ จะได้ติดต่อกันสะดวก"
"มีค่ะ" เฟิร์นกับภัคแลกเบอร์กันและเมมไว้ "เดี๋ยวตอนเย็นวันเสาร์คุยกันนะคะว่าไปร้านไหน ว่าแต่คุณภัคขับรถมาเองหรือเปล่าค่ะ จะได้นัดกันถูก"
"ค่ะ ภัคขับรถไปเอง คุณเฟิร์นบอกได้เลยว่าจะให้ไปร้านไหน ไปได้หมดค่ะ" เฟิร์นบอก
"โอเค่คะ ไม่รบกวนเวลาทำงานคุณเฟิร์นแล้ว เกรงใจ" ภัคส่งภาพตัวการ์ตูนยิ้มไปให้
"คุยได้ค่ะ ทักมาได้ตลอดนะคะ ถ้าเฟิร์นไม่ติดงานก็จะตอบทันที แต่ถ้าติดงานอย่าเพิ่งน้อยน้า รอแป๊บ ^^"
"ค่า คนสวยใจดี" ภัคส่งยิ้มตอบ
เหลืออีกสองวันก่อนวันนัดหมาย ภัคกับเฟิร์นคุยกันเรื่องต่างๆมากขึ้น ไม่ว่าเรื่องความชอบเสื้อผ้า การแต่งตัว รสนิยมฟังเพลง สังคม เรื่องจิปาถะ เรื่องเดียวที่หลีกเลี่ยงในการคุยกันคือ "แฟนเก่า"
เมื่อสนิทกันมากขึ้น เวลาคุยไลน์หรือโทรศัพท์กันจึงเหลือแค่คำว่า "เฟิร์น" กับ "พี่ภัค" ไม่มีคำนำหน้าว่า "คุณอีก"
เย็นวันเสาร์ทั้งสองคนนัดกันที่ร้านอาหารใหญ่แถวเรียบทางด่วนรามอินทรา เป็นร้านอาหารหรูบรรยากาศเหมาะกับการพูดคุย เสียงดนตรีเคล้าคลอเบาๆ และเฟิร์นยืนยันว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปากแน่นอน
หนึ่งทุ่ม ภัคมาถึงที่นัดหมาย โดยเฟิร์นจองโต๊ะริมที่มีเทียนไข้ตั้งไว้รอแล้ว ทันทีเมื่อเจอกัน ทั้งคู่ต่างทึ่งในความสวยของกันและกัน เฟิร์นเป็นฝ่ายยุคมือสวัสดีก่อนตามประสาคนอายุน้อยกว่า ทำให้ภัคแทบรับไหว้ไม่ทัน
"โห ไม่ต้องสวัสดีหรอกค่ะ แหม ทำเอาภัคเขินเลย" ภัคเริ่มต้นบทสนทนา เพื่อไม่ให้บรรยากาศการพูดคุยเกร็งกันจนเกินไป
"แหม ก็ต้องสวัสดีนี่คะ เฟิร์นอายุน้อยกว่านี่นา เชิญนั่งคะพี่ภัค"
เฟิร์นมาในชุดดำตามแบบฉบับเอเยนซี่เช่นเคย เพียงแต่เธอเปลี่ยนจากกระโปรงที่ทะมัดทแม่งตอนทำงาน มาเป็นแบบพีซ แล้วเปลี่ยนเสื้อสูท เป็นแบแฟชั่นเล็กน้อย เพื่อให้ดูน่ารักยิ่งขึ้น ขณะที่ภัคมาในชุดทำงาน เพราะเธอเพิ่งไปดูงานตอนบ่ายที่โรงแรมสำนักงานใหญ่
ทั้งสองคนไม่กล้ามองหน้ากันตรงๆมากนักในช่วงแรกด้วยความเขินที่เจอหน้ากันจริงๆหนแรก
"เหนื่อยไหมคะทำงานนี้" ภัคถาม
"เรื่อยๆค่ะ สนุกกับงานมากกว่า เฟิร์นละคะ ขับรถมาต้องไปประชุมอีก คงเหนื่อยน่าดู"
"เหนื่อยแค่ไหน ได้มานั่งทานข้าวกับคนสวยๆอย่างเฟิร์นก็หายเหนือยแล้วล่ะ" ภัคยอดคำหวานให้จนเฟิร์นเขิน
"แหม เล่นชมกันซึ่งๆหน้าเลย" เฟิร์นพยายามเปลี่ยนบทพูด "ชอบทานอะไรคะ เฟิร์นสั่งให้"
"แล้วแต่เฟิร์นเลยค่ะ ภัคทานได้หมด"
"งั้น เอาปลาหมึกทอดไข่เค็ม, ปลากระพงทอด แล้วก็แกงจืดสักอย่างนะคะจะได้มีอะไรเป็นน้ำบ้าง"
ภัคหยักหน้าตอบ "ค่ะ ได้เลย ภัคทานได้ทุกอย่าง"
"เอาน้ำอะไรดีคะ น้ำเปล่า โค้ก เบียร์ หรือว่าจะเปิดเหล้า" เฟิร์นถามนำ ทำให้ภัคเองเริ่มกล้าพูดคุยมากขึ้น
"อืม น้ำเปล่าก่อนดีกว่าโนะ" ภัคยิ้มเล็กๆ "แล้วทานเสร็จ ค่อยตบด้วยเบียร์"
"ตามนั้นค่ะ" เฟิร์นกวักมือเรียกพนักงานมาสั่งของ ระหว่างรออาหาร เธอชวนภัคคุยไปด้วย
"ร้านนี้อย่างไรบ้างคะพี่ภัค" เธอถาม
"โอเคนะ เพลงเบาๆ เหมาะกับการพูดคุย บรรยากาศดีนะคะ" ภัคพูดพร้อมสบตาที่เฟิร์นท่าไอน์ไลน์เนอดูเฉียบคมไปด้วย
"พี่ภัคชอบเพลงแนวไหนคะ คันทรี หรือร็อค หรือสากล"
"ชอบแบบสากลสบายๆแบบนี้แหละค่ะ"
"คุยเก่งนะคะพี่ภัคเนี่ย น่ารักด้วย สาวๆชอบเยอะแน่เลย จะมีสาวตามมาตบเค้าไม้เนี่ย" เฟิร์นแกล้งถามแย่เรื่องแฟนแบบทีเล่นทีจริง
"บ้ามีทีไหน เลสเลิส เฟิร์นต่างหาก สวยขนาดนี้ สาวเยอะแน่"
"ไม่มีหรอกเตง แค่พูดคุยแบบเพื่อนนะ ตอนนี้ยังไม่ได้คบใครเป็นแฟนเป็นตัวจริงๆ" เฟิร์นตอบ ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น เธอยินดีไปกินข้าว ดูหนังหรือเที่ยวได้ เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นตอบรับเป็นแฟนหรือมีอะไรกันเท่านั้น เธอพยายามทิ้งระยะความห่างไว้ เรื่องความสัมพันธ์ เพราะไม่อยากพูดมัดกับใครมาก เกรงว่าจะเคยเจอเรื่องเจ็บเหมือนแฟนที่เคยคบมา และการตอบของเธอทำให้ภัคดูโล่งใจยิ่งขึ้น และแอบยิ้มในใจไปด้วย
การพูดคุยผ่านไปแล้วสองชั่วโมง ถามเรื่องร่าวว่าทำอะไร ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ดูเหมือนทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ภายหลังออกจากร้านเฟิร์นไปส่งภัคที่รถ ก่อนแยกย้ายไปตามทางของตนเอง ดูเฟิร์นสนใจภัคมากขึ้น ทำสัญญาณมือว่าเดี๋ยวจะโทร.หา ภัคทำนิ้วบอกโอเค
ค่ำคืนนั้น ภัคอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยกำลังเข้านอนที่โรงแรม เฟิร์นก็โทร.มาคุยต่อ จนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืนกว่า โดยเฟิร์นชวนภัคไปเดินช็อปปิ้งวันอาทิตย์รุ่งขึ้น ภัครีบตอบตกลงทันที แต่ขอเป็นช่วงบ่ายเนื่องจากต้องประชุมสัมนาตอนเช้าก่อน
มันเป็นช่วงเย็นที่ภัคกับเฟิร์นดูปช็อปปิ้งด้วยกัน ก่อนลงความเห็นว่าควรดูหนังด้วยกันสักรอบ ภายในโรงหนังภัคแกล้งเอานิ้วมือไปโดนมือเฟิร์น เธอไม่ได้ปัดป้องอะไร เฟิร์นจึงยื่นกุมมือเฟิร์น แม้ว่าทั้งสองคนไม่ได้หันมามองหน้าแต่ แต่สื่อสัมพันธ์ผ่านทางมือเสมือนบ่งบอกว่า เราเข้ากันได้ดี
ภัคต้องขับรถกลับระยองเลย ทำให้ใจเธอหวิวๆ เธอรู้สึกโดนใจในตัวเฟิร์นอย่างมาก ขณะที่อีกฝ่ายถูกชะตาเช่นกัน จากการเล่นเฟซและไลน์ เลยกลายเป็นการโทร.คุยกันวันละเป็นชั่วโมงๆ และส่งข้อความหากันตลอด
ปกติแล้ว ภัคไม่ได้เข้ากรุงเทพบ่อยนัก และวันหยุดเธอมักเป็นวันพฤหัสบดี เนื่องจากศุกร์กับเสาร์ ลูกค้าจะเข้าเยอะ ความคิดถึงของภัคทำให้เธอขอมาเลี้ยงข้าวเฟิร์นทันที ทั้งที่เพิ่งห่างกันแค่ 3-4 วัน หนนี้ เธอจูงมือเวลาเดินเที่ยวเล่นกัน ก่อนทานข้าวเย็นและดื่มเบียร์กันเล็กน้อย เมื่อภัคจะขอตัวกลับระยอง เฟิร์นคว้ามือไว้ตอนไปส่งที่รถ และหอมแก้มภัคทันที
"เฟิร์นชอบเตงนะ" เธอบอก ทำให้ภัคยิ้มเขิน "ค่อยกลับพรุ่งนี้ได้ไหม คืนนี้เฟิร์นอยากเที่ยวต่อ"
ภัคไม่ลงเลคำเชื้อเชิญของอีกฝ่าย เพราะเธอทราบดีว่า ห้วงอารมณ์นี้ เฟิร์นต้องการอะไร และเธอพร้อมสนองตอบเต็มที่ งานที่โรงแรมในวันรุ่งขึ้นเธอก็คงโทร.ไปบอกหัวหน้าขอลาครึ่งวันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
"ไปได้ แต่ขอให้ภัคเลี้ยงนะ" ภัคตอบคำรับเชิญ โดยเฟิร์นขอกลับไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนค่อยเจอกันใหม่ตอนค่ำ ภัคเองก็ต้องหาโรงแรมพักคืนนี้เช่นกัน
โดยปกติ คู่เลสหากนัดกันทานข้าวเมื่อไหร่และโดนกัน ไม่ต้องใช้เวลาให้ถึงเดือนสองเดือน เพื่อสานความสัมพันธ์กันแนบแน่นต่อจากนั้น บางคู่ภายหลังคุยโทรศัพท์ เฟซ ไลน์ เห็นหน้าค่าตากันในโลกออนไลน์กันมาก่อนแล้ว เจอหนแรกอาจมีความสัมพันธ์กันทันที เฟิร์นกับภัคไม่ต่างกัน ช่วงเวลาสี่วันหลังจากเจอกันหนแรก ทั้งสองคนมอบความรักให้แก่กันอย่างถนุถนอม ความเป็นเลสทูเหมือนกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างถ่ายทอดอารมณ์ให้แก่กัน ไม่มีหยุด จนถึงทางแห่งสวรรค์พร้อมกันหลายครั้งหลายครา ผลัดกันรุกและรับเหมือนขาดหารสชาติแห่งปรารถนามานานนัก มันคืนที่ทั้งคู่อิ่มเอมในความรักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และตกลงคบหากัน
เมื่อถึงวันหยุด ภัคจะขับรถเข้ามากรุงเทพตั้งแต่เช้า ซึ่งหนหลังๆ เฟิร์นให้ภัคไปเที่ยวที่ห้องของเธอ และเสพสุขความรักกันจนถึงราตรี ก่อนเสพสุขความรักกันจนถึงราตรี จากนั้นภัคจะนอนพักเอาแรง เพื่อขับรถกลับไประยองตอนรุ่งเช้า โดยภัคขอแลกเวรอยู่โรงแรมเป็นช่วงเย็น เพื่อมีเวลาอยู่กับแฟนสาวนานที่สุด ไม่ต้องเร่งรีบกลับไปทำงานตอนเช้า
แต่แล้ว ภัคเองก็ต้องเจอกับทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ระหว่าง เอก แฟนชาย กับ เฟิร์น เมื่อเอกขอแต่งงานกับเธอในวันวาเลนไทน์ เอกมีการงานดี และทั้งสองคนเคยคุยไว้การวางแผนชีวิตร่วมกัน ปลูกบ้านอยู่ด้วยกัน ในที่สุดภัคตอบตกลงไป ปัญหาที่ตามมาคือเธอจะเปิดเผยความจริงกับเฟิร์นอย่างไร
ในวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ถัดมา ภัคขอเปลี่ยนบรรยากาศพาเฟิร์นไปโรงแรมหรูในกรุงเทพ เธอพร้อมโดนตำหนิและยอมให้เฟิร์นต่อว่า หรือทำร้ายเธอก็ได้ เพราะภัครู้ว่าผิดที่ไม่ยอมบอกความจริงแก่เธอแต่แรก ซึ่งก็เหมือนเลสไบทั่วๆไปที่มักปิดบางเรื่องแฟนชายไว้ เนื่องจากเลสหลายคน ไม่ชอบที่อีกฝ่ายเป็นเลสไบ
"เฟิร์น ภัคมีเรื่องอยากบอกเฟิร์น ภัคอึดอัดใจมานานแล้ว เฟิร์นจะต่อว่าภัคหรือตบตีภัคก็ได้นะ ภายหลังฟังเรื่องนี้แล้ว" ภัคทำหน้าเครียดและซึมๆ
เมื่อทั้งคู่นั่งดื่มในร้านอาหารลอยฟ้าชั้นบนของโรงแรม ขณะที่เฟิร์นเอง น้ำตาเริ่มซึม เธอเคยมีประสบการณ์ถูกแฟนเลสบอกเลิกมาแล้วหลายคน บางครั้งเธอเองเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน เธอตระหนักดีว่าเลสมิได้คบกันจีรังยั่งยืนอยู่แล้ว ไม่วันใดวันหนึ่งก็ถึงคราวต้องแยกทางน้อยนักจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ตอนนี้เธอพร้อมเผชิญหน้ารับคำสารภาพของภัคแล้ว "ว่ามาสิ"
เฟิร์น นิ่งอยู่นาน พยายามรวบรวมความกล้าที่จะพูด
"เอ่อ..อา คือ"
"เตงพูดมาเหอะ เค้ารับได้อยู่แล้ว เค้าคบแฟนเลสมากี่คนแล้ว เจอหมดทุกรูปแบบ" เฟิร์นอยากให้ภัคเผยความในใจโดยเร็วและไม่ต้องลังเล
"ภัคจะแต่งงาน" เธอบอกเพียงสั้นๆ แต่ทำให้เฟิร์นถึงกับนิ่งอึ้งไปนาน และน้ำตาค่อยๆไหลรินจากตาทั้งสองข้าง และนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
"ภัคขอโทษได้ไหม เฟิร์นจะต่อว่าอะไรภัค เค้ายอมทุกอย่าง ขอเพียงภัคได้ขอโทษเฟิร์น"
เฟิร์นเอากระดาษมาเช็ดน้ำตา มันไม่ใช่หนแรกที่เลสขอบอกเลิกกับเธอ หลายคนมีวิธีบอกเลิกต่างกันไป บ้างหายไปเองเฉยๆ บ้างที่เธอจับได้ว่านอนกับเลสคนอื่น บ้างเธอขอเลิกเอง หนนี้ต่างกันตรงที่คนที่เธอรักถึงขั้นจะแต่งงาน และอาจหายไปจากชีวิตเธอเช่นเดียวกับแฟนเก่าที่ผ่านๆมา
ภายหลังเฟิร์นหายช็อค เธอรวบรวมสติแล้วถามเสียงแข็ง "แล้วต่อไปเราจะเป็นอย่างไร ต้องเลิกกันใช่ไหม"
"ภัครักเฟิร์น ไม่อยากเลิก ถ้าเลือกได้ ภัคอยากเจอเฟิร์นก่อน แล้วไม่คบใครอีก แต่ภัคต้องแต่งงาน ภัคอยากให้เฟิร์นได้เจอคนใหม่ ไม่อยากทำให้เฟิร์นเสียใจอีก"
"เฟิร์นไม่ว่าหรอกนะ ถ้าภัคจะขอเลิกเพื่อไปแต่งงาน แต่เฟิร์นรักภัคเสมอ อนาคตเราก็อาจเป็นเพื่อนกัน หรือพี่น้องกันได้ เฟิร์นไม่ทำอะไรภัคหรอก มิใช่ครั้งแรกหรอกที่เฟิร์นเจ็บ"
ภัคเหมือนโล่งอกเล็กน้อย ที่เฟิร์นยังไม่เกลียดเธอถึงขั้นรุนแรงขนาดนั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเชียบอยู่นาน จนเฟิร์นเอ่ยขั้นอีกครั้ง
"พี่ภัคขึ้นไปนอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเฟิร์นไปส่ง" คำบอกของเฟิร์นทำให้ภัคเข้าใจว่าเฟิร์นคงอยากกลับบ้านแล้ว
เมื่อขึ้นไปถึงห้องพักในโรงแรม ภัคเปิดประตูเข้าไปในห้อง เฟิร์นไม่ได้เดินตามเข้าห้องไป เธอยังคงอยู่ที่ประตูและพยายามมองหน้าภัค แต่อีกฝ่ายไม่กล้าจ้องหน้าตอบ เพราะอายที่ตนเองผิดกับแฟนสาว
แม้เฟิร์นรู้ความจริงแล้วว่า ภัคเป็นเลสไบ แต่ในสายตาของเฟิร์น ภัคคือคนที่กล้าที่สุด กล้าที่จะตัดสินใจแต่งงานกับแฟนชายทั้งที่เธอเป็นเลส กล้าพูดความจริง ในแบบนี้แฟนเลสคนเก่าๆของเธอ ไม่กล้าพูด ได้แต่หันหลังหนี ในอนาคต เฟิร์นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตนเองต้องแต่งงานด้วยหรือเปล่า เพราะในโลกของเลส ท้ายสุดมีไม่น้อยที่ตัดสินใจแต่งงาน แต่ก็แอบรักแฟนเลสไปด้วย เหมือนเช่นที่เธอเคยอ่านในโลกออนไลน์และคุยกับเพื่อนๆ ทว่าเธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเธอ
เลสมากมายปฏิเสธการมีอะไรกับเลสไบ เพราะเธอกลัวความไม่สะอาด กลัวโรค หรือไม่อยากมีความสัมพันธ์ผ่านทางช่องลึกลับด้วยกัน แต่สำหรับเฟิร์น การที่ภัคกล้าแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น แสดงว่ามั่นใจในความซื่อสัตย์และความสะอาดของแฟนเธอแล้ว เธออยากมีอะไรกับภัคอีกครั้ง และอาจเป็นหนสุดท้ายก่อนจะเลิกรากันไป
"เฟิร์นขอถามอะไรพี่ภัคหน่อย"
"ค่ะ" ภัคตอบ "เฟิร์นอยากถามอะไร ภัคจะตอบความเป็นจริงทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม"
"ตอนพี่ภัคมีอะไรกับแฟนชาย แฟนพี่ภัคป้องกันไหม" เธอพยายามถามแบบอ้อมๆ
"ป้องกันคะ เขาใส่ถุง และภัคขอให้เขาตรวจเลือดมาแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นอะไร" ภัคบอกตามความเป็นจริง
"ถ้างั้นเฟิร์นขอกอดเป็นหนสุดท้ายได้ไหมคะ"
ภัคเอื้อมมือจูงเฟิร์นเข้าไปในห้องแล้วล็อคห้อง ก่อนโอบกอดเธออย่างแนบแน่น ความรู้สึกของเฟิร์นยังไม่อาจตัดขาดภัคได้ในวันนี้และเดี๋ยวนี้ เธอมองหน้าภัคอีกครั้งแล้วจูบริมฝีปากเบาๆ
"เฟิร์นขอคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายได้ไหม อยู่กับเฟิร์นนะ" ความปรารถนาของเธอสั่งหัวใจให้เธอร้องขอภัคในสิ่งนั้น
"เฟิร์นแน่ใจนะ" ภัคถาม เมื่อเฟิร์นพยักหน้า เธอจูบตอบ และถอดเสื้อของตัวเองออกหมด ปล่อยให้เฟิร์นรุกเร้าอย่างอิสระ และมันไปจบลงบนเตียงนอนอันแสนนุ่มนวล ทั้งสองคนเปล้องผ้าหมดทุกสัดส่วน และปลดปล่อยความรักให้แก่กันอย่างเปี่ยมล้น นี่อาจเป็นคืนแห่งความสุขที่เคล้าคลอด้วยความเศร้าไปพร้อมกัน เมื่อถึงจุดสุดยอดปลายทางด้วยกัน เป็นคืนแรกที่ทั้งสองคนร่วมกันเพียงหนเดียว ต่างจากเดิมซึ่งรุกและรับผลัดกันหลายครั้งหลายหน เฟิร์นใส่เสื้อผ้าแต่งตัวและเดินออกจากห้องโดยไม่มีคำกล่าวลาใดๆต่อกันอีก
...
