วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทอมกลับใจ

      เปิดเทอมใหม่ ฉันขึ้นสู่ปีสาม และเริ่มไปทำงานเป็นแดนเซอร์ที่ผับพี่อร ซึ่งแรกๆยอมรับว่าเขินและอายมากที่ต้องโชว์สัดส่วนต่อหน้าผู้คนมากมาย แม้ว่าใส่บินี่ไว้ก็ตาม ยังดีที่มีพี่อรและพี่วิวช่วยสอนเต้น และตั้งสมาธิกับงานที่ทำ ทำให้ฉันค่อยๆชินขึ้น แต่เรื่องเรียนก็ไม่เคยทิ้ง เพราะเมื่อขึ้นสู่ปีสามจะเรียนแต่วิชาเพาะทาง และฉันเลือกตัวที่เรียนตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งขึ้นไปเป็นหลัก ไม่มีเรียนเช้าเลย
    เพื่อนรูมเมทใหม่เป็นรุ่นน้อง แต่อายุเราใกล้เคียงกัน เพราะ "แพร" เรียนที่อื่นก่อน แล้วเหมือนไม่ถูกโฉลกคณะที่เรียน จึงเลือกมาลงใหม่ ทำให้เรียนช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกันไปหนึ่งปี
   แพร เข้ามาในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง หน้าตาสะอาดสะอ้าน น่ารัก ไว้ผมยาวแสกกลาง โดยรวมผมเป็นหางม้าไว้ข้างหลัง สูงราว 1.60 เมตร การมาของแพร ทำให้ฉันนึกถึงตอนตัวเองเข้ามาเป็นรูมเมทพี่อรปีแรก ฉันเองปฏิบัติและดูแลแพร เหมือนเช่นพี่อรเคยดูแลฉัน เราสนิทกันค่อนข้างเร็ว แค่เดือนกว่าๆก็คุยอะไรต่อกันมากมาย รวมถึงเรื่องแฟนด้วย แพรเองเป็นพี่วิวมารับฉันบ่อยๆ จึงรับรู้ได้ว่า ฉันกับพี่วิวเป็นแฟนกัน ซึ่งแพรเองก็บอกว่า เธอเป็นเลสเหมือนกัน ทว่าพอเราสนิทกันมากๆ จึงรู้ว่า แท้จริงแล้ว แพรเคยเป็นทอมมาก่อน คืออะไรที่ตรงข้ามกับบุคลิกปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเธอโชว์รูปเก่าๆสมัยเป็นทอมมาให้ดูวึ่งไว้ผมสั้น และแต่งตัวเหมือนผู้ชาย
    "ความจริงแล้ว แพรเคยคบแฟนผู้ชายมาก่อนด้วยซ้ำคะพี่นา" เราคุยกันในเย็นวันหนึ่ง แม้ว่าเราอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่แพรเรียกฉันว่าพี่เสมอ
    "แต่แพรไม่ได้มีไรกับแฟนชายนะ" แพรเริ่มเล่าเรืองราวของตนเอง ตอนนั้นแพรอายุ 18 ปี เป็นผู้หญิงธรรมดานี่แหละ ซึ่งก็มีผู้ชายมาจีบบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
   หนึ่งในหนุ่มๆที่มาเกี้ยวพาราสีบ่อยเป็นพิเศษคือ "พัฒน์" ซึ่งเรียนในวิทยาลัยอาชีวศึกษาด้วยกัน แพรเรียนด้านบริหารธุรกิจเหมือนกัน ซึ่งตามปกติแล้ว วิทยาลัยมักมีผู้ชายเรียนน้อยกว่าผู้หญิงมากเป็นเรื่องธรรมดา ราวผู้หญิง 90% และผู้ชายแค่ 10% เท่านั้น
  ปีแรก ทุกคนยังเหมือนเพื่อนๆกันธรรมดา แต่เมื่อเข้าสู่ปวช.ปีสอง พัฒน์ดูให้ความสนใจในตัวแพรมากขึ้น และเปลี่ยนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆสาวที่ตนเองชอบบ่อยๆ เพื่อความใกล้ชิด บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มแกล้งหยอกล้อ หรือมักชวนคุยถามเรื่องเรียน การบ้านอะไรบ่อยๆ จนกระทั่งใกล้ปิดเทอมแรก ความที่พัฒน์กลัวว่าช่วงปิดเทอมจะไม่ได้เจอกันนานเป็นเดือน จึงเอ่ยปากชวนแพรไปทานข้าว และขอให้ช่วยติวหนังสือด้วย
 แพรมีทั้งเพื่อนหญิงเพื่อนชาย เธอมักไปไหนมาไหนกับเพื่อนหญิงด้วยกันในวันหยุดมากกว่า แต่เมื่อย่างเข้าสู่ปวช.ปีสาม อันเป็นปีสุดท้ายก่อนจบ แพร์เริ่มถามหาความรักมากขึ้น ตามประสาฮอร์โมนเพศที่เพิ่มพูน เธอตอบตกลงไปรับไปเป็นเพื่อนซื้อของ ดูหนัง กับพัฒน์บ่อยขึ้น จากเดิมทีมักไปกับเพื่อนเป็นกลุ่มๆทั้งชายและหญิง
   เสมือนแพรตอบรับการเป็นแฟนกับพัฒน์ที่ยอมไปเที่ยวไหนด้วยกันลำพังเพียงสองคน ทว่า ทั้งสองคนยังไม่มีสัมพันธ์อะไรเกินเลยนอกจากการจับมือกันเท่านั้น
  เมื่อเรียนจบ ทั้งสองคนต่างไปเรียนคนละมหาวิทยาลัย ในโลกใหม่ การเปิดกว้างเรื่องคบหาแฟนมีมากขึ้น พัฒน์ยังคงพยายามติดต่อแพรอย่างสม่ำเสมอ แต่แพรเองได้อยู่ในมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยผู้หญิงมากกว่าชายเราว 10 ต่อหนึ่ง ทำให้เธอได้เข้าสังคมมีเพื่อนเป็นทอมดี้หลายคน ความสนิทสนม พูดจาภาษาเดียวกัน ไปไหนมาไหนในกลุ่มด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะติวหนังสือ กินนอนเที่ยว ทำให้ทัศนคติของแพรเปลี่ยนไป เมื่อเห็นทอมเดินควงกับดี้อยู่เสมอๆ แพรอยากมีเพื่อนหญิงที่สนิทแบบเดียวกัน จึงตัดสินใจเปลี่ยนมาตัดผมสั้นหน้าม้า แต่ยังไม่กล้าไว้ขนาดรองทรง แต่งตัวออกแนวทอมมากขึ้นโดยกระโปรงที่ใส่เลยเข่ามาเล็กน้อย ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว เสื้ือนักศึกตัวใหญ่เล็กน้อย เพื่อไม่ให้เห็นหน้าอกพูนออกมา ตรงกันข้ามกับดี้หรือผู้หญิงในวัยเดียวกันที่มักใส่เสื้อนักศึกษารัดรูป กระโปรงสั้นแบบเข้ารูปหรือกระโปรงพีซ