ภัคกลับไประยอง และพยายามตัดใจไม่โทร.หา ระหว่างนี้เธอกับเอกกำลังหารือกันเกี่ยวกับพิธีและกำหนดงานแต่งงาน คาดว่าคงเป็นช่วงอีกราวครึ่งปีข้างหน้า เมื่อทุกอย่างพร้อมและลงตัวในที่สุด
แต่ระหว่างนี้ ใจภัคเหมือนยิ่งคิดถึงเฟิร์นหนักขึ้นกว่าเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเปิดเผยความจริงล่าสุด ทำให้ทั้งคู่ไม่กล้าจะโทรศัพท์หรือไลน์เอ่ยปากพูดก่อน เพราะกลัวความรู้สึกอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไป
วันพฤหัสในสัปดาห์ต่อมา ภัคไม่ได้ตัดสินใจจขับรถไปกรุงเทพอีก แต่ความเคยชินและความคิดถึงเฟิร์นอย่างมากจนเหมือนขาดอะไรอย่างหนึ่งไปในชีวิต ทำให้ภัครวบรวมความกล้า โทรศัพท์ไป ใจหนึ่งก็ตื่นเต้นไปด้วย ไม่รู้จะได้รับคำตอบอย่างไร
"สวัสดีค่ะ พี่ภัค" เฟิร์นรับสายอย่างรวดเร็วไม่ทันถึงสองกริ๊ง
"สวัสดีจะ เฟิร์น เตงสบายดีไหม" ภัคถามหยั่งเชิงก่อน
"เรื่อยๆ ไม่ได้คุยกับพี่ภัคแล้วเหงาๆอย่างบอกไม่ถูก" เฟิร์นยังรู้สึกห่วงหาอาวรภัคอยู่มาก "เตงจะมาหาเค้าไหมวันนี้ ถ้าเตงอยู่กับแฟนไม่เป็นไรนะ"
"เค้าคิดถึงเฟิร์นมากนะ เตงไม่โกรธเค้าหรอที่เค้าทำกับเตงแบบนี้" ภัคบอก
"ไม่รู้อ่ะ เค้ารักเตงนะ เค้าไม่สนหรอกเตงจะเป็นไบหรือเปล่า เคา้เคยเจ็บหนักกว่านี้ แฟนเลสเก่าคนหนึ่ง ไม่เคยพูดความจริงกับเฟิร์นเลย ตอนเลิกก็หายไปเฉยๆ"
"สำคัญคือพี่ภัคยังรักเฟิร์นอยู่หรือเปล่า"
"รักสิถามได้ ถ้าเตงยอมรับสถานะเค้าได้ ภัคแต่งเพราะที่บ้านต้องการให้มีครอบครัว และเอกเค้าก็ดูแลดี แต่ถ้าเรื่องแบบนั้น เค้ารู้สึกกับผู้หญิงด้วยกันมากกว่านะ"
"สัญญาได้ไหมว่า ต่อให้พี่ภัคแต่งงานแล้วก็จะรักเฟิร์นอยู่" เฟิร์นพูดความรู้สึกตัวเองออกมาและอยากถามแฟนสาวด้วยใจ
"สัญญาสิที่รัก วันนี้อยากกินอะไรใหม่ เดี๋ยวซื้อไปฝาก" ภัคตอบ
"เตงซื้ออะไรมาเค้ากินได้หมดแหละ เฟิร์นจะรอนะ"
เรื่องเฟิร์นกับภัค ยังคงดำเนินต่อไป และมีคู่เลสไม่น้อยที่เป็นแบบเธอทั้งสองคน อีกฝั่งมีแฟนชาย และมีความสัมพันธ์กับเลสไปด้วย หากอีกฝ่ายยอมรับได้ในความเป็นเลสไบของเธอ ก็ไม่มีอะไรปิดกั้นความรักและความสัมพันธ์ของคู่เลสได้อีกต่อไป แม้ว่ามันเป็นความลับที่มิอาจให้ใครรู้ได้
ทุกวันนี้ภัคยังคงไปมาหาสู่เฟิร์นเสมอ แม้ว่าผ่านพ้นพิธีวิวาอาห์กับเอกไปหลายเดือนแล้วก็ตาม...
เลสที่มีแฟนชายแล้วมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันไปด้วย หรือบางครั้งเป็นแฟนกับเลสด้วยกันก่อน และมามีความสัมพันธ์กับแฟนชายในเวลาต่อมา คือความหมายของ "เลสไบ" ซึ่งเป็นเรื่องปกติในโลกของเลส อยู่ที่ว่าจะปกปิดหรือเปิดเผยกับใครสักคน
เลสไบหลายคนมีครอบครัวถึงขั้นแต่งงานกันไปแล้ว จดทะเบียนกันไปแล้วก็มีแฟนเลสไปด้วย บางคนทำงานดีทั้งราชการ ธนาคาร หรือนักธุรกิจหญิง พริตตี้ หรือกระทั่งคนธรรมดาแบบเรา
.....
"ภัคจิรา" เป็นผู้จัดการสาววัย 30 ต้นๆ ของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง หน้าตาเธออาจไม่ใช่คนสวยมาก แต่ดูดี แต่งหน้าแล้วดูน่ารัก ผมยาวถึงกลางหลัง ปากผมชมพู จมูกโก่ง ตาคมและมีลักยิ้มด้วย เธอมีแฟนชายชื่อ "เอก" คบหากันมาสี่ห้าปีดีดัก ความสัมพันธ์ที่มีอะไรกันในแบบคนรัก คือเรื่องปกติของมนุษย์เรา แน่นอน เอกมิใช่ชายคนของภัค เพราะก่อนหน้านั้นเธอเคยเป็นเลสไบมาก่อน คือมีความสัมพันธ์ทั้งชายและหญิงในเวลาเดียวกัน
ในเฟซบุค เธอระบุความสัมพันธ์ไว้ว่า สนใจทั้งชายและหญิง ซึ่งตอนแรก "เอก" ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะใครๆก็ลงข้อมูลแบบนี้ทั้งนั้น เพราะอาจหมายถึงเพื่อนชายและเพื่อนผู้หญิงได้ ภัคมีเพื่อนเลสในเฟซมากมาย ทั้งเลสทู คิง ควีน ดี้เลส เลสไบ มีคนเข้ามาคุยกับเธอมากมาย เพื่อหวังได้นอนกับเธอ แน่นอน มีเลสบางคนที่มีอะไรกับภัคอย่างลึกซึ้งบนเตียงแบบไม่ผูกมัด บางคนเมื่อมีอะไรกันแล้วภัคเผยว่าเธอเป็นไบ อีกฝ่ายจึงถอนตัวไปในทันที แต่ก็มี "เฟิร์น" เลสทูที่รู้จักผ่านทางโลกออนไลน์ ผู้ทำให้ภัคหลงรัก ขณะที่เธอเองยังมีความสัมพันธ์กับเอกอยู่
ความผูกพันของทั้งสองคนเกิดขึ้นก่อนช่วงเดือนมกราคม ท่ามกลางเลสที่เข้ามาพูดคุยมากมาย ทั้งแบบเพื่อนและจีบ มีผู้หญิงอยู่คนชื่อ "เฟิร์น" สาวทำงานไว้ 28 ปี ผู้ทำงานในบริษัทเอเยนต์ซี่โฆษณาแห่งหนึ่งที่กรุงเทพ ในข้อมูลเฟซเธอระบุ สนใจทั้งผู้ชายและผู้หญิง
รูปโปรไฟล์เฟิร์น เธอไว้ผมยาวแสกกลาง ทำสีผมน้ำตาลมะฮอกกานี ผมยาวของเธอัดเป็นลอนตามยุสมัยความฮิตชั่วโมงนี้ ใบหน้าขาวและแต่งหน้าแก้มอมชมพู ขนตาเธอแต่งเป็นเส้นหน้าสวยงาม คิ้วแหลมแบบสามมิติ จัดเป็นคนหน้าที่น่ารักพอสมควร แล้วไม่ได้ได้แต่งหน้ามากจนเกินไปนัก เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ สูทผู้หญิงแบบสั้นสีเนื้อ และกางเกงยีนส์ดำ ตามแบบฉบับคนทำงานด้านนี้
ขณะที่รูปโปรไฟล์ภัคเองอยู่ในชุดทำงานของโรงแรม ผมเธอยาวแต่รวมผมไว้ด้านหลัง ใบหน้ายิ้มแย้มปากสีชมพูอวบอิ่ม ใส่ชุดเสื้อสูทผู้หญิงของที่ทำงานซึ่งเป็นสีเทา เสื้อเชิ้ตข้างในสำหรับสุตรีเป็นสีชมพูอ่อน และกระโปรงมินิสเกิร์ตระดับเข่า รัดรูปเล็กน้อย ทำให้เห็นหุ่นที่ผอมเพรียวและค่อนข้างดูดีของเธอ
ทันทีเมื่อภัคเห็นรูปโปรไฟล์ เธอไม่ลังเลขอเพิ่มเป็นเพื่อนเฟิร์น และเมื่อได้เป็นเพื่อนกันในเฟซ ทำให้ภัคสามารถเข้าไปดูรูปต่างๆของเธอได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปถ่ายกับเพื่อนๆที่ทำงาน มีทั้งชายและหญิง มองไม่ออกว่าเป็นเลส กระทั่งได้ดูรูปส่วนตัวที่ภัคเห็นเฟิร์นกอดคอกับผู้หญิงสองสามคน ทำให้เธอรู้สึกได้ว่า อาจมีส่วนลึกที่เฟิร์นเป็นเลสได้
"ขอบคุณค่ะที่รับแอด" ภัคคอมเมนท์ไปตรงหน้าแรก ขณะที่เฟิร์นตอบรับ "ยินดีค่า" จากนั้นภัคค่อยๆดูรูปของเธอไปเลยๆ กดไลค์รูปที่เฟิร์นมักถ่ายเดี่ยวๆหรือถ่ายเป็นคู่กับเพื่อนผู้หญิง
"สวยทั้งคู่เลยค่ะ" ภัคคอมเมนท์
"คุณเฟิร์นน่ารักมาก" เธอคอมเมนท์อีกรูปที่เพื่อนๆทำท่าแกล้งหอมเธอ ทำให้ภัคคิดว่าเฟิร์ตอาจเป็นเลสจริงๆก็ได้
"ขอบคุณค่ะ" เฟิร์นคอมเมนท์ตอบ ซึ่งการแลกคอมเมนท์และกดไลค์ของทั้งสองคน เป็นไปอยู่หลายวัน ภัคสังเกตเห็นมีผู้หญิงมาทักหน้าเฟซเฟิร์นแบบหยอกล้อเหมือนเลสบ้างประปราย แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ ของแบบนี้ จะมีคนมาจีบเยอะเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าจูนตรงกันแล้วใช่ มันก็ใช่!
ช่วงแรก เฟิร์นยังไม่ค่อยตอบข้อความในอินบ็อกมากนัก มีเพียงคำถาม "เฟิร์นเป็นเลสหรือเปล่าคะ" เพียงคำถามเดียวที่เธอตอบ "ใช่ค่ะ เค้าเลสค่ะ ตัวเองล่ะคะ" ภัคตอบ "เลสเหมือนกันค่ะ ยินดีได้รู้จักกันนะคะ"
กระทั่งวันที่ภัคจะเข้ามาดูงานโรงแรมบริษัทแม่ที่กรุงเทพ เธอจึงเสี่ยงนัดเฟิร์นออกมาทานข้าวดู ซึ่งตอนนั้น
"วันเสาร์นี้ ภัคจะเข้ากรุงเทพ คุณเฟิร์นว่างไหมคะ จะขอเป็นเจ้าภาพสักมื้อ"
เฟิร์นเปิดข้อความในอินบ็อกซ์อ่าน ความจริงแล้วเธอก็ถูกใจภัคเช่นกัน แต่ช่วงแรกๆต้องทำเล่นตัวไว้ก่อน เพื่อดูท่าทีอีกฝ่าย แต่แค่กินข้าวแล้วคุยกัน ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว และเธอฉลาดพอที่จะไม่ตกหลุมใครง่ายๆ เพราะเคยมีแฟนเลสมาหลายคนแล้วเช่นกัน
เธอนั่งคิดทบทวนว่าเธอนัดใครไว้หรือยัง และแค่กินข้าวเฉยๆ "เดี๋ยว เฟิร์นขอดูตารางงานแป๊บนะคะว่ามีงานหรือเปล่า"
"ค่ะ" ภัครอด้วยใจจดใจจ่อ
เอเยนซี่โฆษณาสาวไม่ได้มีนัดกับลูกค้าอะไรที่ไหน ทีมีคือการนัดทานอาหารกลางวันกับเลสทูคนหนึ่งที่ชวนเธอคุยมาพักใหญ่ และออกไปดูหนังด้วยกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน
"ตอนเย็นสักทุ่ม เฟิร์นว่างค่ะ พอดีช่วงกลางวันติดลูกค้า จะมาถึงกรุงเทพกี่โมงคะ" เฟิร์นถาม
"ไปถึงตอนเช้าค่ะ คุณเฟิร์นมีเบอร์โทรศัพท์ไหมคะ จะได้ติดต่อกันสะดวก"
"มีค่ะ" เฟิร์นกับภัคแลกเบอร์กันและเมมไว้ "เดี๋ยวตอนเย็นวันเสาร์คุยกันนะคะว่าไปร้านไหน ว่าแต่คุณภัคขับรถมาเองหรือเปล่าค่ะ จะได้นัดกันถูก"
"ค่ะ ภัคขับรถไปเอง คุณเฟิร์นบอกได้เลยว่าจะให้ไปร้านไหน ไปได้หมดค่ะ" เฟิร์นบอก
"โอเค่คะ ไม่รบกวนเวลาทำงานคุณเฟิร์นแล้ว เกรงใจ" ภัคส่งภาพตัวการ์ตูนยิ้มไปให้
"คุยได้ค่ะ ทักมาได้ตลอดนะคะ ถ้าเฟิร์นไม่ติดงานก็จะตอบทันที แต่ถ้าติดงานอย่าเพิ่งน้อยน้า รอแป๊บ ^^"
"ค่า คนสวยใจดี" ภัคส่งยิ้มตอบ
เหลืออีกสองวันก่อนวันนัดหมาย ภัคกับเฟิร์นคุยกันเรื่องต่างๆมากขึ้น ไม่ว่าเรื่องความชอบเสื้อผ้า การแต่งตัว รสนิยมฟังเพลง สังคม เรื่องจิปาถะ เรื่องเดียวที่หลีกเลี่ยงในการคุยกันคือ "แฟนเก่า"
เมื่อสนิทกันมากขึ้น เวลาคุยไลน์หรือโทรศัพท์กันจึงเหลือแค่คำว่า "เฟิร์น" กับ "พี่ภัค" ไม่มีคำนำหน้าว่า "คุณอีก"
เย็นวันเสาร์ทั้งสองคนนัดกันที่ร้านอาหารใหญ่แถวเรียบทางด่วนรามอินทรา เป็นร้านอาหารหรูบรรยากาศเหมาะกับการพูดคุย เสียงดนตรีเคล้าคลอเบาๆ และเฟิร์นยืนยันว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปากแน่นอน
หนึ่งทุ่ม ภัคมาถึงที่นัดหมาย โดยเฟิร์นจองโต๊ะริมที่มีเทียนไข้ตั้งไว้รอแล้ว ทันทีเมื่อเจอกัน ทั้งคู่ต่างทึ่งในความสวยของกันและกัน เฟิร์นเป็นฝ่ายยุคมือสวัสดีก่อนตามประสาคนอายุน้อยกว่า ทำให้ภัคแทบรับไหว้ไม่ทัน
"โห ไม่ต้องสวัสดีหรอกค่ะ แหม ทำเอาภัคเขินเลย" ภัคเริ่มต้นบทสนทนา เพื่อไม่ให้บรรยากาศการพูดคุยเกร็งกันจนเกินไป
"แหม ก็ต้องสวัสดีนี่คะ เฟิร์นอายุน้อยกว่านี่นา เชิญนั่งคะพี่ภัค"
เฟิร์นมาในชุดดำตามแบบฉบับเอเยนซี่เช่นเคย เพียงแต่เธอเปลี่ยนจากกระโปรงที่ทะมัดทแม่งตอนทำงาน มาเป็นแบบพีซ แล้วเปลี่ยนเสื้อสูท เป็นแบแฟชั่นเล็กน้อย เพื่อให้ดูน่ารักยิ่งขึ้น ขณะที่ภัคมาในชุดทำงาน เพราะเธอเพิ่งไปดูงานตอนบ่ายที่โรงแรมสำนักงานใหญ่
ทั้งสองคนไม่กล้ามองหน้ากันตรงๆมากนักในช่วงแรกด้วยความเขินที่เจอหน้ากันจริงๆหนแรก
"เหนื่อยไหมคะทำงานนี้" ภัคถาม
"เรื่อยๆค่ะ สนุกกับงานมากกว่า เฟิร์นละคะ ขับรถมาต้องไปประชุมอีก คงเหนื่อยน่าดู"
"เหนื่อยแค่ไหน ได้มานั่งทานข้าวกับคนสวยๆอย่างเฟิร์นก็หายเหนือยแล้วล่ะ" ภัคยอดคำหวานให้จนเฟิร์นเขิน
"แหม เล่นชมกันซึ่งๆหน้าเลย" เฟิร์นพยายามเปลี่ยนบทพูด "ชอบทานอะไรคะ เฟิร์นสั่งให้"
"แล้วแต่เฟิร์นเลยค่ะ ภัคทานได้หมด"
"งั้น เอาปลาหมึกทอดไข่เค็ม, ปลากระพงทอด แล้วก็แกงจืดสักอย่างนะคะจะได้มีอะไรเป็นน้ำบ้าง"
ภัคหยักหน้าตอบ "ค่ะ ได้เลย ภัคทานได้ทุกอย่าง"
"เอาน้ำอะไรดีคะ น้ำเปล่า โค้ก เบียร์ หรือว่าจะเปิดเหล้า" เฟิร์นถามนำ ทำให้ภัคเองเริ่มกล้าพูดคุยมากขึ้น
"อืม น้ำเปล่าก่อนดีกว่าโนะ" ภัคยิ้มเล็กๆ "แล้วทานเสร็จ ค่อยตบด้วยเบียร์"
"ตามนั้นค่ะ" เฟิร์นกวักมือเรียกพนักงานมาสั่งของ ระหว่างรออาหาร เธอชวนภัคคุยไปด้วย
"ร้านนี้อย่างไรบ้างคะพี่ภัค" เธอถาม
"โอเคนะ เพลงเบาๆ เหมาะกับการพูดคุย บรรยากาศดีนะคะ" ภัคพูดพร้อมสบตาที่เฟิร์นท่าไอน์ไลน์เนอดูเฉียบคมไปด้วย
"พี่ภัคชอบเพลงแนวไหนคะ คันทรี หรือร็อค หรือสากล"
"ชอบแบบสากลสบายๆแบบนี้แหละค่ะ"
"คุยเก่งนะคะพี่ภัคเนี่ย น่ารักด้วย สาวๆชอบเยอะแน่เลย จะมีสาวตามมาตบเค้าไม้เนี่ย" เฟิร์นแกล้งถามแย่เรื่องแฟนแบบทีเล่นทีจริง
"บ้ามีทีไหน เลสเลิส เฟิร์นต่างหาก สวยขนาดนี้ สาวเยอะแน่"
"ไม่มีหรอกเตง แค่พูดคุยแบบเพื่อนนะ ตอนนี้ยังไม่ได้คบใครเป็นแฟนเป็นตัวจริงๆ" เฟิร์นตอบ ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น เธอยินดีไปกินข้าว ดูหนังหรือเที่ยวได้ เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นตอบรับเป็นแฟนหรือมีอะไรกันเท่านั้น เธอพยายามทิ้งระยะความห่างไว้ เรื่องความสัมพันธ์ เพราะไม่อยากพูดมัดกับใครมาก เกรงว่าจะเคยเจอเรื่องเจ็บเหมือนแฟนที่เคยคบมา และการตอบของเธอทำให้ภัคดูโล่งใจยิ่งขึ้น และแอบยิ้มในใจไปด้วย
การพูดคุยผ่านไปแล้วสองชั่วโมง ถามเรื่องร่าวว่าทำอะไร ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ดูเหมือนทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ภายหลังออกจากร้านเฟิร์นไปส่งภัคที่รถ ก่อนแยกย้ายไปตามทางของตนเอง ดูเฟิร์นสนใจภัคมากขึ้น ทำสัญญาณมือว่าเดี๋ยวจะโทร.หา ภัคทำนิ้วบอกโอเค
ค่ำคืนนั้น ภัคอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยกำลังเข้านอนที่โรงแรม เฟิร์นก็โทร.มาคุยต่อ จนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืนกว่า โดยเฟิร์นชวนภัคไปเดินช็อปปิ้งวันอาทิตย์รุ่งขึ้น ภัครีบตอบตกลงทันที แต่ขอเป็นช่วงบ่ายเนื่องจากต้องประชุมสัมนาตอนเช้าก่อน
มันเป็นช่วงเย็นที่ภัคกับเฟิร์นดูปช็อปปิ้งด้วยกัน ก่อนลงความเห็นว่าควรดูหนังด้วยกันสักรอบ ภายในโรงหนังภัคแกล้งเอานิ้วมือไปโดนมือเฟิร์น เธอไม่ได้ปัดป้องอะไร เฟิร์นจึงยื่นกุมมือเฟิร์น แม้ว่าทั้งสองคนไม่ได้หันมามองหน้าแต่ แต่สื่อสัมพันธ์ผ่านทางมือเสมือนบ่งบอกว่า เราเข้ากันได้ดี
ภัคต้องขับรถกลับระยองเลย ทำให้ใจเธอหวิวๆ เธอรู้สึกโดนใจในตัวเฟิร์นอย่างมาก ขณะที่อีกฝ่ายถูกชะตาเช่นกัน จากการเล่นเฟซและไลน์ เลยกลายเป็นการโทร.คุยกันวันละเป็นชั่วโมงๆ และส่งข้อความหากันตลอด
ปกติแล้ว ภัคไม่ได้เข้ากรุงเทพบ่อยนัก และวันหยุดเธอมักเป็นวันพฤหัสบดี เนื่องจากศุกร์กับเสาร์ ลูกค้าจะเข้าเยอะ ความคิดถึงของภัคทำให้เธอขอมาเลี้ยงข้าวเฟิร์นทันที ทั้งที่เพิ่งห่างกันแค่ 3-4 วัน หนนี้ เธอจูงมือเวลาเดินเที่ยวเล่นกัน ก่อนทานข้าวเย็นและดื่มเบียร์กันเล็กน้อย เมื่อภัคจะขอตัวกลับระยอง เฟิร์นคว้ามือไว้ตอนไปส่งที่รถ และหอมแก้มภัคทันที
"เฟิร์นชอบเตงนะ" เธอบอก ทำให้ภัคยิ้มเขิน "ค่อยกลับพรุ่งนี้ได้ไหม คืนนี้เฟิร์นอยากเที่ยวต่อ"
ภัคไม่ลงเลคำเชื้อเชิญของอีกฝ่าย เพราะเธอทราบดีว่า ห้วงอารมณ์นี้ เฟิร์นต้องการอะไร และเธอพร้อมสนองตอบเต็มที่ งานที่โรงแรมในวันรุ่งขึ้นเธอก็คงโทร.ไปบอกหัวหน้าขอลาครึ่งวันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
"ไปได้ แต่ขอให้ภัคเลี้ยงนะ" ภัคตอบคำรับเชิญ โดยเฟิร์นขอกลับไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนค่อยเจอกันใหม่ตอนค่ำ ภัคเองก็ต้องหาโรงแรมพักคืนนี้เช่นกัน
โดยปกติ คู่เลสหากนัดกันทานข้าวเมื่อไหร่และโดนกัน ไม่ต้องใช้เวลาให้ถึงเดือนสองเดือน เพื่อสานความสัมพันธ์กันแนบแน่นต่อจากนั้น บางคู่ภายหลังคุยโทรศัพท์ เฟซ ไลน์ เห็นหน้าค่าตากันในโลกออนไลน์กันมาก่อนแล้ว เจอหนแรกอาจมีความสัมพันธ์กันทันที เฟิร์นกับภัคไม่ต่างกัน ช่วงเวลาสี่วันหลังจากเจอกันหนแรก ทั้งสองคนมอบความรักให้แก่กันอย่างถนุถนอม ความเป็นเลสทูเหมือนกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างถ่ายทอดอารมณ์ให้แก่กัน ไม่มีหยุด จนถึงทางแห่งสวรรค์พร้อมกันหลายครั้งหลายครา ผลัดกันรุกและรับเหมือนขาดหารสชาติแห่งปรารถนามานานนัก มันคืนที่ทั้งคู่อิ่มเอมในความรักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และตกลงคบหากัน
เมื่อถึงวันหยุด ภัคจะขับรถเข้ามากรุงเทพตั้งแต่เช้า ซึ่งหนหลังๆ เฟิร์นให้ภัคไปเที่ยวที่ห้องของเธอ และเสพสุขความรักกันจนถึงราตรี ก่อนเสพสุขความรักกันจนถึงราตรี จากนั้นภัคจะนอนพักเอาแรง เพื่อขับรถกลับไประยองตอนรุ่งเช้า โดยภัคขอแลกเวรอยู่โรงแรมเป็นช่วงเย็น เพื่อมีเวลาอยู่กับแฟนสาวนานที่สุด ไม่ต้องเร่งรีบกลับไปทำงานตอนเช้า
แต่แล้ว ภัคเองก็ต้องเจอกับทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ระหว่าง เอก แฟนชาย กับ เฟิร์น เมื่อเอกขอแต่งงานกับเธอในวันวาเลนไทน์ เอกมีการงานดี และทั้งสองคนเคยคุยไว้การวางแผนชีวิตร่วมกัน ปลูกบ้านอยู่ด้วยกัน ในที่สุดภัคตอบตกลงไป ปัญหาที่ตามมาคือเธอจะเปิดเผยความจริงกับเฟิร์นอย่างไร
ในวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ถัดมา ภัคขอเปลี่ยนบรรยากาศพาเฟิร์นไปโรงแรมหรูในกรุงเทพ เธอพร้อมโดนตำหนิและยอมให้เฟิร์นต่อว่า หรือทำร้ายเธอก็ได้ เพราะภัครู้ว่าผิดที่ไม่ยอมบอกความจริงแก่เธอแต่แรก ซึ่งก็เหมือนเลสไบทั่วๆไปที่มักปิดบางเรื่องแฟนชายไว้ เนื่องจากเลสหลายคน ไม่ชอบที่อีกฝ่ายเป็นเลสไบ
"เฟิร์น ภัคมีเรื่องอยากบอกเฟิร์น ภัคอึดอัดใจมานานแล้ว เฟิร์นจะต่อว่าภัคหรือตบตีภัคก็ได้นะ ภายหลังฟังเรื่องนี้แล้ว" ภัคทำหน้าเครียดและซึมๆ
เมื่อทั้งคู่นั่งดื่มในร้านอาหารลอยฟ้าชั้นบนของโรงแรม ขณะที่เฟิร์นเอง น้ำตาเริ่มซึม เธอเคยมีประสบการณ์ถูกแฟนเลสบอกเลิกมาแล้วหลายคน บางครั้งเธอเองเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน เธอตระหนักดีว่าเลสมิได้คบกันจีรังยั่งยืนอยู่แล้ว ไม่วันใดวันหนึ่งก็ถึงคราวต้องแยกทางน้อยนักจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ตอนนี้เธอพร้อมเผชิญหน้ารับคำสารภาพของภัคแล้ว "ว่ามาสิ"
เฟิร์น นิ่งอยู่นาน พยายามรวบรวมความกล้าที่จะพูด
"เอ่อ..อา คือ"
"เตงพูดมาเหอะ เค้ารับได้อยู่แล้ว เค้าคบแฟนเลสมากี่คนแล้ว เจอหมดทุกรูปแบบ" เฟิร์นอยากให้ภัคเผยความในใจโดยเร็วและไม่ต้องลังเล
"ภัคจะแต่งงาน" เธอบอกเพียงสั้นๆ แต่ทำให้เฟิร์นถึงกับนิ่งอึ้งไปนาน และน้ำตาค่อยๆไหลรินจากตาทั้งสองข้าง และนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
"ภัคขอโทษได้ไหม เฟิร์นจะต่อว่าอะไรภัค เค้ายอมทุกอย่าง ขอเพียงภัคได้ขอโทษเฟิร์น"
เฟิร์นเอากระดาษมาเช็ดน้ำตา มันไม่ใช่หนแรกที่เลสขอบอกเลิกกับเธอ หลายคนมีวิธีบอกเลิกต่างกันไป บ้างหายไปเองเฉยๆ บ้างที่เธอจับได้ว่านอนกับเลสคนอื่น บ้างเธอขอเลิกเอง หนนี้ต่างกันตรงที่คนที่เธอรักถึงขั้นจะแต่งงาน และอาจหายไปจากชีวิตเธอเช่นเดียวกับแฟนเก่าที่ผ่านๆมา
ภายหลังเฟิร์นหายช็อค เธอรวบรวมสติแล้วถามเสียงแข็ง "แล้วต่อไปเราจะเป็นอย่างไร ต้องเลิกกันใช่ไหม"
"ภัครักเฟิร์น ไม่อยากเลิก ถ้าเลือกได้ ภัคอยากเจอเฟิร์นก่อน แล้วไม่คบใครอีก แต่ภัคต้องแต่งงาน ภัคอยากให้เฟิร์นได้เจอคนใหม่ ไม่อยากทำให้เฟิร์นเสียใจอีก"
"เฟิร์นไม่ว่าหรอกนะ ถ้าภัคจะขอเลิกเพื่อไปแต่งงาน แต่เฟิร์นรักภัคเสมอ อนาคตเราก็อาจเป็นเพื่อนกัน หรือพี่น้องกันได้ เฟิร์นไม่ทำอะไรภัคหรอก มิใช่ครั้งแรกหรอกที่เฟิร์นเจ็บ"
ภัคเหมือนโล่งอกเล็กน้อย ที่เฟิร์นยังไม่เกลียดเธอถึงขั้นรุนแรงขนาดนั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเชียบอยู่นาน จนเฟิร์นเอ่ยขั้นอีกครั้ง
"พี่ภัคขึ้นไปนอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเฟิร์นไปส่ง" คำบอกของเฟิร์นทำให้ภัคเข้าใจว่าเฟิร์นคงอยากกลับบ้านแล้ว
เมื่อขึ้นไปถึงห้องพักในโรงแรม ภัคเปิดประตูเข้าไปในห้อง เฟิร์นไม่ได้เดินตามเข้าห้องไป เธอยังคงอยู่ที่ประตูและพยายามมองหน้าภัค แต่อีกฝ่ายไม่กล้าจ้องหน้าตอบ เพราะอายที่ตนเองผิดกับแฟนสาว
แม้เฟิร์นรู้ความจริงแล้วว่า ภัคเป็นเลสไบ แต่ในสายตาของเฟิร์น ภัคคือคนที่กล้าที่สุด กล้าที่จะตัดสินใจแต่งงานกับแฟนชายทั้งที่เธอเป็นเลส กล้าพูดความจริง ในแบบนี้แฟนเลสคนเก่าๆของเธอ ไม่กล้าพูด ได้แต่หันหลังหนี ในอนาคต เฟิร์นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตนเองต้องแต่งงานด้วยหรือเปล่า เพราะในโลกของเลส ท้ายสุดมีไม่น้อยที่ตัดสินใจแต่งงาน แต่ก็แอบรักแฟนเลสไปด้วย เหมือนเช่นที่เธอเคยอ่านในโลกออนไลน์และคุยกับเพื่อนๆ ทว่าเธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเธอ
เลสมากมายปฏิเสธการมีอะไรกับเลสไบ เพราะเธอกลัวความไม่สะอาด กลัวโรค หรือไม่อยากมีความสัมพันธ์ผ่านทางช่องลึกลับด้วยกัน แต่สำหรับเฟิร์น การที่ภัคกล้าแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น แสดงว่ามั่นใจในความซื่อสัตย์และความสะอาดของแฟนเธอแล้ว เธออยากมีอะไรกับภัคอีกครั้ง และอาจเป็นหนสุดท้ายก่อนจะเลิกรากันไป
"เฟิร์นขอถามอะไรพี่ภัคหน่อย"
"ค่ะ" ภัคตอบ "เฟิร์นอยากถามอะไร ภัคจะตอบความเป็นจริงทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม"
"ตอนพี่ภัคมีอะไรกับแฟนชาย แฟนพี่ภัคป้องกันไหม" เธอพยายามถามแบบอ้อมๆ
"ป้องกันคะ เขาใส่ถุง และภัคขอให้เขาตรวจเลือดมาแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นอะไร" ภัคบอกตามความเป็นจริง
"ถ้างั้นเฟิร์นขอกอดเป็นหนสุดท้ายได้ไหมคะ"
ภัคเอื้อมมือจูงเฟิร์นเข้าไปในห้องแล้วล็อคห้อง ก่อนโอบกอดเธออย่างแนบแน่น ความรู้สึกของเฟิร์นยังไม่อาจตัดขาดภัคได้ในวันนี้และเดี๋ยวนี้ เธอมองหน้าภัคอีกครั้งแล้วจูบริมฝีปากเบาๆ
"เฟิร์นขอคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายได้ไหม อยู่กับเฟิร์นนะ" ความปรารถนาของเธอสั่งหัวใจให้เธอร้องขอภัคในสิ่งนั้น
"เฟิร์นแน่ใจนะ" ภัคถาม เมื่อเฟิร์นพยักหน้า เธอจูบตอบ และถอดเสื้อของตัวเองออกหมด ปล่อยให้เฟิร์นรุกเร้าอย่างอิสระ และมันไปจบลงบนเตียงนอนอันแสนนุ่มนวล ทั้งสองคนเปล้องผ้าหมดทุกสัดส่วน และปลดปล่อยความรักให้แก่กันอย่างเปี่ยมล้น นี่อาจเป็นคืนแห่งความสุขที่เคล้าคลอด้วยความเศร้าไปพร้อมกัน เมื่อถึงจุดสุดยอดปลายทางด้วยกัน เป็นคืนแรกที่ทั้งสองคนร่วมกันเพียงหนเดียว ต่างจากเดิมซึ่งรุกและรับผลัดกันหลายครั้งหลายหน เฟิร์นใส่เสื้อผ้าแต่งตัวและเดินออกจากห้องโดยไม่มีคำกล่าวลาใดๆต่อกันอีก
...
ภัคกลับไประยอง และพยายามตัดใจไม่โทร.หา ระหว่างนี้เธอกับเอกกำลังหารือกันเกี่ยวกับพิธีและกำหนดงานแต่งงาน คาดว่าคงเป็นช่วงอีกราวครึ่งปีข้างหน้า เมื่อทุกอย่างพร้อมและลงตัวในที่สุด
แต่ระหว่างนี้ ใจภัคเหมือนยิ่งคิดถึงเฟิร์นหนักขึ้นกว่าเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเปิดเผยความจริงล่าสุด ทำให้ทั้งคู่ไม่กล้าจะโทรศัพท์หรือไลน์เอ่ยปากพูดก่อน เพราะกลัวความรู้สึกอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไป
วันพฤหัสในสัปดาห์ต่อมา ภัคไม่ได้ตัดสินใจจขับรถไปกรุงเทพอีก แต่ความเคยชินและความคิดถึงเฟิร์นอย่างมากจนเหมือนขาดอะไรอย่างหนึ่งไปในชีวิต ทำให้ภัครวบรวมความกล้า โทรศัพท์ไป ใจหนึ่งก็ตื่นเต้นไปด้วย ไม่รู้จะได้รับคำตอบอย่างไร
"สวัสดีค่ะ พี่ภัค" เฟิร์นรับสายอย่างรวดเร็วไม่ทันถึงสองกริ๊ง
"สวัสดีจะ เฟิร์น เตงสบายดีไหม" ภัคถามหยั่งเชิงก่อน
"เรื่อยๆ ไม่ได้คุยกับพี่ภัคแล้วเหงาๆอย่างบอกไม่ถูก" เฟิร์นยังรู้สึกห่วงหาอาวรภัคอยู่มาก "เตงจะมาหาเค้าไหมวันนี้ ถ้าเตงอยู่กับแฟนไม่เป็นไรนะ"
"เค้าคิดถึงเฟิร์นมากนะ เตงไม่โกรธเค้าหรอที่เค้าทำกับเตงแบบนี้" ภัคบอก
"ไม่รู้อ่ะ เค้ารักเตงนะ เค้าไม่สนหรอกเตงจะเป็นไบหรือเปล่า เคา้เคยเจ็บหนักกว่านี้ แฟนเลสเก่าคนหนึ่ง ไม่เคยพูดความจริงกับเฟิร์นเลย ตอนเลิกก็หายไปเฉยๆ"
"สำคัญคือพี่ภัคยังรักเฟิร์นอยู่หรือเปล่า"
"รักสิถามได้ ถ้าเตงยอมรับสถานะเค้าได้ ภัคแต่งเพราะที่บ้านต้องการให้มีครอบครัว และเอกเค้าก็ดูแลดี แต่ถ้าเรื่องแบบนั้น เค้ารู้สึกกับผู้หญิงด้วยกันมากกว่านะ"
"สัญญาได้ไหมว่า ต่อให้พี่ภัคแต่งงานแล้วก็จะรักเฟิร์นอยู่" เฟิร์นพูดความรู้สึกตัวเองออกมาและอยากถามแฟนสาวด้วยใจ
"สัญญาสิที่รัก วันนี้อยากกินอะไรใหม่ เดี๋ยวซื้อไปฝาก" ภัคตอบ
"เตงซื้ออะไรมาเค้ากินได้หมดแหละ เฟิร์นจะรอนะ"
เรื่องเฟิร์นกับภัค ยังคงดำเนินต่อไป และมีคู่เลสไม่น้อยที่เป็นแบบเธอทั้งสองคน อีกฝั่งมีแฟนชาย และมีความสัมพันธ์กับเลสไปด้วย หากอีกฝ่ายยอมรับได้ในความเป็นเลสไบของเธอ ก็ไม่มีอะไรปิดกั้นความรักและความสัมพันธ์ของคู่เลสได้อีกต่อไป แม้ว่ามันเป็นความลับที่มิอาจให้ใครรู้ได้
ทุกวันนี้ภัคยังคงไปมาหาสู่เฟิร์นเสมอ แม้ว่าผ่านพ้นพิธีวิวาอาห์กับเอกไปหลายเดือนแล้วก็ตาม...