   การเปลี่ยนสไตล์ของแพรตั้งแต่ช่วงต้นเทอม ทำให้เพื่อนๆรับรู้ว่าแพรเป็นทอม ซึ่งก็มีไม่น้อยที่ตอนเรียนระดับมัธยมปลายหรือปวช. จะแต่งตัวแบบผู้หญิงธรรมดา แต่พอเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่มีอิสระมากขึ้น เด็กสาวที่ีเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มักแสดงออกด้านเพศอย่างชัดเจนเป็นทอม ดี้ หรือเลส กัน
    เมื่อแพรเปิดตัวเป็นทอมชัดเจน และเปลี่ยนเป็นชื่อ "แพท" ทำให้ดูกระฉับกระเฉง แมนหน่อย จากนั้นเริ่มมีดี้หลายคนมาติดพันมากขึ้น ทั้งเฟซ ข้อความและไลน์มาจีบ ตอนเธอเป็นผู้หญิงจัดเป็นคนหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว เมื่อทำผมแบบทอม เลยทำให้กลายเป็น "ทอมหล่อ" ไปโดยปริยาย บางทีแพรก็แอบใส่แว่นกันแดดให้ดูทะมัดแมง แมนยิ่งขึ้นด้วย นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของแพร (แพทป กับพัฒน์เริ่มเจือจางลงไป เพราะระยะหลังแพรตอบข้อความน้อยลง คุยน้อยลง และแทบไม่ได้เจอกันอีกเลย
   มีเพื่อนดี้เข้ามาสนิทกับแพท และกลุ่มเพื่อนทอมมากมายทั้งห้องเดียวกันและต่างคณะ จนเธอรู้สึกแปลกกับโลกใบนี้ ซึ่งในแท้จริงแล้ว มีการเปิดตัวกันอย่างชัดเจน แพทค่อยๆเรียนรู้จากเพื่อนทอมที่ไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มๆ หรือบางทีไปเที่ยวครั้งละสองคู่ เธอสังเกตเพื่อนทอมเวลาเอาใจแฟน หรือปฏิบัติต่อแฟนในแบบต่างๆ รวมกระทั่งโอบกอด หอม จูบ ลักษณะการพูด
  ดี้น่ารัก หรือบางถึงขั้นสวยทีเดียวมาทักในเฟซแพทถึง 2-3 คน ซึ่งบางคนก็เคยป็นแฟนกับทอมในกลุ่มเดียวกัน ทำให้แพทไม่กล้ายุ่ง แพทยอมรับเป็นเพื่อนไปเที่ยวกับดี้บ่อยครั้ง ซึ่งเธอยังมองในลักษณะเพื่อนนกันมากกว่า จะมีหอมกอดจูบบ้างก้แค่บางคนเท่านั้นที่เหมือนจูนเครื่องตรงกัน
   ช่วงปลายปีหนึ่ง แพทเมื่อเริ่มชอบเพื่อนที่เป็น "ดี้" คนหนึ่งแบบจริงจังชื่อ "แก้ว" เธอมักเอาใจแพรเป็นพิเศษ การพูดคุยน่ารัก อ่อนหวาน ทะเล้น รอยยิ้มมีเขี้่ยวเล็กน้อย ทำให้แพรเริ่มหลงรัก ทั้งสองคนปฏิบัติต่อกันเป็นอย่างดี ทั้งเอาใจใส่กัน ดูแลกันยามเจ็บป่วย พาไปหาหมอ มิใช่เฉพาะยามเที่ยวกันด้วยอย่างมีความสุข
   ด้วยความน่ารักของเธอชนิดน่าจะรับงานพริตตี้ได้แบบสบายๆ แก้วจึงมีทอม เลสมาจีบเยอะทีเดียว ยังไม่รวมผู้ชายอีกนับไม่ถ้วน ทำให้แพทเร่ิ่มหวงและหลงรักในตัวแก้วมากขึ้นไปอีก เธออยากมีอะไรกับแก้วแบบที่ทอมกับดี้มีกัน ซึ่งแพทเองก็ไม่เคยมาก่อน ได้แค่ดูคลิป หรืออ่านบทความในบล็อก เว็บต่างๆว่าเขาทำกันอย่างไร
   แพทรับรู้ว่า ปกติแล้วเวลาความสัมพันธ์กับดี้ ทอมจะเป็นฝ่ายรุก หรือพูดง่ายๆคือ "ทำให้" อย่างเดียว ดี้จะเป็นฝ่ายรับและทอมโดยทั่วไปแล้ว มักไม่ยอมให้ดี้ทำกลับ จะมีบ้างที่ทอมนั้น ขึ้นบนหรือฉิ่งให้คล้ายกับเลส เพราะทอมก็คือผู้หญิง เมื่อถึงเวลาแบบนั้น บางทีธรรมชาติก็เรียกร้องให้ทำโดยที่เธอไม่อาจอดกลั้นยังใจไว้ได้
    หลังจากคบกันในฐานะแฟนได้ราวสองเดือน แพทกับแก้วก็มีอะไรกัน โดยฝ่ายดี้ มิได้ปฏิเสธความต้องการของแพทเลย เมื่อเธอเอ่ยปากขอให้ฝ่ายหญิงเป็นของเธอทั้งกายและใจ
    ภายหลังสอบเทอมสองเสร็จ มหาวิทยาลัยปิดเทอม แพทกับแก้วกลับบ้านจังหวัด โดยทั้งสองคนตกลงปลงใจไปเช่าคอนโดมีิเนียมดียวกันอยู่ เพื่อไม่ต้องไปๆมาๆกันอีก แน่นอน ความรักที่แพทปรนเปรอให้แก้ว เปี่ยมล้นเฉกเช่นทอมให้กับดี้ทั่วไป แพททุ่มเทหัวใจให้แก้วสุดตัว และหวงสุดชีวิต เพราะมักมักทอม เลส และผู้ชายมาจีบแก้วไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งข้อความในเฟซ และโทรศัพท์ จนทำให้เกิดปากเสียงทะเลาะกันบ้างตามประชาชีวิตคู่ ก่อนที่แพทเป็นฝ่ายง้อเสมอ เหมือนเช่นสุดสัปดาห์แรกของเทอมใหม่ ซึ่งเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วมีข้อความเข้าไปหาในเพซของแก้วเยอะมาก
   "แก้วจ๋า แก้วอย่ามีใครนอกจากแพทนะ" แพทอ้อนแฟนสาว "แพทเห็นคนจีบตัวเองเยอะมาก แพทหวงนะ"
  "ที่รักอย่าคิดมากสิ แค่มาจีบ แก้วไม่เล่นด้วย ใครจะทำอะไรได้ แก้วรักแพทคนเดียวนะจ๊ะ" สาวดี้ตอบ
   "ไม่เชื่อเตงมาอ่านข้อความแก้วได้" แก้วยื่นโน้คบุคให้แพทดู "ที่รักอ่านดูได้เลยว่า แก้วเล่นด้วยกับคนไหนที่ไหนกัน ว่าแต่แพทนั่นแหละ ดี้มาจีบตัวเองเยอะมาก จะเปล่ี่ยนใจหรือเปล่า"
   "บ้าหรอ เค้าไม่สนใครหรอก เค้ารักแก้วคนเดียว"
   ระยะเวลาผ่านไปหลายเดือน แพทเริ่มชินกับข้อความมาจีบแฟนสาวของตน จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ กระทั่งเข้าสู่เทอมสอง แพทเริ่มสังเกตถึงความปกติที่แก้วมักแอบโทรศัพท์กับใครบางคนบ่อยๆ เหมือนแอบคุยกัน บ่อยครั้งที่แพทไปเรียนแล้ว แก้วกลับไม่ยอมไปเรียนด้วย โดยบอกว่าปวดหัว หรือมีเรียนบ่ายอะไรบ่อยๆ