แล้วเราก็ลงเอย
เรื่องราวโลกของเลส มีอะไรอีกมากมายที่ฉันอยากเล่า มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในความเป็นของความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง มีหลากหลายรูปแบบ ฉันได้เรียนรู้กับการคุยกันกับเพื่อนในโลกโซเชียล รวมถึงประสบการณ์ส่วนตัว จนทำให้ฉันรู้จักเลสมากขึ้น มีทั้งหวังดี จริงใจ หรือกระทั่งโลกสวย หลอกลวง สารพัด
แน่นอน เมื่อคุณอ่านมาจนถึงจุดนี้ฉันได้เล่าเรื่องราวของเพื่อนไปหลายคน รวมถึงความรักของฉันกับพี่อรที่คุณคงสงสัยว่า ฉันกับพี่อรเมืือไหร่จะรักกันมีอะไรกันสักที
ความสัมพันธ์ของเราสนิทขึ้นกว่าเดิม มากกว่าคำว่าพี่น้องเหมือนสมัยก่อน มันขึ้นภายหลังพี่อรเลิกกับพี่เมศร์ได้ราวสองสามเดือน ช่วงนี้ลูกค้ามาจีบพี่อรเยอะเหมือนกัน แต่พี่อรยังเข็ดกับความรักครั้งเก่า ในเฟซก็มีเลสและทอมมาจีบพี่อรในเฟซมากมายจนเป็นเรื่องปกติ แต่พี่อรไม่ตกลงปลงใจกับใครอยู่ดี บางทีพี่อรกำลังช่างใจระหว่างความรักหญิงกับชายหรือหญิงกับหญิงว่า ท้ายสุดพี่อรจะเลือกอยู่ฝั่งไหนต่อจากนี้
ฉันไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าที่มองว่าพี่อรมีใจให้ฉันแบบคนรักมากขึ้น จากที่พี่อรค่อนข้างห้าวๆเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อน เมื่อกลับถึงห้องพี่อรค่อนข้างอ่อนโยน และเอาใจฉันเป็นพิเศษ ทั้งหาขนมให้ทาน ไปส่งฉันเวลาไปทำธุระข้างนอก เทคแคร์ฉันเป็นพิเศษเวลาทำงาน บางทีก็ช่วยซับหน้าให้ หาน้ำให้ดืม บางทีพีเขาไปเดินช็อปปิ้งกับเพื่อน แล้วก็หาของเล็กๆติดไม้ติดมือมาฝากด้วยตลอด แล้วชอบเลี้ยงข้าวบ่อยๆจนฉันเกรงใจต้องบอกว่า ขอแชร์กันไม่อย่างนั้นจะไม่ทานด้วย พี่อรถึงยอม
สายตาที่อรมองฉันดูแปลกไป เหมือนคนที่จีบกันแล้วทำตาเยิ้มใส่ ในเวลาเดียวกันมักยิ้มให้ฉันแบบน่ารักด้วย ไม่รวมเวลาอยู่ในผับมักชอบแกล้งหอมบ่อยๆจนที่ฉันเขิน กลายเป็นชินไปเสียแล้ว เรื่องยืนกอดคอ โอบเอวเต้นกันจนหน้าอกชนกัน เป็นเรื่องปกติจนหนุ่มๆต้องมองตาค้างเป็นแถว
ฉันเองยังไม่กล้าปักใจเสียทีเดียวว่าพี่อรจะรักฉันแบบเลส เพราะฉันเคยบอกรักไปแล้วสองหน และพี่อรยังขอเป็นเพียงพี่น้องในเวลานั้น (แม้ว่าเราเคยจูบกัน 2 หนแล้วก็เถอะ!)
มีอยู่หนที่เราไปเดินช็อปปิ้ง เดินเที่ยวเล่นกัน พี่อรจับมือฉันตลอดเวลา ทั้งช่วงเดินดูของ รวมไปถึงดูหนัง ในโรงภาพยนตร์พี่อรเอื้อมมาจับกุมมือฉันเบาๆ ฉันเองหงายมือขึ้นและกุมมือตอบรับ เราทั้งสองไม่ได้หันหน้ามองกัน แต่ก็เป็นสัญญาณในๆว่า ใจของเราเริ่มสื่อถึงกันแล้ว
และแล้วก็มาถึงวันเกิดของพี่อร พี่เขาสวยมาก สดใส เราดื่มด่ำฉลองกันในหมู่เพื่อนฝูงกันอย่างสนุกทั้งที่ร้าน และต่อกันในผับอีกแห่ง พี่วิวเองก็อยู่ด้วย ในเวลานั้น ฉันกับพี่กับพี่วิวเริ่มกลับมาคุยกันบ้าง เมื่อพี่วิวสะกิดถามฉันว่า "นากับอรเป็นแฟนกันแล้วหรอ"
"ยังคะ" ฉันตอบไปแบบห้วนๆไม่ยิ้มใดๆ บางทีฉันควรลืมความเจ็บครั้งแก่กับพี่วิวไปได้แล้ว ซึ่งหนนั้นเราทั้งสองคนคบกันอาจเป็นความปรารถนาเรื่องเซ็กซ์มากกว่าอย่างอื่น ซึ่งเราก็รู้กันแก่ใจ เพียงแต่ไม่กล้าเปิดใจกันในภายหลังอีกเลย
"เอาใจช่วยนะ" พี่วิวบอก แต่เราก็ทักกันแค่นั้น พี่วิวเองก็พาแฟนสาวมาด้วย น่ารักไม่เบาทีเดียว แต่ก็ยังสวยน้อยกว่าพี่วิวกับพี่อรมาก
ค่ำคืนนี้เหมือนพี่อรเป็นอิสระจากพันธะ และความรู้สึกใดๆกับแฟนเก่าทั้งปวง บางช่วงที่เพื่อนๆกำลังสนุกนานเต้นกัน พี่อรนั่งติดกับฉันคุยกันตามปกติ ไม่ได้โอบกอดใดๆ เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนฝูง พี่อรไม่อยากทำเช่นนั้นให้คนอื่นมองเราว่าเป็นคู่เลส เพราะในสายตาผู้ชายมักมองว่าเลสมีแต่เซ็กซ์กันเท่านั้น แท้จริง ผู้หญิงกับผู้ชายคบกันก็มีเซ็กซ์กันมานนานเป็นร้อยชาติ แต่ผู้คนกลับไม่มองว่าเขาและเธอแค่มีเซ็กซ์กันบ้างล่ะ ความรักของผู้หญิงกับผู้หญิง ต่างกับหญิงและชายตรงไหนหรือ
"วันนี้พี่มีความสุขมากจริงๆนา" พี่อรชวนคุยและยิ้มอย่างรื่นย์อารมณ์ "พี่เองก็เคยรักผู้หญิงนะ แม้ว่าตอนนั้นพี่เป็นดี้ก็ตาม"
ฉันนั่งฟังอย่างตั้งใจโดยไม่พูดขัดแม้แต่นิดเดียว
"ถ้าพี่เป็นเลส และเจอนาก่อน พี่คงไม่ไปคบเมศร์หรอก แต่เรื่องแบบนี้ใครจะรู้อนาคตได้ พี่เองเคยเจ็บเพราะความรัก และก็เคยทำให้คนอื่นเจ็บเหมือนกัน แล้วพี่ก็ไม่อยากให้อภัยตัวเองเลยที่ทำแบบนั้น"
พี่อรนิ่งเหมือนคิดอะไรสักพัก "ถ้าพี่อรไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะคะ"
"เล่าได้" พี่อรเริ่มพูดต่อ "เรื่องมันนานแล้ว ตอนพี่คบแฟนทอม พี่ทำเขาเจ็บมาก เพราะตอนหลังๆพี่แอบคบชายไปด้วย จนกระทั่งเรื่องแตก ทำให้แฟนพี่เสียใจมาก นั่นเป็นสาเหตุที่พี่ไม่คิดจะคบใครซ้ำซ้อนอีก ไม่ว่าทอมหรือชายก็ตาม"
"ถ้าพี่เป็นเลสและเจอนาก่อนเมศร์ พี่คบนาไปแล้ว" คำบอกของพี่อรทำให้ฉันอึ้งฉับพลัน "พอพี่อยู่กับนาตั้งแต่หอพักที่มหาวิยทาลัยจนถึงคอนโดที่เราอยู่ด้วยกันในปัจจุบัน ทำให้พี้รู้ว่า ความรักของผู้หญิงกับผู้หญิงก็ไม่ต่างอะไรกับชายกับหญิงหรือทอมกับดี้ แน่นอนว่า ท้ายสุดคนเป็นแฟนกันย่อมมีอะไรกัน แต่เพราะนั่นความรักนำพาเราไปสู่จุดนั้น อันเป็นการถ่ายทอดความรัก และสื่อสัมพันธ์ให้แก่กัน"
"นาเคยถามพี่ว่า เมื่อใดพี่เป็นโสด จะคบนาเป็นแฟนได้ไหมใช่ไหม"
ฉันไม่ได้ตอบ แต่ส่งสายตาให้รู้ว่ายังจำประโยคนั้นได้
"ถ้าพี่ขอโอกาสจากนา ให้พี่รักแบบที่ผู้หญิงรักกัน นาจะให้พี่ได้ไหม" ฉันรู้ว่าพี่อรไม่ได้พูดด้วยความเมา แต่มาจากใจล้วนๆ ไม่เหมือนตอนที่พี่อรกลับต่างจากจังหวัดและเชื้อชวนให้ฉันร่วมรักกับพี่เขา
ความรู้สึกในใจฉันปลื้มและเหมือนตัวลอยๆ จนทำอะไรไม่ถูก น้ำตาเหมือนเอ่อที่ขอบตาเล็กๆ แต่ฉันพยายกลั้นไว้ ฉันไม่ได้ตอบเป็นคำพูดออกไป แต่ค่อยๆเอื้อมมือใต้โต๊ะไปจับมือของพี่อรและกุมไว้แน่น และสิ่งยิ้มให้อันเป็นคำตอบจากใจ พี่อรยิ้มตอบและยกแก้วเหล้าขึ้นชนดื่มพร้อมกับฉัน
มันเป็นค่ำคืนที่ฉันมีความสุขอย่างมาก เวลานั้นสาบานได้ว่า ไม่ได้คิดเรื่องเซ็กซ์หรือทำอะไรต่อมิอะไรกับพี่อรเลย ทว่าเมื่อความรักพร้อม สองใจตรงกัน มันจะส่งสัญญาณบอกเราเองว่า ทั้งสองคนต้องการมันเมื่อใด
.....
ค่ำคืนในห้องมืดสลัวของคอนโดมิเนียมที่เราอยู่กันมาหลายปีในฐานะพี่น้อง กำลังทำให้สถานะของเราเปลี่ยนไป เมื่อกลับถึงห้อง เราสองคนตรงเข้ากอดกัน และจูบกันโดยเอ่ยปากนัดหมายกันมาก่อน หัวใจของเรา ความรู้สึก และธรรมชาติเรียกร้องให้เราโอบกอดกันอย่างแนบแน่น ฉันน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อยจนพี่อรเอามือมาปัดเบาๆ และเอื้อนถาม "ร้องไห้ทำไมล่ะคะที่รัก"
"นาดีใจและมีความสุขมาก ไม่คิดมามีวันนี้ได้ นาไม่เคยคิดว่าพี่อรจะเป็นเลสได้ และรักนาได้"
"พี่รักนามาานแล้วล่ะจะบอกให้" พี่อรยิ้มและส่งสายตาหยาดเยิ้ม จนทำให้ฉันเคลิ้มตาม เป็นคำพูดที่ทำให้ฉันเปี่ยมสุขเหลือเกิน
ในฐานะเลส ฉันไม่เคยรุกเร้าให้คู่นอนมาก่อน พี่อรเองแม้เคยเป็นดี้ ซึ่งที่ฉันเคยทราบมาดี้ส่วนใหญ่ก็รับเท่านั้น ยามราตรีนี้ เรากำลังเรียนรู้สิ่งใหม่และถ่ายทอดให้กันและกัน มันยาวนานเหลือเกินที่เราหลั่งความารักและถ่ายทอดให้แก่กันตลอดทั่วเรือนร่าง และทุกอนูของหัวใจ ตราบจนเกือบรุ่งเช้าที่เรามีความสุขกันแบบไม่เคยมีมาก่อน
...
ตอนสายของวันรุ่งขึ้น ภายหลังเราอาบน้ำอาบน้ำอะไรกันแล้ว เราก็ไม่กล้ามองหน้ากันเต็มๆนัก เหมือนยังเขินๆกับเรื่่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของเราที่เรียกร้อง พี่อรทำอาหารเช้า โอวัลติน และขนมปังปิ้ง กับไส้กรอกให้นาทาน พี่อรใส่เสื้อเชิ้ตบางๆ คลุมถึงเอว ใส่กางเกงขาสั้น ฉันว่าเป็นชุดอยู่บ้านที่เซ็กซี่ดีเหลือเกิน
ฉันกนเสร็จ นั่งดื่มน้ำไป และมองหน้าพี่อรตรงๆ พี่อรได้แต่ยิ้มขวยเขิน จนฉันแกล้งกระแอมแซว
"เป็นอะไรอะพี่อร ทำไมไม่มองหน้านาล่ะ" นายิ้มและเล่นหูเล่นตาใส่ พี่อรขยับหน้ามาเล็กน้อย แล้วยิ้มแบบอายๆ โดยไม่กล้ามองหน้าตรงๆอยู่ดี
ฉันแกล้งเดินไปด้านหลังพี่อร แล้วโอบเอวจากข้างหลัง พอพี่อรหันมาฉันก็หอมเข้าที่แก้มเต็มๆ
"ที่รัก นารักพี่อรนะ" คือสิ่งที่ออกมาใจฉันและบอกกระซิบยังข้างหูแฟนสาวของฉัน
"จ้ะ" พี่อรพูดสั้นๆ แล้วก็หันมาจูบริมฝีปากเบาๆ
เป็นเช้าที่เราสองคนคุยกันน้อยมาก อาจเพราะความเขินจากการที่เราเพิ่งมีความสัมพันธ์ทั้งกายและใจในแบบแฟน พอเราล้างถ้วยล้างจานเสร็จก็มานั่งดูโทรทัศน์กันที่โซฟา นาเลยถามสิ่งที่ตนเองอยากรู้ต่อ
"เมื่อวานพี่อรบอกว่า รักนามานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตอนไหน แล้วทำไมพี่อรไม่บอกนาเลยละ"
"พี่สับสนมาตลอดนะตอนนามาอยู่ด้วย เวลาอยู่ด้วยกันมีความสุข บางทีใจมันก็หวิวๆ" พี่อรเผย "แต่เพราะพี่มีแฟนชายอยู่ เลยไม่แน่ใจว่า สิ่งที่พี่รู้สึกกับนา มันมากกว่าความเป็นพี่น้องหรือเปล่า และอีกอย่างถ้าเราเป็นแฟนกันในตอนนั้น พี่รู้สึกว่าผิดกับนานะ เหมือนเอาเปรียบนาเพราะพี่ก็ยังคบเมศร์อยู่"
"เรื่องแค่นี้เอง" ฉันยิ้มให้ "นาไม่สนหรอกว่าพี่อรมีแฟนชายอยู่หรือเปล่า ถ้าพี่อรบอกรักนา นาก็ยอมเป็นของพี่อรอยู่แล้ว ไม่ว่าพี่อรมีแฟนอยู่หรือไม่ก็ตาม"
"พี่ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บนะ ถ้าพี่มีนาเป็นแฟนด้วย ม้นเหมือนพี่เอาเปรียบนา และนาอาจเจ็บ แล้วมันก็เหมือนไม่ซื่อกับเมศร์ แล้ว..."
พี่อรหยุดนิ่งไปเฮือกใหญ่ ก่อนเล่าต่อ "ไม่รู้ว่านาจะมองพี่แย่หรือเปล่านะ ตอนที่พี่คบแฟนทอม พี่เองแอบมีกิีกทอมอีกคนด้วยและมีอะไรกัน"
เรื่องที่พี่อรเล่า คล้ายๆกับรุ่นน้องรูมเมทเพื่อนฉันที่เคียเป็นทอมมาก่อน แล้วจับได้ว่าแฟนดี้ของเธอแอบมีแฟนชาย จนกระทั่งเธอหันมาเป็นดี้ และกลายเป็นเลสในที่สุด
"เรื่องมันผ่านไปนานแล้วพี่ ไม่ใช่พี่อรคนเดียวหรอกที่ต้องพานพบประสบการณ์แบบนั้น"
"ก็จริง" พี่อรพูด "แต่พี่ก็ทำให้ แม็ก แฟนทอมคนแรกเสียใจมากนัก ตอนจับได้ว่าพี่คบทอมอีกคน เขาหนีออกจากหอไปเลย แล้วพี่ง้ออย่างไรก็ไม่ยอมกลับมา เขากลับไปบ้านต่างจังหวัดแล้วไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย พี่เองก็พยายามโทร.ไปที่บ้าน เขาก็ไม่ยอมรับสาย พี่ก็พยายามหาทางติดต่อกันโดยตลอดนะ อยากชดเชยความผิด ตอนที่พี่เลิกกับเมศร์ใหม่ๆ พี่ก็ลองโทร.หาพี่ชายแฟนเก่า เขาก็บอกว่าแม็กมีแฟนใหม่แล้ว พี่ก็โล่งใจ อย่างน้อยก็รู้ว่าแม็กไม่ได้ทำอะไรบ้าๆไป เลยทำให้พี่รู้สึกเป็นอิสระเสียที"
ความรู้สึกของพี่อร ทำให้ฉันเข้าใจถ่องแท้ว่า หากพี่อรจะคบฉันจริง ก็้คงคบแบบมีแฟนคนเดียว ไม่อยากทำให้ฉันเหมือนเป็นน้ำใต้ศอกของใคร
"อยู่กับนา พี่มีความสุขมากนะ จำได้ไหม หนแรกที่นาเมาแล้วขอให้พี่จูบ ถ้าพี่ไม่รักนา พี่ไม่จูบหรอกย่ะ" พี่อรทำจมูกย่นๆใส่แล้วหอมฉัน ทำให้ฉันดีใจมากๆจนน้ำตาซึม
"รักตั้งนานแล้วไม่ยอมบอก แบบนี้ต้องทำโทษ" ฉันแกล้งพูดแหย่
"นาจะทำโทษอย่างไร พี่ยอมทั้งนั้นแหละ พี่เป็นของนาแล้วนี่นา" พี่อรยิ้มหวาน และส่งสายตาเยิ้มใส่ ฉันเอามือช้อนคางพี่อรให้หันหน้ามา แล้วบรรจบประทับริมฝีปากที่ปากพี่อรอย่างนุ่มนวล และค่อยๆดูดดืมกันอย่างยาวนาน ฉันเคยเป็นเลสควีนส์มาก่อน แต่ความปรารถนาที่เหลือล้น ทำให้ควีนส์ก็กลายเป็นทูได้อย่างรู้ตัว บทเรียนจากเมื่อคืนที่เราเก้ๆกังๆ ทำกันไม่ค่อยเป็น แต่ไม่เช้าเราก็ได้เรียนรู้มากขึ้้น รู้จังหวะจากโคนกันมากกว่าเดิม เราผลัดกันรุกและรับตัวเราเหมือนล่องลอยไปมาบนโซฟาใหญ่ตัวนั้น
หากถามว่าเลส มีคำว่าเซ็กซ์เป็นส่วนประกอบสำคัญไหม ฉันตอบว่า "ใช่" แต่ไม่ใช่ทั้งหมด สำหรับฉันกับพี่อร เรารักกันมานานเหลือเกิน และเราค่อยๆเติมรสชาติเรื่องนั้นไว้ทีหลัง แล้วเราสองคนรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน...
วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เลสแท้สำคัญไฉน
ท่ามกลางโลกโซเชียล และสังคมเลสที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเปิดตัวเองมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีคำถามว่า "เลสแท้" จะมีจริงๆหรือเปล่า
ฉันไม่รู้ว่าใครจะมีแนวคิดเหมือนตนเองไหม "เลสแท้" ในมุมมองบางคนอาจเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เกิดมาเพื่อเป็นเลสโดยเฉพาะ ไม่เคยคบแฟนชาย เกิดมาเพื่อรักผู้หญิงด้วยกันโดยเฉพาะ มีความสัมพันธ์ด้านเพศกับผู้หญิงเท่านั้น บางทีอาจเป็นกับทอมหรือกับดี้มาก่อน ก็อาจเป็นเลสนแท้ในเวลาต่อมาได้ และบางทีเธออาจยังไม่รู้ตัวว่าเป็นเลสมานานแล้ว
เลสแท้ มันจะไปได้หรือไม่?
มีความเป็นไปได้สิ แต่โอกาสนั้นน้อยมากเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่อายุ 23-30 ปี เท่าที่ฉันรู้จักเพื่อนเลสในเฟซบุค ไลน์ หรือในสังคมเพื่อนเรียน มหาวิทยาลัยและทำงาน โอกาสที่มีเลสแท้แบบไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายนั้นน้อยมาก
หลายคนอาจบอกว่า เธอคือเลสแท้ แต่เมื่อฉันได้คุยกับเพื่อนเลสอย่างลึกซึ้งแล้ว บางคนค่อยๆกล้าเปิดใจในภายหลังว่า เคยมีอะไรกับแฟนชายมาก่อน หรือบางคนเคยเป็นดี้ และทอมมาก่อน
ในยุค 5-6 ปีก่อน เลสยังไม่กล้าเปิดตัวมากนัก ทำให้หลายคนพยายามปรับตัวเองให้เป็นทอม หรือดี้ เพื่อคบหากับสาวที่ตนชอบ จนเมื่อโลกโซเชียลแพร่ขยาย ผู้หญิงเริ่มกล้าเปิดใจกัน มีการนัดพบปะ หรือพูดคุยกันทั้งยุคก่อนที่มีเอ็มเอสเอ็น จนกระทั่งถึงมี เฟซ ไลน์ และแชตอื่นๆ สังคมชาวเลสขยายตัวขึ้นจนขนาดมีผับจัดวันสำหรับชาวเลส ทอมดี้ เรียกว่าหญิงล้วนๆเที่ยวโดยเฉพาะ และนั่นทำให้ความรู้สึกของเลสกล้าเปิดตัวและเปิดใจมากขึ้นไปอีก จนกล้าจะคบกันแบบเปิดเผย กล้าจูงมือ กล้าคบหา กล้าใช้ชีวิตด้วยกันแบบแฟน คนรัก มากกว่าเดิม
"มิ้ง" ผู้หญิงวัย 26 หน้าตาคม จัดว่าสวยทีเดียว เธอเคยเป็นดาวในระดับคณะของมหาวิทยาลัย ช่วงแรกเธอยังไม่ค้นพบเลส และโลกไม่ได้เปิดกว้างมากนัก ทำให้มิ้งไว้ผมสั้นคล้ายทอม แต่งตัวห้าวเล็กๆ ความเป็นคนหน้าตาดี เลยทำให้คล้ายๆทอมหล่อ มิ้งมีความสัมพันธ์กับสาวหลายคนที่พร้อมมีอะไรกับเธอ จนกระทั่งได้พบผู้หญิงคนหนึ่ง และใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในฐานะคู่รัก ทำให้มิ้งคนพบตัวเองว่าเธอคือเลสเบียนมิใช่ทอม และแฟนของเธอที่เคยเป็นดี้ก็ยอมรับในสถานะเดียวกัน
ทั้งคู่คบกันยาวนานถึง 5-6 ปี จากเรียนกระทั่งถึงไว้ทำงาน แฟนของมิ้งจริงๆแล้วเป็นรุ่นพี่มิ้งสองปี เมื่อเข้าสู่โลกการทำงาน กระแสโซเชียลเน็ทเวิร์คเริ่มแพร่หลาย เลสเริ่มเปิดตัวกันมากขึ้น บางคนคบหาแบบไม่ผูกมัดแค่มีอะไรแล้วจบไม่มีคำว่ารักเกี่ยวข้อง หลายคู่จีบจนรักกันคบกันหลายปี แต่หลายคู่ที่เคยเป็นแฟนในแบบคู่เลสกันมาก่อน ความสัมพันธ์ก็ต้องจบลงเพราะโลกโซเขียลเหมือนกัน
ว่ากันว่า โลกของเลส มักไม่ยืนยาว แต่ละคู่คบกันไม่กี่ปี เมื่อถึงจุดอิ่มตัว แต่ละคนมักปรารถนาความรักครั้งใหม่ ต้องการรสชาติกลิ่นอายในความรักและเซ็กซ์กับคนใหม่ แต่บางครั้งโลกออนไลน์ก็ทำให้ความรักของคู่เลสจบเร็วยิ่งขึ้น และบางทีเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันเหมือนเช่นเรื่องราวของเธอ
ความรักของรุ่นพี่ค่อยๆเจือจางลง เพราะ "ไนท์" เริ่มคบหาคนใหม่ในวัยทำงานด้วยกัน จากการพูดคุยผ่านทางเฟซ กระทั่งในที่สุดไนท์กับผู้หญิงคนใหม่มีอะไรกัน แน่นอนว่า ความผูกพันกับมิ้งย่อมเบาบางลดน้อยลงไป ช่วงแรกไนท์ยังคงคบทัังแฟนใหม่ และมิ้ง เรียกว่ามีอะไรกับผู้หญิงทั้งสองคนแบบสับราง จนกระทั่งระยะหลังมิ้งรู้อะไรบางอย่าง จนทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันและต้องเลิกรากันในที่สุด
การเลิกราบ่อยครั้งเกิดขึ้นด้วยการทะเลาะเบาะแบ้ง ถกเถียงและลงไม้ลงมือ ด่าทอผรุสวาทใส่กัน กรณีของมิ้งก็เช่นกัน แม้ว่าไม่ได้ถึงขึ้นออกไม้ออกมือแต่ก็เถียงกันหนักพอสมควร ก่อนต้องจบความสัมพันธ์กัน ทั้งคู่อยู่ห้องเดียวกันอีกหลายเดือนโดยมิได้ปริปากคุยกันอีกเลย แต่จำใจต้องอยู่เพราะการเช่าห้องใหม่ต้องใช้เงินพอสมควร แล้วในที่สุด เมื่อถึงเวลาทั้งคู่ก็ต้องแยกย้ายกันไป โดยมิได้คุยกันอีกเลย การเลิกราแบบนี้เจ็บปวดยิ่งนัก มากกว่าการยุติความสัมพันธ์แบบคนรักด้วยการพูดจากกันด้วยดี บางครั้งต่างฝ่ายก็อาจเห็นพ้องตรงกันถึงความคิดอะไรหลายๆอย่าง การใช้ชีวิตห่างเกินกันจนตกลงแยกทางกันไปเพื่อคนพบชีวิตของตนเอง
ความปราถนาหนใหม่ของมิ้ง ที่ต้องการคบหาเพียงเฉพาะเลสยังคงดำเนินต่อไป เธอรู้แล้วว่า ความรู้สึกของเธอไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักหรือการร่วมรักแบบผู้หญิงกับผู้หญิงของเธอ เป็นไปแบบเลสโดยเนื้อแท้ มิใช่แบบทอมดี้แต่ประการใด เธอไม่จำเป็นต้องไว้ผมสั้นอีกต่อไป มิ้งเข้าร้านเสริมสวย แต่งหน้าตาเป็นผู้หญิงเต็มตัว เสริมจมูกเล็กน้อยให้หน้าดูคมขึ้น ย้อมสีผมเล็กน้อยให้ดูโฉบเฉี่ยว กระทั่งแต่งตัวเป็นผู้หญิงเต็มรูปแบบต้้งแต่หัวจรดเท้า และเสื้อผ้าทุกอย่างเป็นแบบผู้หญิงทั้งหมด
ในเฟซบุคของมิ้งเปิดตัวเป็นเลสอย่างเต็มที่ จนเพื่อนที่ทำงานก็ทราบกัน รวมถึงพี่น้องในครอบครัว เธอทำเฟซโดยระบุ "สนใจเฉพาะผู้หญิง" นั่นคือสิ่งปกติที่เลสระบุข้อมูลในเฟซ มิ้งลงรูปตอนเธอคบแฟนเก่าหลายคน มีทั้งรูปหอม กอดคอกัน จุมพิตกัน เรียกว่าต้องการให้โลกหรือคนที่เข้ามาส่องเฟซของเธอรู้ว่าเธอเป็นเลสเต็มตัว ไม่ต้องมีคำถามใดๆอีกให้เสียเวลา
ความสวยของมิ้งทำให้มีผู้หญิงเข้าไปคุยกันมากมาย แน่นอนว่า เกือบทุกคนที่มาคุยหลงใหลในความสวยของเธอ พยายามจีบเธอ มิ้งนัดตอบรับทานข้าวกับเลสหลายคน มีความสัมพันธ์ภายนอกบ้าง เช่นหอมข้าง จูบหรือทำภายนอกกันบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นมีเซ็กซ์แบบแนบเนื้อกัน กระทั่งมิ้งได้พบสาวน่ารักคนหนึ่งเป็นคนทำงานในวัยใกล้เคียงกันผ่านทางสังคมออนไลน์
แฟนคนใหม่ที่มิ้งตั้งใจคบยาวนานชื่อ "เปิ้ล" เธอไม่สวยเท่ามิ้ง แต่หุ่นดีและน่ารักพอประมาณ สูงใกล้เคียงกันชอบอะไรเหมือนๆกัน เวลาไปเที่ยวร้านอาหาร ผับดิสโก้เธค ก็จะแต่งตัวคล้ายๆกัน นัดกันใส่ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์บ้าง กระโปรงสั้นรัดรูปบ้าง ทำอะไรคล้ายๆกันหลายอย่าง
มิ้งเชื่อว่าเปิ้ลคือความรักครั้งใหม่อย่างแท้จริง จึงค่อยๆลงรูปที่ถ่ายด้วยกันเวลาไปสถานที่ต่างๆ รวมถึงภาพตอนจูบกันกอดกันในห้องนอนเธอเพื่อเป็นการเปิดตัวแฟนใหม่ ความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนนัดเจอกันหนแรก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเลส เมื่อโทร.คุยกันสักพักราวสามสี่อาทิตย์หรือบางครั้งแค่ 1-2 สัปดาห์ก็นัดกันกินข้าวเที่ยว อาจมีอะไรในเวลาต่อมาหลังจากนั้นสักสัปดาห์ หรือบางทีอาจในหนแรกที่เจอกันก็เป็นได้
ข้อความโพสต์บนเฟซบุคของมิ้งรวมถึงอินสตราแกมทั้งหลายของเธอกับเปิ้ล บ่งบอกถึงความรักหวานชื่นด้วยดีตลอดเสมอมา แน่นอนว่า ข้อความในกล่อง inbox ของแต่ละคน ก็มักมีเลสมาจีบมากมายไม้เว้นแต่ละวัน แต่ทั้งสองคนยังไว้ใจกันและกันมาตลอด
มิ้งไม่ได้ใส่ใจว่า เปิ้ลจะเคยคบแฟนชายมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหรือไม่ ความหมายในคำว่า "เลส" ของแท้ จะเป็นเลสแท้ รักแต่ผู้หยิงมีอะไรแต่กับผู้หญิงอย่างเดียวมาตลอดหรือไม่ มิใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญคือ ปัจจุบันที่คบกันต่างหาก แล้วเธอตระหนักได้เช่นกันว่า เลสน้อยคนนักไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน
เปิ้ลเองเคยมีแฟนชายมาก่อน แต่มิ้งมิได้รังเกียจ สำคัญที่ปัจจุบันคบเธอคนเดียวเป็นพอ
มีเลสมากมายไม่ปฏิเสธ หากอีกฝ่ายเคยคบชาย หรือเคยเป็นไบมาก่อน ทว่า ณ เวลาที่คบกับเธอ ขอเพียงกลับมาเป็นเลสส่วนจะเป็นทู ควีน คิง นั่นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
แต่ก็มีบ้างที่เลสบางคน ไม่อยากคบผู้หญิงที่เคยมีแฟนชาย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายยังคงเป็นไบอยู่
สาวมากมายเมื่อคิดชอบใครจีบใคร จึงมักไม่บอกว่าตนเองเคยมีแฟนชาย หรือเคยเป็นไบมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลสไบที่คบชายและหญิงในเวลาเดียวกัน เมื่อต้องการมีสัมพันธ์แบบใด ก็มักไม่บอกอีกฝ่ายถึงเรื่องราวส่วนตัว ต้องพูด "โสด" ไว้ก่อน หรือกระทั่ง "เลสแท้" เมื่อชอบพอคนใหม่ ต้องการมีความสัมพันธ์กับคนใหม่ก็มักบอกโสดเสมอ
เลสส่วนใหญ่มีแฟนกันแล้ว ไม่ว่าแท้ ทู หรือไบ แต่เมื่อจะไปคบคนใหม่ การบอกว่าโสดสนิทจึงเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายไม่บอกปัดการคบหา ฉะนั้น สภาวะคู่รักเลสมักเกิดการคบซ้อนบ่อยครั้งทีเดียว และมีอะไรกับผู้หญิงสองคนบ่อยเสียด้วย เพราะความเป็นผู้หญิงเหมือนกัน สัมผัสกันง่าย ถูกตัว หรือมีความรู้สึกด้านเพศกันง่ายนั่นเอง
มิ้งกับเปิ้ลเริ่มคบกันสักพัก กระทั่งมิ้งมั่นใจเลยโพสต์รูปคู่หวานแวววกับเธอ
"รักคนนี้ที่สุด"
"เช่นกันค่ะที่รัก" เปิ้ลโพสต์ตอบ
"อยากนอนข้างๆแบบนี้ไปตลอด" เปิ้ลโพสต์รูปเธอกับแฟนสาวอยู่บนเตียงใต้ผ่าห่มบ้าง
"ก็อยู่ด้วยกันตอนนี้ไง"
....
ทว่า ความที่มิ้งรักใครก็มักทุ่มเท และพร้อมมอบกายและใจให้ จึงไม่แปลกที่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งภายในระยะเวลาอันสั้น แล้วการคบกันนั้น ผ่านไปช่วงเวลา 6 เดือน มิ้งรู้สึกว่า เปิ้ลบ่ายเบี่ยงต
ลอดที่จะตกลงปลงใจมาอยู่ด้วยกัน จะมาห้องเธอก็เพียงช่วงสั้นๆแค่มีอะไรกันแล้วกลับบ้านของเธอตามปกติ
ใกล้คืนปีใหม่ มิ้งใช้รูปสีดำสนิทเป็นรูปโปรไฟลท์แสดงถึงความเศร้า พร้อมกับพรรณาถึงความรักที่ไม่สวมหวัง
31 ธันวาคม 2556 : "เจ็บที่ไม่ยอมจำ" พร้อมด้วยตัวตุ๊กตาสีหน้าอารมณ์ร้องไห้ นั่นคือสเตตัสตอนบ่ายโมง เปิ้ลเผยว่ามิ้งปฏิเสธไม่ยอมมาเที่ยวคืนปีใหม่ด้วยกัน เมื่อมิ้งคาดคั้นว่า เปิ้ลมีแฟนใหม่หรือมั่งเธอก็บ่ายเบี่ยงและยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าไม่มีแน่นอน
14 มกราคม 2557 : "คืนดีกัน" มิ้งโพสต์รูกเธอกับเปิ้ลอีกครั้งเกี่ยวนิ้วก้อยกัน แต่แล้วมันเป็นเพียงความสุขชั่วคราว เมื่อท้ายสุดมิ้งทราบว่า เปิ้ลมีคนอื่นไปแล้ว
เธออาจไม่รู้ว่า แท้จริงเปิ้ลคบทีเดียวถึง 2 คน เธอขอภาวนาให้เป็นอย่างหลังคือเพิ่งมีคนอื่น ภายหลังจากคบเธอไป
แต่ความเจ็บอยู่ได้ไม่นาน เพราะโลกออนไลน์ทำให้เธอพบรักครั้งใหม่ ซึ่งหนนี้ระยะสั้นกว่าเดิม เมื่อมีปัญหากันมิ้งพร้อมตัดใจเลิกได้ทันที ไม่ว่าอีกฝ่ายสวยเพียงใด หรือลีลารักเด็ดดวงเพียงใดก็ตาม
บางครั้งมิ้งก็ไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่า คนที่เธอคบนั้นเป็นเลสไบ เพียงแต่เธอแอบเก็บความลับนั้นเอาไว้ เช่นเดียวกับเลสไบคนอื่นๆ นั่นคือคนต่อมาที่สวยราวกับนางแบบ ชื่อ "ยา" ความสัมพันธ์ผ่านไปแค่ช่วงเดือนเดียว เมื่อยา สามารถทำให้เปิ้ลมีอะไรด้วยได้ แล้วเธอก็ได้หายไปจากชีวิตเปิ้ลอย่างรวดเร็ว
มิ้งรู้สึกเจ็บปวด และระมัดระวังการคบหากันมากขึ้นกว่าเดิม เธอลองใจอีกฝ่ายพร้อมรับได้หากอีกคนเป็นเลสไบ แต่เธอไม่แคร์หากคนที่ต้องการคบ เลิกกับชายหรือทอมอะไรไปเรียบร้อยแล้ว
กระทั่งเธอได้พบกับ "อ้อน" พริตตี้สาวสวย แน่นอน ความงามของอ้อน ทำให้มีเลสมาติดพันมากมาย และเธอเคยคบเลสไบด้วย ถึงขนาดบินไปถึงขอนแก่นทุกเดือนทีเดียว เพราะติดใจในรสชาติที่ "นิด" มอบให้ทุกรูปแบบ แม้ว่าระยะหลังเริ่มห่างกันไปและอ้อนคบหาพริตตี้ด้วยกันก็ตาม
หนนี้เป็งมิ้งที่เป็นฝ่ายเข้าหาเลสอีกคนก่อน
"สวัสดีค่ะ เค้าชื่อ มิ้งนะคะ เลสค่ะ" มิ้งทักข้อความไปในอินบ็อก
"อ้อนค่ะ ยินดีได้รู้จักค่ะ เลสเหมือนกันค่ะ" เธอตอบ และชวนคุย เพราะทราบเข้าไปดูข้อมูลและรูปของมิ้ง ทำให้เธอทราบว่า อีกฝ่ายเป็นเลสเหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตอบข้อความด้วยเธอจึงคุยต่อ "มิ้งเลสนะคะ ขอเป็นเพื่อนด้วยคนได้ไหมคะ"
"ได้สิคะ อ้อนก็เลสค่ะ"
"เตงสวยจุงเบย" อ้อนชวนคุย "เป็นนางแบบหรือคะ"
"ไม่ขนาดนั้นค่ะ แค่พริตตี้ รับงานอีเวนท์เฉยๆจ้ะ" อ้อน สาววัย 25 ตอบ "แล้วเตงทำงานอะไรคะ ถามได้ไหม"
มิ้งเองเข้าไปดูรูปอ้อนเช่นกัน ซึ่งมีแต่รูปกับผู้หญิงด้วยกัน เพื่อนบ้างแฟนบ้างและแต่ละคนสวยๆทั้งนั้น
"มิ้งทำงานเป็นกราฟฟิคดีไซน์คอมพิวเตอร์ แต่ก็รับงานถ่ายโฆษณาอะไรนิดหน่อยเอง"
"จ้า ก็อาชีพเดียวกันนั่นแหละค่ะ เตงก็สวยนะ" อ้อนบอก
"แต่ไม่สวยเท่าเตงหรอก" มิ้งยาหอมใส่
"บ้า เตงก็สวยนะ" อ้อนตอบ "แล้วเตงเลสไรคะ บอกได้ไหม"
"เค้าเลสทูจ้ะ" เตงล่ะคะ
"ทูเหมือนกันจ้ะ" อ้อนบอกอย่างตรงไปตรงมา "แล้วตัวมีแฟนหรือยังคะ ถ้ามีก็บอกนะคะ เค้าคุยได้หมด เป็นเพื่อนกันก็ได้"
"โสดสนิทจริงๆจ้ะ ไม่ได้โกหก ไม่เชื่อพิสูจน์ได้" มิ้งชวนคุยต่อ "แล้วเตงสวยๆแบบนี้แฟนเยอะแน่เลย"
"เค้าก็มีมาคุยบ้าง แต่ไม่ได้คบแบบขั้นแฟนนะ"
"ค่ะ" มิ้งตอบและ แอบยิ้มในใจเล็กๆ เพราะทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาบ้าง
การคุยดำเนินไปราวสองสัปดาห์ จนสนิทกันมากขึ้น ทำให้มิ้งเริ่มกล้าถามเรื่องส่วนตัวของอ้อนบ้าง
"มิ้งถามได้ไหมว่า อ้อนเคยมีแฟนชายอะไรมาก่อนไหม"
"ไม่จ้ะ เค้าเลสแท้ คบผู้หญิงมาตั้งแต่แรกแล้ว เตงถามทำไมหรอ"
"ป่าวจ้ะ ไม่มีอะไร" มิ้งยิ้มมุมปากขณะส่งข้อความในเฟซไปด้วย "เค้าก็เลสแท้ ไม่เคยคบแฟนชายมาก่อนเหมือนกันจ้ะ"
ดูเหมือนทั้งคู่จะจูนกันติด ที่ชอบ อยากมีความรักและมีความสัมพันธ์กับเลสแท้เหมือนกัน
"วันเสาร์นี้ อ้อนว้างหรือเปล่าคะ จะชวนกินข้าว" มิ้งเริ่มเป็นฝ่ายรุก
"ถ้าตอนค่ำก็ได้นะ เค้าเสร็จงานราวสองทุ่ม ไปกินอะไรกันดี" อ้อนตอบ
"ทานแล้วหาเพลงฟังไหม"
"ได้เลยจ้ะ มิ้ง"
ครั้งแรกของทั้งคู่ ยังมิได้มีอะไรมากไปกว่าความเป็นเพื่อน อาจมีจับมือกันบ้างตอนฟังเพลง แต่เมื่อใจสื่อถึงใจ ทำให้มิ้งเริ่มรักอ้อนเต็มตัว และเริ่มพัฒนาการพูดคุยไปอีกขั้น ในวันรุ่งขึ้น
"เมื่อคืนเที่ยวสนุกมากเลย" มิ้งบอก "เตงสวยมากเมือคืน ถ้ายังไม่มีแฟนเค้าขอคบได้ไหม"
"ได้สิ ใครจะกล้าปฏิเสธคนสวยอย่างมิ้งล่ะ ที่รัก" อ้อนยินดีรับคำเชิญชวนของเพื่อนสาว
"งั้นขอหอมหน่อยนะ" มิ้งส่งข้อความไป พร้อมกับภาพหัวใจ อ้อนส่งหัวใจตอบ
"อยากหอมอย่างเดียวหรอ" อ้อนแกล้งคุยทีเล่นทีจริง
"หืม แล้วอยากให้ทำอะไรล่ะ" มิ้งรู้ว่าสิ่งที่อ้อนพูดนั้นหมายถึงอะไร
"ไม่บอก ไว้เจอกันอีกทีจะบอก" อ้อนตอบ "เค้าโพสต์รูปทีถ่ายกับตัวเองในเฟซเค้าได้ไหม้ สาวๆเตงจะว่าป่าว"
"ได้เลยจ้ะ ก็บอกแล้วว่าอ้อนไม่มีแฟนตอนนี้" เธอยืนยัน
มิ้งโพสต์รูปที่เธอกอดคอกับอ้อนตอนไปเที่ยวเมื่อวาน และใส่คำพูดข้างใต้
"อยากเป็นแฟนผู้หญิงคนนี้!"
อ้อนมาคอมเมนท์ต่อ "รับใบสมัครเรียบร้อยแล้วจ้ะ"
ความรู้สึกของมิ้งนั้นอยากกอดอ้อนเหลือเกิน แม้ว่ายังไม่ได้คิดถึงขั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็ตาม
สัปดาห์ที่สองของการพูดคุย อ้อนขอเป็นฝ่ายขับรถไปรับมิ้งเที่ยว และทันทีเมื่อรับอีกฝ่ายขึ้นไปได้ไม่นาน อ้อนก็เริ่มรุกบ้าง
"ไหนบอกอยากหอม ไม่เห็นหอมเลย"
มิ้งไม่ลังเลยืนจมูกและปากไปหอมแก้มเธอ อ้อนไม่รอช้า ช้อนคางของมิ้งแล้วจูบทันที ซึ่งทำให้มิ้งไม่กล้าผละออกมา เพราะรสชาติจูบของอ้อนช่างหอมหวลและนุ่มนวล ละมุนละไม้จนเธอรู้สึกเคลิ้มอยู่ในอาการนั้นอยู่นาน
ความที่อ้อนเองไม่เคยคบชายมาก่อน และเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเลสแท้ ทำให้เธอถวิลหาความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างมาก อ้อนขับรถพามิ้งไปทานอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อกินข้าวและจิบเหล้ากันพอเรียกแรงกระตุ้นแล้ว อ้อนพามิ้งไปเปิดห้องบนโรงแรม ซึ่งอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธแต่ประการใด
มิ้งรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสรักกับคนใหม่ๆ หนนี้เธอค่อนข้างติดใจในการรุกเร้าของอ้อนเหลือเกิน แล้วสิ่งที่่มิ้งไม่รู้มาก่อนเลยว่า คนที่สวยมากๆ บางทีมีความต้องการเรื่องเซ็กซ์สูงมากด้วยเช่นกัน
สำหรับทั้งคู่แล้วการมีเซ็กซ์กับเลสด้วยกัน ไม่ได้ให้ความสำคัญว่าอีกฝ่ายจะเคยมีอะไรกับชายมาก่อน เคยเป็นดี้หรือทอมมาก่อน รสชาติไม่ต่างกัน สิ่งสำคัญคือความรู้สึกรักผู้หญิงด้วยกัน อ้อนเองก็เคยนอนกับเลสไบเพราะความสุขที่นิดยื่นมอบให้
"ถ้ามิ้งเคยมีอะไรกับชายมาก่อน ไมใช่เลสแท้ เตงจะโกรธไหม" มิ้งลองใจถามภายหลังการร่วมรักครั้งแรกผ่านพ้นไป
"ไม่สำคัญหรอก" อ้อนยิ้ม "โลกนี้จะมีเลสแท้สักกี่คนกัน ไม่ว่าเตงเคยมีแฟนชายหรือไม่ เค้าไม่สนใจหรอกนะเค้าสนที่ปัจจุบันเตงมีอ้อนคนเดียวพอ"
,มิ้งยิ้มอย่างมีความสุขและจูบอ้อนเหมือนเป็นคำขอบคุณ บทเพลงรักหนใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น มันเป็นคืนที่มิ้งได้รับการตอบสนองด้านอารมณ์อย่างดูดดื่ม ทั้งสองผลัดกันรุกเร้า แต่เป็นฝ่ายอ้อนที่ปลุกความต้องการให้มิ้งเกิดขึ้นตลอดทั้งคืน และอิ่มเอิบกับความรักกันจนถึงรุ่งเช้า...
ความปรารถนาของเลส
ในวันที่เราไปเที่ยวกันทั้งฉันพี่อร รวมถึงหวานกับคู่เลสของเธอ หวานชวนคู่เลสไปโรงแรมต่อ ขณะที่พี่อรเองวันนี้ดูจะพูดน้อยผิดปกติ เหมือนพี่อรไม่ชินกับภาพที่ผู้หญิงจูบกันอย่างดูดดื่มหลายคู่มาแล้ว ก็เหมือนกันที่ฉันกับพี่อรเคยจุมพิตกัน ซึ่งทำให้ฉันรับรู้ว่า พี่อรเริ่มมีใจให้ฉันบ้างเช่นกัน
แต่เราก็ยังไม่ได้มีความพันธ์ด้านเซ็กซ์กันเลยแม้แต่น้อย เพราะความที่พี่อรเองยังคบพี่เมศร์แฟนชายอยู่ กระทั่งฉันเรียนจบ จึงได้ออกจากหอพักมหาวิทยาลัย และขอมานอนที่คอนโดพี่อรชั่วคราวก่อน เพราะใกล้ผับที่เราทำงานอยู่
ช่วงนั้นเหมือนพี่อรซึมๆไปบ้าง เพราะมีปัญหากับพี่เมศร์อย่างหนัก จนท้ายสุดพี่อรยอมรับว่า ขอเลิกกับพี่เมศร์ พี่อรเปลี่ียนเบอร์โทรศัพท์ทุกอย่าง และพี่เมศก็ไม่เคยรู้ที่ทำงาน และคอนโดของพี่อรอยู่แล้ว เพราะเวลามีความสัมพันธ์กันพี่อรจะไปนอนห้องพี่เมศร์เอง เหมือนกับพี่อรไม่ให้แฟนชายของตนรู้ที่อยู่ใหม่ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง เนื่องจากพี่อรเคยเจอข้อความที่พี่เมศร์เคยคุยกับบรรดาสาวทั้งหลายมาแล้ว เพียงแต่ยังตัดใจไม่ได้เท่านั้น
พี่อรขอพักหยุดงานไปบ้านต่างจังหวัด 3 วัน เพื่อกลับไปทบทวนสิ่งต่างๆ บางทีการได้กลับไปอยู๋กับครอบครัวพ่อแม่พี่น้อง ในบรรยากาศของบ้านนอก ก็ช่วยให้ลบเลือนเรื่องราวความสับสนสังคมวุ่นวายในเมืองหลวงได้เหมือนกัน
บ่ายวันต่อมา ภายหลังพี่อรกลับถึงบ้านต่างจังหวัดแล้ว เราจึงได้เปิดอกคุยกัน หนนี้เป็นฉันที่รับฟังปัญหาของพี่อรบ้าง หลังจากพี่อรเป็นฝ่ายรับฟังปัญหาฝ่ายเดียวมาตลอดเกือบสี่ปีที่รู้จักกัน
"พี่อร ถึงบ้านหรือยัง" ฉันโทรศัพท์ถามด้วยความเป็นห่วง
"ถึงเรียบร้อยแล้วจ้า น้องนาคนสวย" พี่อรตอบฉันด้วยน้ำเสียงสดใส
ฉันเคยไปบ้านต่างจังหวัดของพี่อรมาแล้วหนหนึ่ง เป็นบ้านอยู่ในสวน ลักษณะปูนครึ่งไม้ อยู่ไม่ห่างจากคลองน้ำจืด ตอนเช้าอากาศเย็นสบาย สดชื่นมาก ตอนบ่ายๆฉันกับพี่อรเคยนั่งริมระเบียงทำอะไรกินกัน ตกเย็นจิบเบียร์ดื่มด่ำกับธรรมชาติดียิ่งนัก ยามดึกงียบสนิท มีเพียงเสียงจิ้งหรีด และแมลงร้อง
บางทีความพยายามลบเลือนความเจ็บปวด อาจเป็นการกลับไปหาธรรมชาติอีกครั้ง ธรรมชาติอาจช่วยให้เราได้ความสมดุลด้านจิตใจกลับคืนมา และเตรียมกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
"ทำอะไรอยู่คะ" ฉันถามไปโดยไมพยายามพาดพิงไปยังเรื่องที่พรเลิกกับแฟนชาย
"นั่งตรงระเบียงจ้ะ" พี่อรตอบ เสียงลมอ่อนๆเหมือนพัดมาตรงนั้นซึ่งเราเคยนั่งจิบเบียร์กัน "นาตื่นแล้วหรอ ไปทำงานกี่โมง"
"เย็นๆค้พพี่ แต่คงออกไปสักบ่ายสามบ่ายสี่ ไปเดินเล่นแป๊บ หาไรกินก่อนค่อยไปทำงาน" ฉันตอบไป ก่อนชวนคุยแบบสบายๆ
"อากาศดีไหมพี่อรวันนี้" ฉันนึกถึงลมอ่อนๆ ตอนบ่ายๆ ชวนน่านอนยิ่งนัก ท่ามกลางสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น
"ก็ดีนะ กลับบ้านแล้ว ทำให้ได้สูดอากาศสดชื่นหน่อย พักสัก 2-3 วัน กลับไปมีพลังเต็มถัง แดนซ์กระจายแน่นอนจ้ะ" เสียงพี่อรยังคงคุยเล่นสนุกได้เหมือนเดิม ก่อนเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวเพื่อไม่ให้ฉันกังวล "ไม่ต้องห่วงนะนา พี่ไม่เป็นอะไรเลิก ใช่ครั้งแรกที่พี่เลิกกับแฟนเสียเมื่อไหร่ ลมหายใจพี่คือพ่อแม่ครอบครัว อนาคตมากกว่า คนเราเวลาเลิกกับแฟนมันก็เสียใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่พี่โตขึ้นแล้วเจ็บไม่นานหรอก"
"จ้า นาเองก็เคยเจ็บ แม้ว่าแฟนผู้หญิงก็เถอะ หนแรกนี่เจ็บหนักมาก ไม่ได้พี่อรคอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำนี่หนูคงแย่เลย"
"สงสัยกลับไป พี่ต้องให้นาปลอบบ้างแล้วละ" พี่อรพูดทีเล่นทีจริงต่อ "ตอนนี้พี่โสดแล้วนะ พี่เคยบอกไว้ ถ้าโสดจะขอนาเป็นแฟนคนแรกไง"
ชั่วโมงนี้ฉันไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ อีกด้านหนึ่งห่วงพี่อรและรักพี่อร กลัวพี่อรผิดหวังที่ต้องเลิกกับแฟน อีกด้านหนึ่งฉันเองก็รอวันที่พี่อรจะรักฉันในแบบคนรัก ทว่าชั่วโมงนี้คงไม่เหมาะที่นาจะขอพี่อรเป็นแฟนแน่นอน
"พี่อรสวยขนาดนี้ เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาอีกเยอะ ไม่ถึงหนูหรอกน่า" ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"ปากหวานอีกแล้ว น้องฉัน งี้เดี๋ยวต้องมีตบจูบ ดูสิว่าหวานจริงไหม"
แม้ว่าพี่อรคุยเล่น แต่ฉันรู้สึกว่า ในใจของพี่อรยังมีความเจ็บซ่อนอยู่บ้าง ฉันเองก็พยายามคุยติดตลกไปโดยปริยาย
"ถ้ากล้า ก็ให้น่า แหม"
"โอเค เดี๋ยวคุยไลน์กันนะนา โทรศัพท์อยู่คนละจังหวัดเดี๋ญวนาเปลืองแย่"
"ได้ค่ะพี่ แล้วไลน์กันจ้ะ"
มันเป็นค่ำคืนที่เราคุยไลน์กันอีกยาวเกือบดึกดื่น โดยที่แทบไม่มีหัวข้อเรื่องแฟนเก่าพี่อรเข้ามาเลย เราคุยกันเรื่องที่ผับ นินทาลูกค้าบ้าง คนนั้นคนนี้มาจีบบ้าง บางคนก็มาเสนอเงินเพียงเพื่อให้เราบริการทางเพศให้ ซึ่งพี่อรก็สอนวิธีพูดปฏิเสธแบบสุภาพ หลบเลี่ยงได้ และบอกฉันว่า หากเจอคนดีๆ ก็ควรพิจารณาไว้บ้าง คนเที่ยวไม่ใช่ไม่ดีหมด เมื่อถึงเวลาหนึ่ง นาก็อาจต้องมีครอบครัว ในสังคมไทย คงยากจะรับการเป็นเลส รับลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมให้คนยอมรับเหมือนเมืองนอก
พี่อรบอกต่อไปอีกว่า เคยมีเพื่อนเลสบางคน มีสามี หรือกระทั่งมีลูกแล้ว แต่ก็แอบคบเลส มีไรกับผู้หยิงด้วยกันไปด้วย บางครั้งเธอเองก็ต้องมีครอบครัว แต่อีกด้านหนึ่งความสัมพันธ์กับเลสก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องการอยู่ ฉะนั้น ต่อให้นามีแฟนชาย หรือมีครอบครัวแล้วก็ไม่ใช่จะมีแฟนเลสไม่ได้ มันแทบกลายเป็นเรื่องปกติแล้วที่ในสังคมชาวเลสทราบกัน เพียงแต่ส่วนใหญ่เรื่องจะปิดบังเรื่องราวส่วนตัวไว้ บางคนเปิดเผยกับสามีถึงความต้องการมีความสัมพันธ์กับเลสด้วย บางคู่ให้แฟนชายร่วมหลับนอนกับแฟนเลสของตนด้วยในแบบเลสไบ หรือหลายคนก็แอบมีพันธะกับเลสโดยไม่บอกสามีของตน มากมายเต็มไปหมดที่สังคมไทยยังรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเลสน้อยมาก
...........