    ด้วยความหึงหวงของแพท และแก้วบ่ายเบี่ยงปฏิเสธมาตลอด ไม่ยอมรับว่าคบคนอื่นอยู่ มีอยู่วันหนึ่ง แพทจึงแกล้งทำทีออกไปเรียนตามปกติ โดยที่แก้วยังคงอยู่ที่หอเหมือนเดิม แพทนั่งรถเมล์ออกไปตามปกติ แต่เธอนั่งไปแค่สองสามป้ายก่อนลงแถวตลาด พอกินข้าวเสร้จแล้วจึงนั่งมอเตอร์ไซค์ย้อนกลับมานั่งซุ่มดูที่ร้านกาแฟใกล้คอนโดมีเนียมของตน ใช้เวลาออกจากคอนโดไปกลับราวสองชั่วโมง
   แพทเดินกลับขึ้นไปบนคอนโดฯ ชั้น 5 และเคาะประตูให้แก้วมาเปิด โดยแพทยไม่ได้ส่งเสียงบอกใดๆวา่เป็นเธอ
 ทันทีเมื่อแก้วมาเปิดประตูแง้มออกมาเล็กน้อย แพทผลักประตูเข้าไปทันทีจนเกือบชนหน้าแก้ว และภาพที่ทำให้เธอแพทถึงกับน้ำตาคลอเบ้า กำมือสั่น และแทบหมดแรงทรุดลงไปนอนกับพื้น
 แก้วอยู่ในชุดเพียงผ้าขนหนูห่อตัว และมีคนอยู่ในห้องด้วยหนึ่งคน ที่สำคัญคือเป็น "ผู้ชาย" ซึ่งนอนถอดเสื้ออยู่บนที่นอนโดยมีผ้าห่มคลุมไว้ครึ่งตัว
   "แก้ว" แพทตะโกนสุดเสียง ขณะที่ แก้วเองพูดไม่ออก เพราะเธอไม่รู้จะพูดแก้ตัวใดๆอีก ส่วนผู้ชายก็์รีบลุกจากเตียงไปใส่เสื้อผ้า
  "ทำไมถึงทำแบบนี้ กูรักมึงคนเดียว ทำไมทำกับกูแบบนี้" แพทตวาดสุดเสียง มือเกร็งไปหมด เธอทำอะไรไม่ถูก "มึงเอากับมันมากี่หนแล้ว" แพทแผดเสียงเต็มลำคอ มันคือวูบหนึ่งในความคิดจากเสัี้ยวหนึ่งที่สมองเธอคิดได้
    แก้วได้แต่นิ่งเงียบ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่ฝ่ายชายยังยืนเก้ๆกังๆไม่รู้จะทำอย่างไร ในอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้ หากแพทมีปืน ผู้ชายคนนั้นคงถูกยิงไปแล้ว มันความคิดวูบหนึ่งของแพท
   "แก้วขอโทษ แก้วโขอโทษ" แก้วได้แต่ยกมือไหว้และพูดคำเดิมซ้ำๆ
   สติของแพทเหมือนหลุดออกไปนอกโลก ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป แพทช็อคสุดขั้วและน้ำตาค่อยๆไหลพราก เธอเดินถอยหลังออกมาจากห้อง และดึงประตูปิดสุดแรงเกิด
  "ปั้ง" เสียงดังราวกับกระสุนปืน ทำให้แก้วและชู้ชายในห้องถึงกับผงะ
  แพท เดินอย่างช้าๆเหมือนคนหมดแรงออกจากคอนโดฯ โดยไม่รู้จะไปไหนต่อ วูบหนึ่งอยากวิ่งออกไปให้รถชน แต่เขายังพอมีสติอันน้อยนิดคิดถึงครอบครัวที่ตั้งความหวังไว้ข้างหลัง เธออยากมีใครสักคนระบายในเวลานี้ แพทหยิบโทรศัพท์หาเพื่อนทอมชื่อ "ต้อม" ที่สนิทกันในกลุ่ม และเคยมาจีบเธอตอนปีหนึ่งตอนที่ต้อมคิดว่าแพทเป็นดี้
  "ต้อม นายอยู่ห้องไหม แพทอยากไปหา" เสียงของแพทสั่นเครือ แม้ว่าเธอพยายามห้ามความรู้สึก ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่ากำลังร้องไห้ก็ตาม
   "แพท แกเป็นอะไร" ต้อมถาม
   "แก้วแม่งมีชุ้ มันนอนกับผู้ชายในห้องกู" แพทพูดออกไปตามภาพบาดใจที่เห็น "กูไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆตอนนี้ ไม่รู้จะไปไหน กูทำไงดี"
  "มึงใจเย้นๆนะ แพท มึงอยู่ไหน เดี่ยวกูไปหา" ต้อมถามอย่างเป็นห่วง กลัวเพื่อนคิดสั้น
  "กูอยู่ในห้องน้ำบิ๊กซี" แพทบอก "มึงมารับกูหน่อย ก็ขอไปอยู่กับมึงสักพักได้ไหม"
  "รอแป๊บนะ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงกูไปหา อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยเถิดนะ รอกูไปหาก่อน กูรักมึงนะเพื่อน" ต้อมไม่รอช้า รีบขับรถวีออส สีแดงไปรับเพื่อนทันทีที่บิ๊กซี เมื่อเห็นสีหน้าแพทที่ขอบตายังแดงก่ำ เลยรีบเข้าไปถาม
   "เฮ้ย เป็นอะไรวะ ปกติแกไม่เคยเห็นแบบนี้นี่" ต้อมร่ีบถามเป็นการใหญ่
        "แก้วมันมีชู้ มันพาผู้ชายมานอนในห้องกู" แพทกำลังเริ่มเล่า แต่ต้อมเห็นว่า ให้พูดต่ออีกประโยค คงได้ต่  บนรถยอดกลับสู่ห้องพักของแก้ว เต็มไปด้วยความเงียบ แก้วโอบไหล่แพทด้วยความเห็นใจในตัวเพื่อน ไม่ว่าใครก็ต้องพานความเจ็บปวดเรื่องความรักมาด้วยกันทั้งนั้น และแก้วเองรู้สึกเห็นใจเพื่อนเหลือเกิน
   เมื่อถึงห้องพัก ต้อมแนะนำให้แพทไปอาบน้ำก่อน เสื้อผ้านั้นใส่ชุดลำลองของต้อมได้ เพราะตัวสูงใกล้เคียงกัน แล้วแพทไม่ได้หยิบเสื้อผ้าอะไรจากคอนโดเดิมมาสักตัว จากนั้นต้อมหาน้ำมาให้ดื่ม เรียกพอเห็นแพทได้สติมากขึ้นจึงค่อยชวนคุย
    "เรื่องเป็นมายังไงแพท" ต้อมถาม
    แพทเริ่มหายช็อค ค่อยๆทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "มันเป็นแฟนคนแรกของแพทนะ เค้าไม่เคยคิดเลยว่า มันจะทำอย่างนี้ได้ ตอนแรกมีคนมาจีบเยอะในเฟซ ไลน์ โทรศัพท์ แพทไม่ได้สงสัยเลยนะ แต่ระยะหลังเห็นแก้วมันแปลกๆไป ชวนไปไหนไม่ค่อยยอมไป เหมือนนัดคนอื่นไว้"
    "ใจเย็นๆนะ แพทต้องมีสตินะ" ต้อมตบไหล่แพทเบาๆ