วันเวลาผ่านไป บรรยากาศบ้านไร่สวนดูเหมือนทำให้พี่อรหายจากอาการเศร้ามากขึ้น เหมือนอย่างที่พี่เขาว่าไว้ ประสบการณ์ในอดีตทำให้พี่อรรู้จักควบคุมจิตใจตนเอง โตขึ้น ตระหนักดีว่า อนาคตของตนเองและครอบครัวที่ต้องดูแลคืออะไร มันคือความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงมากกว่าแฟนคนหนึ่งที่ไม่ได้จริงจัง หรือซื่อสัตย์ต่อตนเอง และมิได้วางแผนอนาคตไว้ร่วมกัน
ตอนสายวันศุกร์ พี่อรกลับมาถึงคอนโดเรียบร้อย แน่นอนว่า เดี๋ยวพี่คนสวยของฉันนอนพักเอาแรง เพื่อเตรียมไปทำงานตอนเย็น และวันศุกร์เป็นวันที่เรามักขาดกันไม่ได้ เนื่องจากลูกค้าเยอะและเงินทิปมักจะนักจนล้นยกทรงตอนเต้นบนเวทีกันเลยทีเดียว
"สวัสดีจ้ะ คนสวย" พี่อรเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับทักฉันด้วยรอยยิ้ม "เป็นอย่างไรบ้าง แอบเอาสาวๆมานอนบ้างป่าวนิ"
"บ้า" นาหัวเราะ "เค้าไม่ทำแบบนั้นหรอก ห้องพี่อรนะ ไม่ใช่ห้องนา แหม แล้วนาไม่มีสาวที่ไหนด้วย"
"ไหนมากอดหน่อยให้หายคิดถึงหน่อยสิ" ว่าแล้วพี่อรก็โอบฉันไปกอดพร้อมกับหอมแก้มหลายทีจนฉันแอบเขินเล็กๆ
"ไปกินอะไรมาเนี่ยพี่อร อยู่ดีๆหอมเอาๆ" ฉันบอก
"ก็คิดถึงนี่นา"
ฉันช่วยเอากระเป๋าพีอรไปเก็บ หาน้ำเย็นให้ดื่ม เราคุยกันเรื่องราวจิปาถะทั่วไป ก่อนที่พี่อรขอตัวไปอาบน้ำ และนอนพักบนเตียง ฉันเองก็พยายามทำอะไรเงียบๆ เพราะกลัวพี่เขาหลับไม่สนิท
ตกเย็นเราไปกินข้าวด้วยกัน และเข้าไปยังผับเพื่อทำงาน มันยังเป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้คุยกับพี่วิวเลย เรียกว่านับตั้งแต่มีปัญหาจนเลิกกัน เราเหมือนเข้านานกันไม่ติดอยู่ แต่พี่วิวก็สังเกตว่า ฉันกับพี่อรสนิทกันกอดคอ บางทีก็แกล้งหอมกันบ่อยๆ จนพี่วิวแอบเหล่หางตามามองเหมือนกัน ทว่าฉันเองไม่ได้แคร์อะไรกับสายตาพี่วิวอยู่แล้ว ยามพักจากบนเวทีหรือลูกค้า ฉันก็กอดคอหอมกับพี่อร ชนแก้วอะไรกันตลอดจนทำให้คนคิดว่าเราเป็นแฟนกันไปเรียบร้อยแล้ว
มันเป็นค่ำคืนที่พี่อรบอกว่า "ฉลองความเป็นโสด" อีกครั้ง พี่อรดื่มหนักทีเดียว และร่าเริงเหมือนถูกปลดปล่อยจากพันธนาการบางอย่าง บางช่วงก็โอบฉันไปจูบแบบเล่นๆให้หนุ่มๆอิจฉากันอีก
พอเลิกงานกับถึงห้อง พี่อรเหมือนยังเมาพอสมควร จนฉันต้องหิวปีกไปนอนบนเตียง แต่พอพี่อรหลังถึงเบาะ ก็โน้มตัวฉันลงไปกอดและจูบเฉย
"นารักพี่ไหม" พี่อรถามขณะที่ตาแทบจะปิด และเคลิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ "เราเป็นแฟนกันนะนา พี่อรพยายามจูบฉันไม่หยุดหย่อน แต่ฉันรู้ดีว่าปกติพี่อรมิใช่ทำอะไรแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนพี่อรอยากมีอะไรกับฉัน บางทีอาจเพื่อกลายเป็นเลส หรืออาจต้องการให้ลืมแฟนเก่า ว่ากันว่า บางครั้งหากเราจะลืมแฟนเก่า การมีเซ็กซ์กับคนใหม่ที่คบกันก็มีส่วนช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย และเยียวยาคนที่บาดเจ็บมาได้เหมือนกัน
"หนูรักพี่นะ" นาหอมแก้มพี่อรเบาๆ ขณะที่พี่อรคลายจูบลง ในความรู้สึกของฉัน เป็นห่วงและเห็นใจพี่อรอย่างยิ่งที่ต้องผิดหวังกับความรักบ่อยๆ แต่ใครบ้างล่ะไม่เคยเป็นเช่นนี้ ทุกคนเคยรัก เคยอกหักเคยเจ็บ และฉันก็ยังไม่อยากได้พี่อรเป็นแฟน หรือมอบความสัมพันธ์ขั้นลึกซึ้งให้เพื่อให้พี่อรลืมแฟนเก่า หากเราจะมีอะไรกัน ฉันอยากให้พี่อรรักฉันในแบบแฟน หรือคนรัก เหมือนกับที่ฉันรักพี่อรมากกว่า
ฉันรู้สึกว่าตัวพี่อรร้อนผิดปกติ ไม่ว่าเพราะเหล้าหรือไข้ก็ตาม ฉันเอามืออังหน้าผากพี่อน และเสยผมพี่อรขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูอาการไข้ พี่อรค่อนข้างเมามาก และเหมือนต้องการพักผ่อนเต็มที่แล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ฉันเองก็ยังไม่ได้อาบเช่นกัน แต่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้านเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อยืดก่อน เพื่่อความสบายตัวและจะได้ช่วยถูตัวพี่อรได้ถนัดๆ พี่อรจะได้นอนสบายตัวขึ้น
การเช็ดตัวให้พี่อร ทำให้ฉันตระหนักดีเมื่อครั้งพี่เขาเคยดูแลฉันแบบเดียวกัน ฉันค่อยๆประคองให้พี่อรลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วถอดเสื้อยืดออกซึ่งก็ไม่ง่ายเลย จากนั้นก็ต้องถอดกางเกงฟิตปึ่งให้ด้วย ฉันกระดุมกางเกงยีนส์รูดซิปลง เอามือประคองก้นให้พี่อรขึ้นแล้วค่อยๆปลิ้นขอบกางเกงยีนส์ออกทีละเล็กละน้อย จนเนื้อผ้าพ้นขอบสะโพจึงถอดได้ง่ายขึ้น กระทั่งมันหลุดออกจากข้อเท้า นี่มิใช่การถอดเสื้อผ้าผู้หญิงขณะกำลังต้องการมีอะไรกัน หากแต่เสมือนการดูแลคนป่วยคนไข้
พี่อรเหลือแต่ยกทรงกับชั้นในปิดของสงวนไว้ ฉันไม่ได้คิดอะไรเป็นอื่น ไม่ได้คิดมองของสงวนหรือจับต้องใดๆ ไม่คิดเรื่องเพศใดๆอย่างสิ้นเชิง ฉันเอาน้ำชุบหน้าและคอพี่อร จากนั้นก็เช็ดตัวให้ ตั้งแต่มือไปจนถึงไหล่ ตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงหน้าทอง ต้นขาไปจนถึงปลายเท้า ก่อนพลิกตัวให้พี่อรหันข้างให้เพื่อเช็ดหลังตั้งแต่ต้นคอจนถึงเอว และต้นขาหลังไปจนถึงน้อง เอาผ้าขนหนูเช็ดให้ตัวแห้งอีกที ทั้งด้านหลังและหน้า ก่อนใช้แป้งทาให้ที่หลังและขา รวมถึงอก เอว แขน ขา ทุกอย่าง แล้วก็หยิบเสื้อยืดกางเกงใส่อยู่บ้านมาใส่ให้ ซึ่งทำให้ฉันรู้ว่าการดูแลคนป่วยมิใช่ง่ายเลย กว่าจะสวมเสื้อผ้าใส่ให้ก็อีกหลายนาที ฉันเปิดแอร์เย็นๆ แล้วห่มผ้าห่มนวมให้จนกระทั่งพี่อรหลังสนิทไป ดูพี่อรนอนสบายตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนฉันเองไปอาบน้ำ คืนนั้นฉันไม่ได้หยิบโทรศัพท์หรือโน้ตบุ้คมาคุยกับเพือนๆ หรือใช้งานใดๆอีก ฉันเช็ดตัวให้แห้ง ใส่เสื้อผ้าแล้วรีบใต้ผ้าห่อมข้างๆพี่อร ใจจริงฉันอยากนอนโอบกอดพี่เขามาก แต่ค่ำคืนนี้ฉันอยากให้พี่อรนอนสบายตัวที่สุด แค่ฉันได้ดูแลใกล้ๆคนที่ฉันรักแบบนี้ก็มีความสุขที่สุดแล้ว ฉันรักพี่อรในความรู้สึกแบบที่เลสมีให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งได้ โดยมิได้มีเซ็กซ์ต่อกันเลย ปรารถนาของฉันมีเพียงเท่านี้...
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ผู้หญิงที่ไม่ผูกมัด
ผ่านพ้นจากความเศร้า ฉันกลับมาทำงานได้อย่างเดิม และกลับไปอยู่พักหอพักแถวมหาวิทยาลัยกับมีน น้องรูมเมทที่เป็นดี้เลส ฉันเริ่มแอดเพื่อนในเฟซและไลน์จากเพื่อนเลสของน้องมีน ซึ่งเธอไม่ขัดข้อง แต่ย้ำเตือนฉันว่า บางคนก็ต้องระวัง เพราะมีเลสประเภทไม่ผูกมัด คือคบกันแค่อยากมีอะไรกันเท่านั้น ไม่มีความชอบหรือรักแต่อย่างใด เป็นเพียงความต้องการเรื่องนั้นอย่างเดียว
ฉันได้รู้จักกับ "น้ำหวาน" ซึ่งเธอบอกว่าคบได้ทั้งเลสดี้ และชาย เลยทำให้ฉันงงเข้าไปอีก แบบนี้จะเรียกไบหรือแบบไหนกัน ประสบการณ์ของเธอทำให้ฉันรู้ซึ้งถึงโลกของเลสมากขึ้น เราคุยกันในทุกเรื่อง จนกระทั่งสนิทกันพอสมควร และชวนกันไปเที่ยวปาร์ตี้เลสในผับแห่งหนึ่ง โดยเธอก็มีเลสที่นัดหมายกันไปเที่ยวด้วย ฉันเองก็ชวนพี่อรไปเป็นเพื่อนด้วย โดยเราไปกันในคืนวันเสาร์ หลังเลิกงานตอนตีหนึ่งแล้ว
หวานบอกว่า เพื่อนเลสที่พาไปชื่อ "น้ำ" โดยรู้จักกันเพราะญาติแนะนำให้ และเธอก็แกล้งคุยกับฉันว่า สงสัยคืนนี้คงยาว เพราะเจ้าหล่อนค่อนข้างหื่นไม่เบาทีเดียว แต่หวานเองก็บอกกับฉันว่า ยังมิใช่แฟนแน่นอน และนี่มิใช่คนแรกที่หวานมีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด
"หวาน" ทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง เธอไว้ผมสั้นยาวแค่ไหน ไม่ถึงขั้นสวยแต่จัดว่าน่ารัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลายิ้ม หุ่นเธอดีมากเอวแค่ 24 เท่านั้น และขายาวสูงราว 160 เศษ
ความเป็นคนน่ารักทำให้มีคนมาชอบหวานเยอะทั้งชาย หญิง ทอม เลส หนึ่งในคนที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วยเป็นเพื่อนเธอเองชื่อ "เหมียว" ทำงานในบริษัทเดียวกันซึ่ง หวานก็เล่าให้ฟังว่าเธอเคยคบทอม กับผู้ชายมาก่อน ความที่ทั้งสองคนทำงานในแผนกเดียวกัน เลยได้คุยกันบ่อย ตอนพักก็กินด้วยกัน เลิกงานบางทีก็ไปหาอะไรแวะรับประทานก่อนกลับบ้าน หรือไปนั่งจิบเบียร์กัน เวลาไปผับก็กอดคอดหรือเต้นอะไรสนุกสนานกันไป
เหมียวเองก็เคยมีแฟนชายมาก่อน ความที่เหงาและกลัวการคบคนใหม่ ทำให้ได้หวานเป็นเพื่อนสนิท คุยกันรู้ใจกันทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงก็เปิดใจคุยกันเต็มที่เวลาคุยไลน์หรือเฟซกันที่บ้าน ส่วนในบริษัทก็จะทำหน้าที่การงานของตนเต็มที่ ไม่มีการคุยนอกเรื่องเท่าไหร่นัก
แล้วเย็นวันหนึ่งเป็นจุดเริ่มของความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเหมียวกับหวาน แม้ว่าในใจของเธอทั้งคู่เป็นเพื่อนกันขนานแท้ก็ตาม
"หวาน ถามจริงๆ ตอนนี้คบใครอยู่ ทอม หรือชาย" เหมียวส่งไลน์เข้าไปในมือถือหวาน ขณะใกล้เลิกงาน
"ยังเลย" หวานตอบก่อนทักต่อ "แล้วเธอมีชายมาจีบบ้างยัง"
"ก็มีบ้าง แต่ยังไม่โดนเท่าไหร่" หวานตอบตามความเป็นจริง "เย็นนี้ไปกินเบียร์กันไหม พรุ่งนี้หยุด จะได้สนุกได้เต็มที่"
"เอาสิ สิ้นเดือนด้วย ต้องฉลองหน่อย ฮ่า ฮ่า" เพื่อนสาวไม่ปฏิเสธ "แต่เลิกงานเพิ่งจะห้าหกโมงเย็นเอง ไปไหนกันก่อนดีอะ"
"เราไปหาไรกินแถวห้างกันก่อนดีมะ เดินเล่นกัน ตอนเย็นๆค่อยไปผับ" หวานชวนต่อ
"โอเช เดี่ยวเลิกงาน หวานรอหน้าตึกนะ"
ทั้งสองคนหุ่นทะมัดทะแม่ง หวานอาจไม่สวยมาก แต่ก็พอดูได้ เหมียวไว้ผมยาว ใส่เสื้อเชิ้ตแบบผู้หญิงสีขาว กระโปรงน้ำเงินสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ใส่ส้นสูงเวลาเดินดูน่ารักและเซ็กซี่เล็กๆ หุ่นดีไม่แพ้กัน สูงราว 160 อย่างน้อยหุ่นของเธอดึงดูดสายตาทอม และผู้ชายได้ดีทีเดียว ขณะที่หวานเองไว้ผมสั้น เวลาพูดอาจดูห้วนๆ ทะมัดทะแมง แต่เวลาใส่ชุดออฟฟิศแล้วก็น่ารักทีเดียว เธอใส่เสื้อเขียวอ่อนแบบเสื้อเชิ้ตผู้หญิงรัดรุปเล็กน้อย ไม่บางมาก ใส่กระโปรงสีดำสั้นกว่หวานเล็กน้อย เพื่อการเดินหินที่สะดวก สมกับงานเธอที่ต้องประสานงานฝ่ายอื่นบ่อยๆ แต่หวานจะใส่แค่คัทชูส้นเตี้ยเพื่อการเดินที่คล่องกว่า
ความจริงอีกอย่างที่เหมียวไม่รู้คือ หวานไม่เคยบอกว่า เธอชอบมีไรกับเลสแบบไม่ผูกมัดด้วย แต่ก็มิใช่แบบเจอหน้าแล้วมีไรกันเลย ส่วนใหญ่มาจากการคุยกันได้สักพักใหญ่จนกระทั่งเปิดใจกัน และจบลงด้วยความสัมพันธ์ขั้นสุดท้าย
.....
เวลาทุ่มครึ่ง ภายหลังทั้งคู่กินข้าวและเดินเล่นกันนิดๆหน่อยๆแล้ว จึงตกลงกันไปผับแถวรัชดาภิเษก ซึ่งสามารถนั่งรถไฟฟ้าไปถึงได้โดยง่าย และกลับไม่ลำบากนัก
เมื่อไปถึงก็ตกลงราวสองทุ่มกว่าๆ หวานเริ่มสั่งเบียร์มากินเบาๆพร้อมกับแกล้มและพุดคุยกัน
"ร้านนี้ บรรยากาศโอเคนะ" เหมียวเริ่มชวนคุย "หวานปกติเที่ยวกินเบียร์ไรแบบนี้บ่อยไหม"
"ก็บ่อยนะเวลาเงินเดือนออก ไว้ค่อยกินมาม่าทีหลัง ฮ่าฮ่า" หวานพูดติกตลกไปด้วย
"เอ้าชนแก้วหน่อย" ทั้งสองคนชนแก้วกันก่อนที่เหมียวเริ่มถามต่อ
"หวาน ยังไม่มีแฟนจริงๆอ่ะ เตงน่ารักนะ น่าจะมีคนชอบเยอะ" เหมียวเกริ่นนำถึงเรื่องความรัก
"ยังไม่เจอคนที่ใช่อะตัว จะทอมหรือชาย หรือเลส จะคบกันมันก็ต้องใช่ จูนตรงกัน หลายๆอย่างนะ ถึงจะกลายเป็นความรักได้" หวานบอก
"เหมียวไม่กล้ามีแฟนทอมหรือเลสอ่ะ มันจะเหมือนกันคบชายป่าวเตง" หวานเริ่มคุยลื่นขึ้นภายหลังดื่มเบียร์ไป 2-3 แล้วและเริ่มตึงๆ กล้าคุยเรื่องส่วนตัวมากขึ้น
"ถ้าเรื่องความรัก หวานว่ามันก็ไม่ต่างกันนะ อยู่ที่ความชอบของแต่ละคน แน่นอนว่า ท้ายสุดความรักต้องมีเซ็กซ์เป็นส่วนประกบ คงไม่มีคู่ไหนหรอกนะในโลกนี ที่รักกันโดยไม่เคยมีอะไรกันเลย โลกอย่างกับในละคร คบกันเป็นแฟนสองสามอาทิตย์ก็ได้กันหมดแล้ว ใครจะรอกระทั่งแต่งงานล่ะ" หวานร่ายยาว
"แล้วเหมียวทำไมเลิกกับแฟนล่ะ"
เหมียวครุ่นคริดถึงเหตุผลที่เลิกกับแฟนชายคนก่อน และยังไม่กล้ามีใครอีก "ด้วยเรื่องของเวลามั้ง ตอนอยู่บริษัทเดียวกันก็เจอกันบ่อย แต่พอย้ายไปที่อื่นค่อยๆห่างกัน แล้วหลายอย่างไม่เข้ากันนะ เรื่องความคิด และอะไรหลายอย่าง บางทีก็ทะเลาะกัน"
"ทะเลาะกันก็มีบ้าง หึงหวงอะไรกันบ้าง เรื่องปกติของคนรักน่ะเตง" หวานให้ทัศนะ "แต่ท้ายสุดหากทัศนะคติไม่ตรงกัน ต่างฝ่ายต่างพร้อมใจที่จะตกลงยุติความสัมพันธ์แบบคนรักได้หรือเปล่า อย่างชาวต่างชาติ ต่อให้แต่งงานแล้ว แต่ถ้าอยู่กันไปแล้วทัศนะคติไม่ตรงกัน เขาก็พร้อมเลิกกันโดยง่าย ไม่เหมือนสังคมบ้านเรา ที่มุ่งเกาะติดกับคนรักว่าเขาต้องอยู่กับเราตลอดไป แต่ละคนไม่กล้าเปิดทางให้ตนเองไปพบสิ่งใหม่ๆ"
"จริง เหมียวเองก็พยายามปรับความเข้าใจกับเขานะ จริงอยู่ที่คนเรารักกันชอบกัน คบกันก็ต้องมีสุขและทุกข์มีทะเลาะกันบ้าง แต่เหมือนพอเราโตขึ้น มุมมองการใช้ชีวิตของเราเริ่มห่างกันไปเรื่อยๆ จนระยะหลังเราเหมือนแทบไม่ได้คุยกันเลย ความอึดอัดทำให้เขาเปิดใจกับเหมียวว่า อยากมุ่งมั่นกับงานก่อน และให้แต่ละคนถอยกลับไปคิดคนละก้าวถึงทางเลือกชีวิตตัวเอง"
เหมียวเล่ายาว "เหมียวยังรักเขาอยู่นะ พยายามอยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาเองก็เคยคิดแบบนั้น แต่ท้ายสุดพอไม่ได้เจอกันนานๆ มันก็เหมือนความสัมพันธ์เริ่มเบาบางลง และเขาเองก็คงอยากมีแฟนใหม่ แต่เหมียวเองเหมือนวูบไปเลย เพราะนอกจากเขาแล้ว เหมียวไม่เคยมองใครอื่นจริงๆ พอเลิกกิันไปเหมือนอะไรมันโหวงเหวงไปหมด"
"แล้วตัวมีทอม เลส ไรมาจีบบ้าง นอกเหนือจากผู้ชายที่เค้าเห็นมาเต๊าะๆทุกวันเนี่ย" หวานสะกิด
"ก็มีทอมมาคุย ส่วนผู้หญิงที่มาคุย ไม่รู้เลสหรือเปล่า เหมียวเองไม่เคยเป็นเลสเลยไม่รู้ไง" เหมียวทำคิ้วขมวดเข้าหากัน "ไม่รู้เหมือนกันทำไมเค้ามาคุยกับเรา ทั้งที่เหมียวเองก็เคยเป็นดี้อะไรมาก่อน"
"แล้ว หวานไม่คิดคบใครจริงจังบ้างหรือ"
"อย่างที่บอก ตอนนี้ยังไม่มีใครโดน ก็มีคุยๆบ้าง แต่หวานยังไม่อยากผูกมัดน่ะ"
"ผูกมัดมันเป็นยังไงอ่า" เหมียวยังคงสงสัย
"ก็มีไรกันเฉยๆ แต่ไม่ได้คบเป็นแฟนยาว ไม่ได้มีความรักอะไรต่อกันแบบคู่รัก" หวานเผย
"แล้วมันจะมีอารมณ์กันหรอ ไม่ได้เป็นแฟนกันน่ะ" เหมียวอยากรู้ต่อไปอีก
"เป็นได้สิ คนเรามีความต้องการเรื่องเซ็กซ์ด้วยกันทั้งนั้น แค่เราจูนกันถูกคน ก็สามารถมีอะไรกันได้ ยิ่งเป็นเลสด้วยล่ะก็ เค้าบอกเลยว่า มีเลสคบแบบไม่ผูกมัดเยอะมาก ความที่เลสมีความต้องการสูงด้วยกันอยู่แล้ว ผู้หญิงเหมือนกัน จับต้องสัมผัสกันง่าย มันเลยพาไปสู่จุดนั้นได้ยังไงล่ะ"
"อ้อ" เหมียวคิดขณะที่เธอเริ่มเคล้มๆไปกับเบียร์และเริ่มเมามากขึ้น เพราะคุยไปจิบเบียร์ไปตลอดจนหมดไปคนละ 6-7 แก้วแล้ว เสียงเพลงในผับก็ดึงขึ้น เพราะคนเริ่มมาเยอะ ทำให้ดีเจเปลี่ยนเพลงมาเป็นจังหวะแดนซ์มากขึ้น หรือเวทีนักร้องขึ้นเวทีเสียงเพลงก็กระหึ่มจนคนที่นั่งโต๊ะเดียวกัน ยังได้ยินเสียงกันยาก หากนั่งตรงข้ามกัน
"แล้วเหมียวไม่อยากลองคบเลสดูหรอ" หวานลองแย็บถาม
"ไม่รู้สิ กล้วคบไปแล้ว ถึงขึ้นมีอะไร อาจไม่ใช่" เหมียวพูด แต่หวานเองก็ไม่ค่อยได้ยินนัก
"เตงมานั่งฝั่งเดียวกับหวานสิ จะได้คุยกันง่ายมันไม่ค่อยได้ยิน" เหมียวขยับมานั่งด้านเดียวกับหวาน จนแขนของทั้งคู่เบียดกัน หรือบางทีขาก็โดนกันด้วย แต่เหมียวเองไม่ได้รู้สึกอะไรในตอนนี้ แต่เป็นหวานที่แอบมองต้นขาเหมียวบ่อยๆ เพราะเวลาใส่กระโปรงสั้น ตอนนั่งมันจะร่นขี้นมาเรื่อยๆ บางทีถึงโคนขา หากไม่ขยับดึงลงไปบ้าง
เหมียวเองก็มองขาของหวานเช่นกันซึงใส่กันกว่ามาก แต่ความเป็นผู้หญิงและเป็นเพื่อนกัน จึงไม่ได้คิดปกปิดอะไร จะบังก็แค่เอากระเป๋าเงินมาวางไว้บนตักกันโป๊ และคนโต๊ะอื่นเห็นเท่านั้น แต่ถ้านั่งติดกันแบบนี้จะเห็นถึงโคนขาทีเดียว
ความที่นั่งเก้าอี้ติดกัน บางทีตอนชนแก้ว หรือคุยกันใกล้ๆ สะโพกก็เบียดโดนกัน หน้าอกถูแขนอีกคนบ้าง บางช่วยทำให้หวานเกิดความวาบหวิวเล็กๆ เลยลองจับมือเหมียวดู ซึ่งเหมียวก็ดูเริ่มเคลิ้ม เพราะเรื่องต่างๆที่หวานเล่าให้ฟังด้วยเวลามีอะไรกับเลส
"เวลามีอะไรกับผู้หญิงด้วยกัน ทำไงกันบ้าง อยากรู้" เหมียวถามขณะหันไปสบตาหวานใกล้ๆ
"ก็เหมือนชายกับหญิงนั่นแหละ เพียงแต่ผู้หญิงไม่มีไอ้นั่น" หวานเริ่มคุยภาษาชาวบ้าน เพราะขี้เกียจใช้คำอ้อมๆ "จูบปาก นม หญิงกับชายก็ใช้ไอ้นั่น ส่วนเลสก็ใช้อย่างอื่น"
"ใช้ไรหรอ" เหมียวถามจี้
"ให้พูดตรงๆหรอ" หวานลังเลจะบอก
"บอกเลย อยากรู้ พูดตรงๆเลย" เหมียวคะยั้นคะยอ
"เลสก็ใช้นิ้วให้กัน เหมือนเวลาเราช่วยตัวเอง" หวานตอบแบบหน้าแดงเล็กๆ เหมียวเองก็เช่นกัน
"ผู้ชายชอบให้ผู้หญิงออรัลให้ แล้วผู้หญิงด้วยกันทำไงอ่ะ" เหมียวยังพยายามคาดคั้นต่อไป เพราะความอยากรู้อยากเห็น
"ออรัลเหมือนกันคือใช้ลิ้น นั่นน่ะทีเด็ดเลยล่ะ เชื่อไหมล่ะ" หวานแกล้งหัวเราะใส่ ขณะที่เหมียวดูเขินๆ "เวลาเตงมีไรกับแฟน เตงออรัลให้เขาด้วยหรอ" หวานชักเคลิ้มและเริ่มยิงคำถามใส่บ้าง
"อื้อ" เหมียวตอบแบบเขินๆ แล้วหวานล่ะ
"มีบ้าง แต่หวานไม่ชอบเอ็นนะ ไม่ชอบออรัลให้ผู้ชายเลย แต่ถ้าผู้หญิงด้วยกันขอให้บอก ฮ่าฮ่า" หวานพูดทีเล่นทีจริง ขณะที่เหมียวเองเริ่มมีอารมณ์คล้อยตาม มือเหมียวเองบีบมือหวานโดยไม่ทันรู้ตัว
"ลองป่าวล่ะ ฮ่าฮ่า" หวานหยั่งเชิง ดูปฏิกิริยาเพื่อนสาว เธอไม่ตอบอะไร แต่ก็จับมือหวานไปด้วยตลอดระหว่างคุย
"เฮ้ย พูดแค่นี้มีอารมณ์หรอ" หวานแกล้งแซวอีก
"บ้าหรอ" เหมียวปฏิเสธทำหน้าเขิน แต่หวานเองสังเกดได้ว่า เหมียวเริ่มตื่นเต้นเพราะมือของเพื่อนสาวมีเหงื่อมากขึ้น หวานเลยแกล้งเลื่อนมือไปบางบนหน้าขาเหมียวเหมือนไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเหมียวเองไม่ได้ว่าอะไร เมื่อหวานเห็นเหมียวไม่ว่าอะไร ระหว่างคุยกัน เธอจึงลองลูบขาเหมียวขึ้นลงเบาๆ จนทำให้เหมียวรู้สึกวูบวาบ จนต้องเอามือตัวเองมาจับมือหวานไว้ไม่ให้ลูบสูงขึ้นไปกว่านี้
"เตงอย่า เดี๋ยวคนเห็น" เหมียวตอบสนองรับรู้ว่าหวานกำลังทำอะไรกับตนเอง แต่ไม่ยังกระดากอายกลัวคนรอบข้างสังเกตได้ หวานเองรู้แล้วว่า เหมียวเริ่มตอบสนองแล้ว เลยเปลี่ยนมาโอบเอวเพื่อนสาว แล้วแกล้งหอมทีเล่นทีจริงบ้าง
"ไหนดูสิว่า เหมียวมีแววเลสได้หรือเปล่า" ว่าแล้วหวานหอมแก้มทันที จนทำให้เพื่อนสาวเขินหนักกว่าเก่า เหมียวรู้สึกขนลุกแต่กลัวว่าจะเลยเถิดไป เลยขอตัวไปห้องน้ำ ซึ่งหวานขอตามไปส่งด้วย เมื่อทำธุระส่วนตัวกันแล้ว ตอนเดินออกมาแถวทางเดินไม่มีใคร หวานจึงสะกิดให้เหมียวหันมาเหมือนอยากคุยอะไรได้ แล้วด้วยอารมณ์คุกรุ่น หวานกอคอเหมียวแล้วโน้มมาจูบ จนเหมียวผงะไปเล็กน้อย
"เตงทำไรอ่ะ" เหมียวทำคิวย่นแกล้งไม่พอใจทั้งที่เธอก็อยากรู้ยิ่งนัก แต่ก็ไม่ถึงกับสะบัดตัวหนี "ลองจูบดูนะเตงจะได้รู้ว่าเลสรู้สึกไง"
หนนี้เหมียวไม่ปฏิเสธ หวานค่อยละเลียดสัมผัสที่ริมฝีปากเหมียวช้าๆ ในท่ายืน เหมียวรู้สึกขนลุกซู่ แล้วเหมือนตัวเบาไปหมด นี่คือจูบแรกกับผู้หญิงดัวยกันหนแรกในชีวิต ผสมทกับที่ความต้องการเธอเริ่มปะทุอยู่แล้วด้วย ตอนแรกแค่แตะปากกันเฉยๆ แต่สักพักเหมียวเริ่มประกบปากจูบตอบ เธอรู้สึกสยิวและล่องลอยไปหมด มันเป็นความรู้สึกซาบซ่านแผ่ไปทั้งตัว
เมื่อทั้งสองเดินไปที่โต๊ะ บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป คำพูดน้อยลง เปลี่ยนเป็นความปรารถนามากขึ้น เหมียวปล่อยให้หวานลูบขาของตนไปมา จนกระโปรงเลิกขึ้นมาเกือบเห็นชั้นใน เหมียวพยายามหยิบเอาขอบกระโปรงลง แต่มือของหวานยังคงทำงานอยู่ภายใต้กระโปรงนั้น พร้อมๆกับเหมียวเริ่มรู้สึกเคลิ้มหลับตาพิงไหล่ของหวานไปด้วย เธอขบริมฝีปากตัวเองเป็นระยะเพราะสิ่งที่หวานกำลังทำให้
"เหมียว ตัวไปต่อห้องเค้านะ" หวานกระซิบ แม้ว่าเหมียวไม่ได้ตอบอะไร แต่หวานรู้ดีว่าเธอยินยอมโดยดีในค่ำคืนนี้
.....
เมื่อเช็คบิลจ่ายเงินเสร็จ หวานเรียกแท็กซี่พาเหมียวไปยังห้องพักของตน ซึ่งอยู่ห่างจากบริษัทที่ทำงานราวครึ่งชม. ทั้งสองคนนั่งเบาะหลัง โดยหวานจับมือของเหมียวไปด้วยตลอดทาง แต่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เพราะเป้าหมายปลายทางคือห้องนอนของหวานนั่นเอง ทั้งสองคนรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
เมื่อเปิดประตุเข้ามาห้องนอน หวานไม่รอช้าปิดกลอน แล้วรีบระดมจูบใส่เหมียวทันที โดยมิได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่ เหมียวจูบตอบทุกจังหวะรุกเร้า หวานค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเหมียวออก วินาทีนี้ เหมียวไม่ได้สนใจแล้วว่าคู่นอนเธอจะเป็นเพื่อน จะเป็นหญิงหรือชาย อารมณ์เธอเรียกร้องต้องการไปถึงจุดหมายเหลือเกิน
หวานถอดเสื้อเชิ้ตรัดรูปแบบผู้หญิงของเหมียวออก เผยให้เห็นยกทรงสีขาว สิ่งที่เหมียวไม่อยากเชื่อสายตาคือ หวานเลื่อนหน้าลงไปที่อกของเธอ แล้วเริ่มขบริมฝีปากที่เนินอกเบาๆ อีกมือข้างหนึ่งคลึงหน้าอกเหมียวไปด้วย ทำให้เหมียวถึงกับอ้าปากข้างก้มมองสิ่งที่หวานทำกับตนเอง แต่เธอหมดแรงขัดขืนปฏิเสธใดๆ
"อาส์" เหมียวเผลอครางออกมาเพราะความเสียวซ่าน เมื่อหวานไล้ปากเลียเนินอกจนไปถึงฐานนมซึ่งเป็นจุดเสียวของผู้หญิง หวานรู้แล้วว่าความต้องการของเพื่อนสาวเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เธอเอื้อมมือไปปลดตะขอบราขนาด 34 ซีอออก แล้วก้มลงเลียบริเวณหัวนมด้านซ้ายของหวาน ขณะที่มืออีกข้างคลึงไปรอบๆนมอีกด้านของเหมียวในลักษะยืนด้วยกันทั้งคู่ เหมียวแหวนหน้าขึ้น ไม่กล้ามองสิ่งที่หวานกำลังทำให้ เธอซีดปาก และพยายามอั้นความรู้สึกไว้ ไม่ให้เผลอครางออกมา
กระนั้นก็ตาม ความช่ำชองของหวาน เธอใช้ลิ้นตวัดเนินอกอีกข้างของเหมียวแล้วสลับมือไปคลึงหน้าอีกข้าง สักพักใหญ่ หวานเลื่อนมือขวาลงไปใต้กระโปรงเหมียวแล้วค่อยๆลูบมือขึ้นมาจนถึงเนินสำคัญ กระโปรงเธอถูกเลิกขึ้นจนเห็นชั้นในสีดำมีลูกไม้เล็กๆชัดเจน เหมียวก้มหน้าลงมาดูอีกครั้งว่าหวานทำอะไรกับตรงนั้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว หวานลูบนิ้วผ่านร่องสำคัญแม้ว่าเป็นภายนอกชั้นใน แต่ทำให้เหมียวทนไม่ไหวถึงกับขาอ่อนเกือบทรุดลงกับพื้น จนหวานต้องเอื้อมืสองมือมาประครองทีเอวไว้
เหมียวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหวานด้วยสายตาปรือ เวลานี้เธอต้องการสิ่งที่หวานกำลังมอบให้เหลือเกิน เหมียวหายใจเร็วและรัวหนัก หวานกลัวอารมณ์ขาดตอนไป เธอหันมาประกบปากเหมียวอีกครั้งระหว่างจูงมือเพื่อนสาวไปบนเตียงนอน
บทเรียนบทแรกของเลสที่หวานมอบให้เหมียวในคืนนี้ยาวนานและหลายครั้ง และเมื่อมีครั้งแรก ย่อมมีหนที่สองและสามตามมา จนทั้งคู่กลายเป็นคู่เลสยาวนานหลายเดือน แน่นอนว่า เมื่อคนเรามีอะไรกัน ย่อมมีความผูกพันธ์กันบ้าง บนหน้าเฟซ เหมียวมักคอมเมนท์เหมือนแฟน หยอกล้อกันบ่อยๆ แต่ทั้งสองรู้กันในใจว่า มันเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ด้านอารมณ์เท่านั้น มิได้ต้องการครองรัก ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะคู่รักแต่ประการใด
มีเลสไม่น้อยชอบความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด การได้เชยชมเรื่อนร่างของผู้หญิงคนใหม่อยู่เสมอ คือความสุขและความตื่นเต้นอย่างหนึ่งของกลุ่มเลสที่ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ ซึ่งก็แน่นอนว่า ต้องถามข้อมูล รายละเอียดส่วนตัวกันมาก่อน เพื่อความปลอดภัย บ้างเป็นเลสไบ แต่อยากมีอะไรกับเลสแบบไม่ผูกพันก็มี หรือเลสแท้ ที่มีความต้องการสูง อยากมีอะไรกับผู้หญิงสวยๆด้วยกันก็เยอะ
หนหนึ่ง หวานนัดพบกับเลสไม่ผูกมัดอีกคนชื่อ "แคท" เธอทำงานอยู่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ภายหลังจากคุยในเฟซและไลน์กันได้ราวสองสัปดาห์ หวานกับแคทนัดกันกินข้าวและเปิดห้องในโรงแรมด้วยกันแถวย่านรัชดาภิเษก
เช่นเดียวกันเลสทั่วๆไปที่มักรู้จักผ่านทางโลกออนไลน์ในสมัยนี้
"สวัสดีค่ะ เค้าชือแเคทจ้ะ เลสนะ เตงเลสหรือเปล่าคะ" แคทถาม
"ดีค่ะ เค้าหวานค่ะ เลสทูจ้ะ"
แคทเองค่อยๆพยายามถามอย่างระมัดระวังว่า หวานเป็นเลสแบบไม่ผูกมัดหรือไม่ เพราะเลสส่วนใหญ่ มิใช่แนวนี้ หากยิงคำถามเร็วไป นัดเร็วไป อาจโดนมองว่าหื่นแล้วเอาไปโพสต์ด้าหน้าเฟซได้ ซึ่งแคทเองเคยโดนแบบนั้นมาแล้ว
"มีแฟนอยู่หรือเปล่าคะ ถามได้ไหม" แคทค่อยๆตะล่อมๆคุย
"ตอนนี้โสดคะ" หวานตอบ "แล้วเตงล่ะคะ"
"ก็มีคุยบ้าง แต่ไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตน" แคทบอก "แต่บางคนก็แค่มีอะไร แต่ไมได้คบกันนะ"
"อ๋อ แบบไม่ผูกมัดหรอ" หวานเหมือนจับทางได้ว่า แคทมีจุดประสงค์อยากหาคู่นอนแบบชั่วครั้งชั่วคราว
"ค่ะ แล้วเตงแบบมาจีบมาคบ พอได้เราแล้วเงียบหายเลยไหม" แคทพยายามตีวงคำถามเข้าสู่จุดศูนย์กลาง
"มีเหมือนกัน คนเรามันไม่แน่นอน คนที่คิดว่าใช่พูดหวาน ท้ายสุดแค่อยากมีไรกับเราไง"
คำตอบของหวานทำให้แคทรับรู้ว่า เคยคบแบบไม่ผูกมัดเหมือนกัน ก่อนเธอพยายามหาวิธีชวนต่อ
"ไว้คุยสนิทๆกัน ไปเที่ยวกันไหม" แคทชวน
"ได้สิ เตงก็น่ารักน่าเดินด้วยนะ" หวานตอบรับ "เที่ยวอย่างเดียวนะ ห้ามทำอย่างอื่น"
"อ๋อไม่ทำหรอก" แคทรีบออกตัว
"เค้าอำเตงเล่น กลัวทำแล้ว หวานจะติดใจไง"
แคทถอนหายใจโล่งอก "เค้าเองก็เคยไม่ผูกมัด คุยมาตรงๆได้ แต่ถ้าจะนัดกันจริง เค้าขอเวลาศึกษาเตงสักพักนะแล้วจะให้เจอ"
"โอเคจ้ะคนสวย"
แน่นอนว่า ไม่นานนัก ทั้งคู่นัดกันแล้วมีความสัมพันธ์กันแบบชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้ผูกมัดหรือมีความรักต่อกัน เลสแบบไม่ผูกมัดจริงๆแล้วก็มีพอสมควร แต่บางครั้งเมื่อมีอะไรกัน กลับเกิดความชอบหรือความรักกันก็มี
ประการสำคัญคือ ก่อนจะนัดเพื่อมีอะไรกัน แต่ละคนควรถามข้อมูล คุยกันแบบตรงไปตรงมาถึงความต้องการของอีกฝ่าย ข้อมูลของอีกฝ่ายว่าเคยมีอะไรกับแฟนชายอยู่หรือไม่ มีแล้วป้องกันอะไรหรือเปล่า ประเภทนี้ค่อนข้างเสี่ยงไป ปัญหาคือเลสไม่ผูกมัด เวลาต้องการมีอะไรกับใคร มักไม่บอกว่าตัวเองเลสไบ หรือมีความสัมพันธ์กับเลสคนอื่นๆถี่มากน้อยแค่ไหน ต่อให้เป็นผู้หญิงกับผู้หญิง หากไม่ระวังและมีอะไรกันง่ายเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดโรคไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน
เล่นเดียวกับ "น้ำ" คนล่าสุดที่หวานพามาเที่ยวงานเลสด้วยกัน ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม เป็นการสร้างความสมพันธ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักมาก่อน
เลสแบไม่ผูกมัด คือโลกของความเป็นจริงอย่างหนึ่งในสังคมเลสเบี้ยน มันมีอยู่จริงๆ บางทีอาจเป็นคนข้างๆกายเราก็ได้ใครจะไปรู้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)