    "ฉันช็อคมาก มือกำแน่น เกร็งจนทำอะไรไม่ถูก อยากวิ่งไปให้รถชนตายเลยตอนนั้น" แพทสารภาพอย่างหมดใจว่า ช่วงวินาทีนั้นขาดสติจริงๆ
   "เหมือนโลกหมุนติ้วไปหมด ฉันไม่เคยมีคนอื่นเลยนะ วันทั้งวันอยู่แต่กับแก้ว พอเจอเหตุการณ์นี้เหมือนโลกดับวูบมึนตื้อ" แพทเริ่มน้ำตาคลอ และเอาสองมือกุมหน้าไว้
    "ดีแล้วที่แกโทร.หาฉัน" ต้อมพยายามชวนคุย "ยังไงเสีย แพทพักกับต้อมไปก่อนได้นะ อยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ไม่ต้องห่วง"
    "ขอบใจแกมากนะ ถ้าวันนี้ไม่มีแก ฉันคงแย่" แพทเอื้อมมื้อมาจับมือเพื่อน เป็นการขอบคุณ
    "ฉันจะทำยังไงต่อไปดี" แพทยังพูดพร้อมกับน้ำตาไหลเอ่อนองแก้ม "ฉันทำใจไมได้จริงๆ"
    "ค่อยๆคิดไปนะแพท เหนือสิ่งอื่นใด แกยังต้องเรียนให้จบนะ ต้องเริ่มต้นใหม่ให้ได้" ต้อมพยายามเตือนสติ
    "แต่ฉันต้องเจอหน้ามันที่มหาวิทยาลัยเกือบทุกวันเลยนะ ฉันคงนึกถึงภาพเลวร้ายนั้น และคงเจ็บทุกวันแน่ๆ" แพทยังวนเวียนอยู่กับเรื่องแก้ว
   "คนเราต้องเจอเรื่องแบบนี้กันทุกคน ต้องมีผิดหวัง ฉันก็เคยเจอ แฟนเก่าฉันมันนอนกับทอมอีกคน" ต้อมเผยใจ
   "แล้วความรักแท้มันมีเปล่าวะ ต้อม เราดีกับมันขนาดนี้ มันยังทำกับเราอย่างไม่น่าเชื่อ" แพทยังคงงงงันกับภาพที่เกิดขึ้น
   "เราผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้ อีกหน่อยเราจะนิ่งขึ้นโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น" ต้อมจับมือแพทให้กำลังใจ "ต้อมรู้ว่าแพทเสียใจ เตงร้องไห้ได้นะ ร้องไห้เต็มที่ แล้วเมื่อหายแล้ว เตงกลับมาให้ได้นะ"
   มันเป็นคืนที่แพทเราอะไรต่อมิอะไรให้แก้วฟังมากมาย เช่นเดียวกับแก้วที่พยายามเล่าเรื่องตัวเองและเพื่อให้ฟัง เพื่อบอกให้รู้ว่ามิใช่เราคนเดียวที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ มันเป็นบทเรียนครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราต้องก้าวผ่านมันไป ค่ำคืนนั้น แพทร้องไห้อย่างยาวนาน และไม่ได้ไปเรียนถึงสองสามวัน ทำให้ต้อมยอมขาดเรียนสามวัน เพื่ออยู่ให้กำลังใจเพื่อนโดยตลอด จนกระทั่งแพทเริ่มมีอาการดีขึ้น กลับไปเรียนได้ แต่ก็ยังไม่ค่อยคุยกับใครนักเวลาอยู่กับเพื่อนๆ และจะไม่เดินเข้ากลุ่มด้วยหากมีแก้วอยู่ด้วย
   แพทหันไปสนิทกับต้อมมากขึ้น จนใครๆเริ่มคิดว่าคู่นี้เป็น "ทอมเกย์" (ทอมชอบทอมด้วยกัน) ความจริงแล้วต้องจัดเป็นทอมหน้าตาดีคนหนึ่ง มีดี้มาชอบหลายคนเช่นกัน แต่ต้อมไม่ปักใจรักเสียทีเดียว เพราะยังเข็ดกับความรักครั้งเก่าๆอยู่เหมือนกัน
  ทุกครั้งในวันหยุด ต้อมมักจะหาอะไรดื่มกับแพท เล่าสู่กันฟังถึงเรื่องราวต่างๆ ทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันมากขึ้น เมื่อระยะเวลาผ่านไป บาดแผลใจใจแพทเริ่มทุเลาลง และเริ่มรู้สึกดีๆกับต้อมมากขึ้น
  "ต้อม แกมีแฟนอยู่หรือเปล่าตอนนี้" แพทหยั่งเชิง ระหว่างไปนั่งฟังเพลงกันในร้านคันทีแห่งหนึ่ง
   "ถ้าคบแบบเป็นตัวตนยังไม่มีนะ แต่ถ้าพูดคุยก็มีบ้างสองสามคน แต่ต้อมยังไม่ได้ตกลงปลงใจเลือกใครเป็นแฟนหรอ แค่มีเพื่อนเที่ยวอะไรก็พอ ไม่ได้ผูกมัดกับใคร ยังเข็ดๆอยู่" ต้อมตอบอย่างตรงไปตรงมา
    "เราลองคบกันดูไม้ ต้อม แพทเปลี่ยนเป็นดี้ก็ได้" แพทถามแบบไม่ทันคิดอะไร เหมือนสมองแพทตอนนี้ รับรู้แค่เพียงอย่างว่า อยากมีใครสักคนดูแล ไม่สำคัญว่าเพศใด
    "เอางั้นเลยหรอ" ต้อมทำตาโต แต่ในใจเองก็คิดเหมือนกันว่า หากแพทแต่งตัวเป็นดี้ จะน่ารักเพียงใดกันนะ
  "เตงลองแต่งตัวเป็นดี้สิ แล้วเค้าอาจรับพิจาณา ฮ่า ฮ่า" ต้อมพูดทีเล่นทีจริง แต่เหมือนแพทเองก็มีท่าทีผ่อนคลาย ลืมเรืองร้ายๆได้มากขึ้น แม้ว่ายังไม่หมดจากใจเสียทีเดียว
   "เดี๋ยวจะลองดูนะ ฉันไม่เคยแต่งหญิงเหมือนกันว่า จะตลกหรือเปล่าไม่รู้"
  ทั้งสองคนดื่มกันไปคุยกันอย่างสนุกสนาน บางทีก็พูดเรื่องทะลึ่งตึงตังของต้อมบ้าง ที่จัดว่าบริการดี้ได้เก่งคนหนึ่งทีเดียว เล่าให้แพทฟังหมดคนไหนหน้าอกเล็กใหญ่ ร้องดังแค่ไหน เฮฮากันไป
    ในวันเรียน แพทจะแต่งตัวเหมือนเดิมคล้ายทอม เสื้อนักศึกษายังตัวใหญ่ กระโปรงเลยเข่า และรองเท้าบ้าใบสีขาว แต่ผมเริ่มไว้ยาวขึ้นเรื่อยๆ แต่ในวันหยุดที่ได้ออกไปเที่ยวกับต้อม แพทจะแต่งหญิงมากขึ้นเช่นใส่กระโปรงแบบเข้ารูป เสื้อยืดเน้นหุ่นเล็กน้อย ทาตาด้วยอายชาโดว์ และแต่งหน้าออกเป็นหญิงมากขึ้น ซึ่งแรกๆก็ไปให้ร้านทำผมแถวบ้านช่วงแต่งหน้าให้ ก่อนค่อยๆมาหัดแต่งเอง จนทำให้ต้องทึ่งมากขึ้น เมื่อเห็นแพทแต่งเป็นหญิงเต็มตัว
    "แพท แกเซ็กซี่ว่ะ" ต้อมชมและทำสายตาเยิ้มไปด้วย ระหว่างพาแพทไปดูหนังด้วยกัน วันนั้นแพทใส่กระโปรงพีซสีดำสั้น เผยให้เห็นต้นขาเรียวดูเซ็กซี่เล็กๆ เสื้อยืดสีดำรัดรูปเผยให้เห็นร่องอกเล็กน้อย แต่งหน้าตาแบบผู้หญิงจนต้อมทึ่งไปหลายวินาที
    "จริงดิ" แพทเริ่มคุยเล่นตอบ
    "เดี๋ยวคืนนี้จัดหนักให้" ต้อมพูดเล่นกระเซ้าเย้าแหย่ไป
    "กล้าเปล่าเถอะ ฮ่า ฮ่า" แพทหัวเราะ
     "ไม่ดีกว่า เดี๋ยวคนหาว่าต้อมเป็นทอมเกย์ ฮ่าอ่า" ต้อมหัวเราะไปคุยไป
    "ไม่แล้วล่ะ แพทเป็นดี้แล้วนี่" แพทแย้ง "เออ ว่าแต่ว่า โลกนี้มันมีทอมเปลี่ยนข้างกลายเป็นดี้เยอะไหม ต้อม"
   "ก็คงมีบ้าง บางคนแต่งเป็นหญิงแล้ว จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ" ต้อมให้ทรรศนะ
    "แพทว่า ต้อมแต่งหญิงเผลอๆสวยกว่าฉันอีกนะ" แพทแกล้งแหย่เล่น
   "เฮ้ยบ้า เค้าทอมแท้ๆแน่นอนแก" ต้อมบอก "ไม่เปลี่ยนแน่นอน "ห้ามพูดงี้นะ ทอมคนอื่นได้ยินมีโกรธน่ะ ฮ่าฮ่า"
     "แล้วแพทแต่งเป็นหญิงแล้วโอ กระโดกระเดกไหมนิ" แพทถาม
     ต้อมหันมามองหุ่นและเรียวขาเซ็กซี่ของแพทอีกครั้ง "ไม่เลย สวยมาก นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อน ต้อมขอเป็นแฟนไปแล้ว ฮ่าฮ่า ต้อมพูดเล่นนะ"
     ตกค่ำ ภายหลังดูหนังเสร็จแล้ว ทั้งสองคนไปเที่ยวฟังเพลงในผับแห่งหนึ่ง ในวันนั้น ต้อมมองหน้าแพทบ่อยครั้งที่สวยเป็นพิเศษ จนผ่านไปยามดึก แพทเริ่มเมา และความทรงจำอันเลวร้ายเก่าๆที่ฝังอยู่ในใจลึกๆ เริ่มทำให้แพทอยากทำอะไรบ้าๆแผลงๆอีกครั้ง หลังจากแต่งตัวเป็นหญิง กลายเป็นดี้มาแล้ว
    "ต้อม ฉันทำยังไงก็ลืมเรื่องนั้นไม่ได้วะ ทั้งทีผ่านมาแล้วหลายเดือน" แพทเริ่มคุยแบบเศร้าๆ "จนกว่าฉันจะมีแฟนใหม่ละมัง ซึ่งตอนนี้ฉันก็ไม่รู้จริงๆว่า ต่อไปจะคบดี้หรือทอมอะไรต่อไป"
     "เดี๋ยวแกมีอะไรกับแฟน หรือหญิงคนใหม่แกก็ลืมได้เอง" ต้อมแนะนำไป ในวินาทีนั้น แพทคิดแผลงๆอะไรขึ้นมาฉับพลัน
     "ต้อม ถ้าฉันขออะไรแกอย่าง แกให้ได้ไหม"
     ต้อมทำหน้างงๆคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่ก็บอกเพื่อนไปอย่างไม่ลังเล "ได้สิเพื่อนกันนี่นา"
     "ฉันขอมีอะไรกับแกได้ไหมคืนนี้ ฉันอยากลืมเรื่องนั้นจริงๆ" แพทพูดอย่างตรงไปตรงมา
    ต้อมทำหน้าตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าแพทจะขอในเรื่องแบบนี้ "แล้วแพทคิดว่า มันจะช่วยให้ลืมได้หรอ"
    "ไม่รู้สิ ฉันอยากนอนกับใคร มีอะไรกับใครสักคนให้แมร่งรู้แล้วรู้รอดไปเลย จะ ทอม ดี้เลส ชายอะไรก็ได้" แพทเริ่มเมาแล้วเริ่มยับยังคำพูดไม่อยู่
    "อย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้นสิ แพท" ต้อมพยายามพูดให้แพทเปลี่ยนใจ
    "ต้อม ฉันรู้ว่าแกเป็นทอม แล้วแกชอบดี้ ตอนนี้ฉันเป็นดี้แล้ว แกไม่ชอบฉันจริงๆหรอ" แพทยิงคำถามตรง ซึ่งแพทก็พอเดาออกว่า ต้อมคิดไรกับตนเองอยู่ เพียงแต่ไม่กล้าเปิดใจเท่านั้น
    ต้อมนิ่งและพูดอะไรไม่ออก เพราะสิ่งที่แพทพูดนั้น โดนใจตนเองทุกอย่าง กับดี้ที่ต้อมคบไม่ผูกมัดสองสามคน มันก็เป็นแค่ทางผ่าน หรือไม่ได้จริงจังอะไร แต่กับเพื่อนที่สนิทกันใช้ชีวิตด้วยกันนานหลายเดือนแบบนี้ ความผูกพันย่อมต้องมีบ้างเป็นธรรมดา
    แพทไม่ปล่อยให้ต้อมพูดอีก พอต้อมหันหน้ามา แพทรีบยื่นหน้าเข้าไปแล้วประกบปากจูบทันทีแบบที่เพื่อนทอมไม่ทันตั้งตัว แต่ต้อมเองก็มิได้ปฏิเสธหรือปัดป้อง เพราะในใจนั้น รู้สึกอะไรบางอย่างกับความเซ็กซี่ของแพทเหมือนกัน ขณะที่มือต้อมจับไปที่ต้นขาอันขาวเนียนของแพทและลูบขึ้นลงอย่างช้าๆ
   "คืนนี้ฉันขอนะ" แพทกระซิบข้างหูต้อม ซึ่งเขาไม่เอ่ยปากอันใด แต่การจูบตอบก็ถือว่าเป็นคำตอบตกลงไปในตัวอยู่แล้ว
   มันเป็นคืนที่สองคนจูบกันอย่างดื่มด่ำ และเมื่อกลับถึงหอพักของต้อม ทอมหล่อไล่บดปากขยี้ไปทุกสัดส่วนของแพท จนดี้สาวร้องครวญครางไม่หยุด ต้อมออรัลให้กับแพทอย่างยาวนานจนเธอหลั่งความสุขออกมาหลายครั้ง แต่สิ่งที่แพทต้องการบางอย่าง ต้อมกลับไม่ยอมทำให้นั่นขอให้ต้อมช่วยฉิ่งให้ ซึ่งต้องปฏิเสธไป
   "ต้อมเป็นทอมนะ เคา้ไม่ฉิ่งกันหรอก" ต้อมพูดเบาๆ ขณะที่ความต้องการของแพทนั้นหยุดไม่อยู่ ตอนที่เธอเป็นทอม เธอฉิ่งให้แก้วเสมอๆ ช่วงที่ความต้องการของแพทสูงสุดขีด จึงขอให้ต้อมนอนลง เพื่อเธอจะได้ฉิ่งให้ ซึ่งต้องไม่ยอมให้ทำอีกเช่นกัน
     "แพท ต้อมเป็นทอม ต้อมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก แพทนอนลงนะ เดี๋ญวต้องทำให้จนเตงขึ้นสวรรค์แน่" ว่าแล้วต้อมใช้อวัยอยะทุกอย่างทั้งมือและลิ้นจนทำให้แพทมีความสุขอย่างที่สุด จนเธอรู้สึกเหมือนตัวล่องลอยไปมากลางอากาศ มันเป็นสิ่งที่เธอเรียกร้อง และปรารถนามานาน ไฟแห่งอารมณ์มอดไม่ไปนาน จนเกือบดับไปแล้ว จนกระทั่งต้อมมาปลุกให้มันตื่นขึ้นอีกครั้ง...
......................


     หลังจากวันนั้น ต้อมกับแพท มีอะไรกันเหมือนคู่ทอมดี้ทั่วไป แน่นอน ต้อมรู้ดีว่า แพทต้องการให้ตนเองร่วมรักเพื่อให้ลืมความหลังกับแก้ว ไม่ได้รักตนแบบแฟน และต้อมเองรู้สึกว่า ความต้องการทางเพศที่แพทอยากรุกตนกลับนั้น เหมือนเป็นความรู้สึกของเลสมากกว่า
    ทั้งสองคนเปิดใจกันในทุกเรื่อง ต้อมเองบอกว่า ทุกวันนี้ก็มีอะไรกับดี้สองสามคน โดยตนเองไม่ได้คบคนใดคนหนึ่งเฉพาะเจาะจงไป แพทเองไม่ได้ว่าอะไร และยังคงมีความสัมพันธ์บนเตียงกันตามปกติ แพทไม่ใครเรื่องใครจะเป็นใครอีกแล้ว ขอเพียงให้ต้อมมอบความสุขให้ จนเธอลืมความหลังอันเลวร้ายไปก็พอ
  แพทเองแฟร์ขนาดให้ต้อมพาดี้ทีคบกันมาที่ห้องได้ ทั้งที่ปกติต้อมแทบไม่เคยพาใครมานอนที่ห้อง เพราะกลัวจะมีปัญหารถไฟชนกัน แต่คำขอและสายตาออดอ้อนของแพททำให้ต้องไม่อาจปฏิเสธไว้ จึงได้พอดี้มาที่ห้องทีละคนบ้างสองคนบ้าง เพื่อนั่งกินเหล้าพูดคุยกัน บางคนเป็นดี้ที่ต้อมเคยมีอะไรด้วย บางคนก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
    แน่นอนว่า บางครั้ง แพทขอตัวทำทีออกไปหาเพื่อน แท้จริงเธอแค่ไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ต้อมกับดี้ที่พามาด้วย มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่บางครั้ง ดี้ที่มาก็เป็นแค่เพื่อนของต้อมจริงๆ ซึ่งต้อมเองจะบอกไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนพามา และมีอยู่คนหนึ่งเกิดสะดุดตาแพทขึ้นมาชื่อว่า "มีน" ทำให้แพทถามหาข้อมูลจากต้อม ซึ่งต้อมเองก้แนะนำให้จีบได้เลย ไม่ใช่แฟนหรือสาวๆของตนเองแต่ประการใด
    แพทเข้าไปขอเป็นเพื่อนในเฟซมีน ภายหลังเธอรับเป็นเพื่อนแล้ว แพทเองพยามชวนคุยแบบทั่วๆไป และทั้งสองคนดูสนิทกันเร็ว เพราะความที่รู้จักตัวตนจริง เป็นเพื่อนกันผ่านทางต้อมมาก่อนแล้ว
   มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่แพท อยากมีความรู้สึกความรักครั้งใหม่อีกครั้ง เวลานี้แพทเริ่มแต่งตัวชุดนักศึกษาเปลี่ยนไปด้วย หันไปใส่รองเท้าคัทชู หรือไม่ก็ส้นสูงขึ้นมาเล็กน้อย กระโปรงรัดรูปแบบผู้หญิงใส่ เสื้อก็ใส่แบบพอดีตัวหรือบางทีฟิตตัวให้ดูสวยขึ้น แม้ว่าผมของเธอยังไม่ยาวมากก็ตาม จนทำให้เพื่อนกลุ่มมทอมดี้เดิมแซวกันใหญ่ บางทีก็มีผู้ชายมาจีบด้วย
   ในหน้าเฟซบุคของมีน มีทั้งเพื่อนทอม ดี้ เลส เข้ามาคุบกับเธออย่างมากมาย เพราะความที่มีนน่ารัก หรือถึงขั้นสวยเลยก็ว่าได้ และอัธยาศัยดีคุยเก่ง ทำให้แพทรู้ว่าแม้มีนออกตัวว่าเป็นดี้ แต่ก็มีเลสมาจีบมากหน้าหลายตาทีเดียว
  ด้วยความอยากรู้ แพทเลยอดใจไม่ได้ ยิงคำถามออกไป "มีน ตัวเองเป็นดี้ไม่ใช่หรอ ทำไมมีเลสมาจีบเยอะจัง"
  "อ๋อ มีนเป็นดี้-เลสน่ะเตง" มีนตอบตรงไปตรงมา แต่ก็ทำให้แพทสงสัยเหมือนกัน เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน
   "ดี้เลสเป็งไรหรือมีน" แพทถามในไลน์
    "หมายถึง คบทอมก็ได้คบเลสก็ได้ไง" มีนบอก
   "แพทถามเพราะอยากรู้อย่าโกรธนะเตง แล้วเวลามีไรกัน ดี้เลสจะเป็นฝ่ายรับตลอดหรือ" แพทอยากรู้อยากเห็นต่อไป
   "ถล้าถาม ก็กล้าตอบจ้ะ เพื่อนกันถามได้" มีนพูด "มันไม่เสมอไปหรอกที่ดี้จะรับ ทอมดี้บางคู่ดี้ยังทำให้ทอมเลย ดี้เลสเวลาไปมีไรกับเลสก็รุกและรับแบบเลสทูก็มี"
   มันเป็นสิ่งที่แพทไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ดี้ก็มีความต้องการกับเลสได้ด้วย ทำให้เธออึ้งไปเหมือนกัน ประมวลสิ่งที่รับรู้มาไม่ถูกอยู่นาน วูบหนึ่งเธอนึกถึงแถ้ว ดี้ที่เคยเป็นแฟนเก่า แต่เธอกลับมีไรกับชายด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าโลกใบนี้จะเรียกหล่อนว่าอะไร แต่ที่สำคัญคือมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว และแพทไม่อยากจดจำมันอีก รู้แต่ว่ามันเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้เธอจะรักใครชอบใคร ต้องระมัดระวังกายใจให้มากขึ้น
     "แล้วแพทเป็นดี้หรือเลสอ่ะ" มีนถามบ้าง
     "เค้าเป็นดี้อ่ะเตง" แพทตอบ ในเวลาเดียวกัน แพทเองก็อยากรู้จักตัวตนของมีนมากขึ้น เลยเอ่ยปากชวนเที่ยวโดยอ้างชื่อต้อมไปเป็นเพื่อนด้วย
     "ว่างๆไปฟังเพลงกันไหม แพทเอ่ยปากชวน
    "ไ่ม่เอาดีกว่า เดี๋ยวแฟนแพทว่าเอา"
    แพทรู้สึกงงๆเลยบอกไป "แฟนคนไหนจ๊ะ เค้าไม่มีสักหน่อย"
   "อ้าว ก็ต้อมไง ไม่ใช่แฟนเตงหรอ"
   "เพื่อนกันจ้า สนิทกันมาก เป็นแค่เพื่อนจริงๆ เค้าชวนต้อมไปด้วยก็ได้นะ" แพทคะยั้นคะยอ
    "ได้สิ เค้าก็มีเพื่อนอยากไปเที่ยวฟังเพลงพอดี อาทิตย์นี้เป็นไง" มีนรับคำ ตามอัธยาศัยทีดีของเธอและเข้าได้กับเพื่อนทุกคนอยู่แล้ว
   "จ้าคนสวย" มีนบอก "งั้นเดี๋ยวเค้าบอกต้อม แล้วนัดกันอีกทีนะ"
   "จ้า" มีนส่งตัวอักษรตอบในไลน์กลับพร้อมรูปหัวใจ ซึ่งแพทก็ส่งหัวใจตอบกลับเชิงทีเล่นทีจริง ขำๆกันไป
 ..........
    เย็นวันเสาร์ มีนกับเพื่อนดี้อีกคนซึ่งรู้จักกับแก้วด้วย ตกลงไปผับแถวเอกมัย ย่านสุขุมวิท เพราะช่วงนั้นมีงานปาร์ตี้เลสพอดี เป็นคืนที่ให้เฉพาะทอมดี้เลส และผู้หญิงเข้าเท่านั้น มีนกับเพื่อนดี้เองก็ชอบงานแบบนี้อยู่แล้ว เพราะไม่อยากเจอผู้ชายมาเกาะแกะ ขอเบอร์ไลน์ เบอร์โทร.จนหมดสนุก

    ต้อม ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์มาดเท่ห์ๆไป แล้วพาแพทไปเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วย โดยเลือกใส่ชุดแส้กผ้ายืดสีดำ สั้นเลยเข่าขึ้นมาประมาณ 5 นิ้ว ช่วงบนรัดรูปจนเนินอกโดดเด่น แขนสั้นเชื้อชวนให้เห็นแขนเรียวงาม และพาแพทไปทำผม แต่งหน้าจนออกมาเป็นผู้หญิงแบบคนละคนกว่าตอนเป็นทอมอย่างชัดเจน
 
    เวลานัดกันคือประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งคนเริ่มทะยอยมากันแล้ว มีน มากับเพืื่อนดี้อีกคนที่น่ารักไม่เบาทีเดียวชื่อ แอ๊บ มีนมาในชุดกระโปรงผ้ามันสีขาวพริ้วไหวไปตามสัดส่วน ทำให้มองเห็นหุ่นได้ชัดเจน เสื้อเป็นสีเนื้อแบบเกาะอก และใส่เสื้อคลุมบางๆสีดำ  ขณะที่แอ๊บ ใส่กางเกงยีนส์สั้น และเสื้อยืดสีขาวรัดรูป ดูน่ารักไม่เบาทีเดียว

 กลุ่มเพื่อนเริ่มต้นด้วยการจิบแบล็คผสมโซดาเบาๆ เติมเหล้าอ่อนๆให้พอเรียกน้ำย่อย ค่อยๆสร้างบรรยากกาศและอารมณ์ให้ครึกครื้นจะได้พุดคุยกันอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้ัน เมื่อดึกขึ้นสาวๆรวมถึงทอมอีกมากมายเข้ามาในผับกันเยอะขึ้น เพลงเปิดสนุกให้คนได้เต้นกัน ต้อมเริ่มกอดเองคลอเคลียกับแอ๊บเหมือนเป็นแฟนกัน ขณะที่แพท คุยกับมีนเพื่อความอยากรู้ในโลกของดี้-เลสมากขึ้น เพราะปกติแพทได้ยินแต่ดี้ หรือเลสอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น


   "มีน เตงมีแฟนยังตอนนี้" แพทถาม โดยจำไม่ได้ว่า เคยถามประโยคนี้ไปหรือเปล่าตอนไลน์คุยกัน
   "เค้ายังไม่ได้ครบใครนะ ก่อนหน้านี้ก็เคยคบทอมและเลสมา" มีนตอบ แล้วแพทล่ะ
  "ก็เคยคบทอมมาบ้าง" แพทพยายามอ้างอิงถึงต้อม แต่ไม่ได้เอ่ยชื่ออกมา "แต่เค้าก็เคยคบดี้มาด้วยนะ"
  มีนทำน่างงเล็กน้อย "งั้นเตงคงเป็นดี้-เลส เหมือนกัน"
  แพทยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะตอนที่เธอคบดี้นั้น สถานะของแพทคือทอมต่างหาก
  "บางที ดี้กับดี้คบกันไปคบกันมากลายเป็นเลสก็มีนะ" มีนตั้งทฤษฏีพร้อมกับจิบเหล้า และเหล่หางตามายังแพทไปด้วย
  "จริงอะ" แพททำท่าแปลกใจ "แล้วเตงมีดี้หรือเลสมาจีบเยอะไหมตอนนี้"
  "ก็มีบ้างประปราย แต่มีนยังไม่ได้คบใครขั้นแฟนนะ ถ้าคุยหรือเที่ยวอะไรก็มีบ้างเรื่องปกติ" แพทรู้สึกแปลกใจที่มีนคุยกันแบบตรงไปตรงมา ทั้งที่ปกติเวลาคนจีบกันมักบอกว่าตัวเองโสดเสมอ
  "เตงคุยตรงไปตรงมาดี เค้าเคยคบดี้ ดีกับมันตลอด แต่ท้ายสุดมันดันแอบบนอนกับคนอื่น" ความทรงจำอันโหดร้ายกลับคืนมาในหัวแพทอีกครั้ง เพียงแค่เธอไม่อยากเจาะจงไปว่า ชู้นั้นเป็นผู้ชาย ซึ่งอาจทำให้ดูเลวร้ายเกินไป
   "เค้าตรงไปตรงมาเสมอ ถ้ามีแฟน ก็จะบอกมี อยากคุยก็คุย ไม่อยากคุยก็ไม่ว่าอะไร" มีนบอก "มีนคบทีละคนนะ ตอนคบทอม เค้าก็ไม่ได้คบคนอื่น ไมได้นอนกับใคร แต่เมื่อถึงเวลามันต้องเลิกกัน ก็ต้องเลิกไง แต่ละคนก็มีทัศคนะติชอบอะไรต่างกัน"
   "พอเลิกกับแฟน มีนถึงค่อยคุยหรือออกเที่่ยวกับเลสที่มาจีบด้วย เลสไม่น้อยนะ ที่หันมาเลือกจีบดี้ เพราะดี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเลสควีนส์ บางคนหันมาคบเลสไปเลย แต่ดี้บางคน ต่อให้เลสมาจีบไงก็ไม่ชอบนะ มันแล้วแต่มุมมอง ความชอบของแต่ละคน ห้ามกันไม่ได้"
   "แพทก็ชอบดี้และทอมนะ แบบนี้เรียกดี้เลสหรือเปล่า" แพทถาม
   "ก็เป็นไปได้นะ" มีนให้ทัศนะ "แล้วถามตรงๆได้ไหม เตงเคยมีแฟนเลสหรือยัง"
   "ยังเลย ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไม่รู้ว่าคนไหนเลส" ความที่เหมือนไม่รู้่ประสีประสาเรื่องเลส ดูกระตุ้นความสนใจให้มีนไม่น้อย
   "ก็อย่างมีนไง ดี้ก็ได้เลสก็ได้" มีนแกล้งส่งตาหวานให้
   "เตงไม่บอก เค้าไม่รู้จริงๆนะ ตอนแรกคิดว่าเป็นดี้เฉยๆเสียอีก" ทั้งสองคนดูคุยกันถูกคอกันมากขึ้นเรื่อยๆ บางช่วงมีเพลงจังหวะเต้น มีนก็ยืนเต้นอยู่กับที่ขยับเท้าเล็กน้อย บิดเอวไปมาทำให้แพทมองหุ่นเธอไม่ละสายตา บางช่วงมีนก็เอาแขนมาคล้องแขนแพทไปด้วย ประนึ่งชวนเธอเต้นด้วยกัน ซึ่งแพทยก็ทำท่าเต้นแบบเบาๆไปพร้อมกัน
   เมื่อเนื้อตัวเบียดเสียดกัน ทำให้แพทรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เวลามีนเอื้อมแขนมาโอบไหล่เธอ แล้วหน้าอกมาเบียดกับแขนของแพทด้วย จะเป็นความตั้งใจของมีนหรือเปล่ามิอาจทราบได้ แต่แพทก็รู้สึกชอบและมีความสุข ผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอลล์ทำให้แพทเริ่มเคลิ้มๆ และหลงใหลไปกับกลิ่นตัวอันหอมกลุ่นของมีนมากขึ้นทุกขณะ ผสมผสานกับความน่ารักของการพูดคุย ทำให้เธอรู้สึกว่ามีนเป็นผู้หญิงน่าคหาคนหนึ่ง
  เกือบเที่ยงคืน บรรยากาศสาวเลสในงานปาร์นี้กำลังไปอย่างสนุก บางคู่คุยกันอย่างถูกคอ บางคู่นั่งบนโซฟา คลอเคลียจูบกันอย่างดื่มด่ำ มันเป็นภาพที่กระตุ้นให้แพทเกิดอารมณ์บางอย่างขึ้นมา เธอเอื้อมมือไปโอบเอวมีน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด หนำซ้ำยังหันมาคล้องคอแพท มองหน้าตรงๆ ทำตาหวานฉ่ำไปด้วย วินาทีนั้นเหมือนอะไรดลใจให้แพทเอื้อมทั้งสองมือไปกอดเอวมีน บางจังหวะที่เต้นกันมือของแพทก็เลื่อนลงต้ำไปยังก้นของมีนอย่างไม่ตั้งใจ
   "ถ้าเตงยังไม่มีใคร ลองคบกับมีนก็ได้นะ" มีนโน้มคอแพทมากระซิบที่ข้างหู "ปกติเค้าไม่ค่อยคบใครง่ายๆ เพราะรู้ว่าดี้เลสเจ้าชู้กันเยอะ แต่เตงเป็นเพื่อนสนิทต้อมไง มีนเลยเชื่อใจ ต้อมเองก็๋บอกเตงโสดด้วย"
  แพทไม่ได้พูดอะไร แต่ดูเหมือน ต้อมจะเป็นคนวางแผนให้แพทกับมีนมาทำความรู้จักกันแบบสนิทสนิทมากยิ่งคืนในคืนนี้
  เสียงเพลงแดนซ์ค่อยๆเบาลง เปลี่ยนเป็นเพลงจังหวะช้าๆ มีนที่เริ่มเมา หันมาคล้องคอแพทอย่างแนบแน่นและซบอกไปด้วย
  "มีนเหมือนมีคนชอบเยอะ แต่จริงๆเค้าเหงานะ ไม่ค่อยมีใครจริงใจหรอก แค่อยากเอาเค้าเท่านั้น" เหมือนมีนเพ้ออกมาจากส่วนลึกของอารมณ์ มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่แพทมตลอดนานแรมปี แม้ว่าแพทมีความสัมพันธ์แบบลึกๆกับต้อม แต่ความเป็นเพื่อนกันมาก่อน ทำให้แต่ละคนทราบใจของกันและกันดีว่า มิได้คบกันในสถานะแฟน ต้อมต้องการคบดี้แท้ๆ และมองว่า แพทตอนนี้เหมือนมีแนวโน้มไปทางเลสมากกว่า
 แพทมองไปรอบๆข้าง แทบไม่มีใครสนใจคู่ของเธอเลย ทอมดี้ หรือเลสแต่ละคู่กอดกัน จูบกันเป็นเรื่องปกติ ทำให้เธออยากได้รับสัมผัสจากมีนแบบนั้นบ้าง
  "เค้า" แพทพูดตะกุกตะกัก กล้าๆกลัวๆ มีนเอียงหน้ายักคิ้วและยิ้มเหมือนเชิญชวนให้แพทพูดต่อ "เค้า..ขอหอมเตงได้ไหม"
  สิ้นเสียงคำพูดของแพท มีนคว้าคอแพทลงมาหอมฟอดใหญ่ จนแพทค่อยๆหายเขินลงทีละเล็กละน้อย ก่อนจุ๊บที่แกมมีนตอบกลับ เหมือนทั้งคู่รับรู้กันว่า มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองคนมีใจตรงกัน
 ต้อมที่กำลังยืนกอดกับแอ๊บ เหมือนอยู่อีกคนละโลกหนึ่ง ราวกับไม่ได้มาด้วยกัน มันเป็นโลกที่ทำให้ ทอม ดี้ เลส ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน ภายหลังชีวิตกลางวันที่ถูกสังคมจำกัด ห้ามแสดงความรักต่อเพศเดียวกันต่อสาธารณชน
  แต่ในชั่วโมงนี้ ไม่มีอะไรขีดกั้น แพทกับมีนสบตากัน แล้วค่อยๆเหลื่อนหน้าเข้าหากันจนจมูกชิดสนิทแบ ก่อนประทับริมฝีปากสัมผัสกันราวกับความรู้สึกของทั้งสองคนสั่งการโดยอัตโนมัติ


เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงที่ดีเจปล่อยให้าสาวๆได้ถ่ายทอดความรู้สึกและความรักให้แก่กัน บทเพลงค่อยๆเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็วขึ้น ไฟสป็อทไลท์หมุนเร็วขึ้นเหมือนเตือนให้รู้ว่า เวลาของความสนุกกลับกับมาอีกครั้ง หลายคู่คลายจากวงกอดกลับมายื่นดื่มและเต้น ขณะที่ี แพทกับมีน แม้ว่าไม่ได้กอดแนบสนิทกันเหมือนเดิม แต่ก็ยืนชิดติดกับมือโอบเอวกันตลอดเวลา พอแพทหันไปเจอต้อมที่ยืนชนแก้วกับแอ๊บอยู่ ต้อมยิ้มให้เป็นนัยๆ ขณะที่ แพทยื่นแก้วส่งสัญญาณให้เหมือนขอบคุณที่พาเพื่อนน่ารักมาให้รู้จัก

"ชอบไหมแพท มีนนิสัยดีนะ" ต้อมทักมาในไลน์ ทั้งที่ทั้งสองคนยืนห่างกันแค่สองสามก้าว แต่บางทีการคุยแบบนี้อาจได้ยินกันอย่างสนิทใจมากกว่าตะโกนคุยกันในผับที่เต็มไปด้วยเสียงดังของเพลง
"อื้อ" แพทตอบสั้นๆ "เตงคบได้ คนนี้นิสัยดี ไม่งั้นไม่พาแพทมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้หรอก"
 "ต้อมเห็นเตงจูบกับมีนด้วยนะ อิอิ" ต้อมแอบแซว ก่อนถามต่อ "คืนนี้ไปต่อไหนเปล่า"
 "ยังไม่รู้เลย ต้อมล่ะ" แพทถามกลับ
 "เค้าจะไปเปิดห้องที่โรงแรมแถวสุขุมวิท" ต้อมบอกไป "เตงลองชวนมีนไปสิ บอกว่าไปกินเหล้ากันต่อ จากนั้นถ้าเตงต้องการมีไรกัน ก็แยกห้องกัน"
  คำบอกขอบต้อม เหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเกี่ยวพาราสีสาวอย่างยิ่ง ทำให้แพทรู้สึกอายเหมือนกัน แน่นอน เธอเองก็ต้องการแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
   "มีนไปกินเหล้ากันต่อไหม ต้อมชวน" แพทอ้างชื่อต้อมขึ้นมา
  "ไปสิ ที่ไหนล่ะ" มีนถาม
  "ต้อมบอกจะเปิดห้องโรงแรม เอาเหล้าไปกินกัน"
  มีนไม่ได้เอื้อนตอบไร แต่โน้มคอแพทมาจูบอีกครั้ง เธอยังไม่ได้คิดอะไรถึงขั้นมีอะไรกับแพท แต่ห้วงอารมณ์นี้ เหมือนเธออยากอยู่กับแพทด้วยกันทั้งคืน
   เวลาตีสอง ต้อมขับรถคันโปรดของตนพาเพื่อนทั้งสามคนไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่ต้อมเคยพาดี้มานอนด้วยประจำ เป็นห้องขนาดใหญ่พอสมควร ในห้องมีสองห้องนอนแยกต่างหาก ต้อมเองมาจากครอบครัวมีเงินพอสมควร จึงไม่หวั่นต่อการเปิดห้องราคาแพงขนาดนี้อยู่แล้ว เพื่อปลุกเร้าสาวที่ตนเองพามาด้วย

 ณ ห้องหรูของโรงแรม ทั้งสี่คนกินและพูดคุยกันอย่างสนุก บางทีก็แกล้งจุบแฟนของอีกฝ่าย กระทั่งเหล้าหมดไปเกือบหนึ่งขวด ต้อมส่งสัญญาณให้แพทพาคู่ของตัวเองเข้าห้องใครห้องมัน
  "แพท เค้าง่วงแล้ว ขอพาแอ๊บเข้าห้องนอนก่อนนะ" ต้อมขยิบตา ก่อนปล่อยให้แพทกับมีนนั่งกินเหล้าตามลำพัง ไม่ช้าทั้งสองคนเอียงหน้าเข้าหากันก่อนจูบกันอย่างแนบสนิท แพทเอื้อมมื้อเข้าไปใต้เสื้อของมีน ซึ่งเธอมิได้ปัดป้องแต่ประการใด ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือเข้าไปใต้กระโปรงแส็กฟิตส้นของแพทไปด้วย มันทำให้จิตใจชองแพทหลุดลอยไป เคลิ้มไปกับอารมณ์ปรารถนา หรือว่านี่คือสิ่งที่ใช่สำหรับตัวตนแท้จริงของเธอ
    "เราไปนอนที่ห้องกันเถอะ" มีนกระซิบที่ติ่งหูแพท เธอตอบด้วยการจุมพิต ก่อนจูงมือกันเข้าห้องนอนอีกห้อง ค่ำคืนนั้นทั้งสองคนปลดปล่อยอารมณ์แก่อันอย่างมีความสุข ปรนเปรอความปรารถนาให้แก่กันจนถึงรุ่งเช้า...












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