วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ความสัมพันธ์ที่ไม่จีรัง
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกๆวัน ที่ฉันเรียนเสร็จแล้ว ก็กลับมาอาบน้ำที่หอพัก ก่อนเดินทางไปทำงานที่ผับร้านเดียวกับที่พีอรกับพี่วิวทำงาน ก่อนกลับมาถึงห้องอีกครั้งร่วมตีสอง ความจริงแล้วพี่ีอรชวนฉันไปอยู่ที่คอนโดมีเนียมแก ซึ่งดาวน์เอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย แต่ฉันเองมองว่ามีพี่อรเองก็อยากมีเวลาส่วนตัวบ้างอะไรบ้าง แล้วการไปอยู่หอพี่อร คงทำให้ฉันต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยพอสมควร
ฉันเองตั้งใจไว้ว่า จะเก็บเงินจากการทำงานไว้ซื้อรถยนต์สักคัน แล้วช่วยแบ่งเบาภาระเหมือนที่พีอร ช่วยเหลือทีบ้านพี่อรเอง แต่ละวันที่ผ่านไป ฉันค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยและเพลียกับการทำงาน จนแทบมีเวลาคุยกับ "แพร" เพื่อนรูมเมทรุ่นน้องน้อยมากในระยะหลัง จะมีได้คุยกันเต็มๆก็ตอนวันที่ฉันหยุด และนั่งหาอะไรกินกัน
เหตุผลหนึ่งที่แพร ย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ ลืมเรื่องเลวร้ายที่ยังฝังใจลงอย่างสิ้นเชิง และที่นี่ทำให้เธอมีโอกาสกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว และความจริงแล้ว แพรก็ไม่ได้เรียนช้าไปกว่าเดิมมากนัก เพราะการจบปีสองจากมหาวิทยาลัยเดิม ทำให้ขอวุฒิอนุปริญญาตรี แล้วมาเทียบโอนวิชาตัวที่ซ้ำกันได้ ทำให้ไม่ต้องเริ่มเรียนปีหนึ่งใหม่ พูดง่ายๆคือข้ามมาเรียนวิชาเฉพาะทางในปีสองเลย เท่ากับเรียนช้าจากเดิมไปปีเดียวเท่านั้น
เลิกงานเสร็จ บางที่พี่วิวก็อยากมาส่งฉันที่หอบ่อยๆ แต่ฉันเกรงใจมากกว่า เพราะต้องขับย้อนไปย้อนมา จึงเลือกนั่งแท็กซี่กลับหอเองเป็นส่วนใหญ่ หรือถ้าเพลียมากๆบางทีก็ขอนอนท่ี่ห้องพี่อรเลยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากผับมากนัก
แพรเองก็เคยขออนุยาตฉันพาแฟนสาวมาเที่ยว นั่งเล่นที่หอบ้าง ซึ่งฉันเองไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันอยู่แล้ว "มีน" ที่แพรเลยเล่าให้ฉันฟัง หน้าตาดีทีเดียว ผิวขาวเหมือนผู้ดี รูปร่างหน้าตาไม่เลวเลย เหมาะสมกับแพรมาก เรียกว่าถ้าเดินควงกันไปข้างนอก คงบอกได้ยากว่าใครสวยกว่า น่ารักกว่า
คืนวันเสาร์หนึ่งของปลายเดือนมีนาคม แพรเองก็ไปเที่ยวกับมีนมา แล้วคงไปส่งมีนกลับบ้านไม่ไหว จึงขออนุยาตมานอนที่หอด้วย ปกติฉันเองมักไปนอนห้องพี่อรในวันเสาร์เพราะเลิกค่อนข้างดึก แต่ฉันเองเหมือนไม่ค่อยสบายเพราะไข้ทับฤดู จึงบอกพี่อรว่าขอกลับก่อน ฉันกลับไปถึงห้องตังแต่ตีหนึ่ง อาบน้ำเสร็จแล้วก็เข้านอนเลย โดนปูที่นอนกับพื้น เพราะคืนนี้แพรคงให้มีนมานอนด้วย และคงไม่สะดวกหากให้คนใดคนหนึ่งมานอนข้างล่าง
ฉันหลับไปนานเท่าใดไม่รู้ รู้แต่ว่าทั้งสองคนกลับมาและสวััสดีทักทายฉันเล็กน้อย ก่อนฉันจะม่อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา รู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีเงาอะไรบางอย่างตะคุ่มๆอยู่บนเตียง
"พระเจ้าช่วย!" ฉันอุทานในใจ ขณะหรี่หันไปมอง แล้วรีบหรี่ตาลงทันที เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภาพที่ฉันเห็นคือ มีนอยู่ในสภาพไร้เสื้อผ้าใดๆ ทำให้พมองเห็นหน้าอกได้บ้างท่ามกลางเงามืด ขณะที่แพร ก้มต้ำลงไปเหมือนใบหน้าจมหายไปกับดงลึกลึบแถวเนินขา ทั้งคู่คงเกิดอารมณ์คุกรุ่นกันมาก่อนแล้ว และคงห้ามใจไม่ไหว มีอะไรกันโดยคิดว่าฉันคงหลับสนิทไปแล้ว
ฉันทำเป็นนอนหงายตรงๆ แต่ก็ไม่ลืมหรี่ตาแอบมองไปด้วย แพรเหมือนสะดุดเล้กน้อย เอาผ้าห่มรีบคลุมตัวมีน แล้วหันมามองทางฉัน แต่พอเธอเห็นว่าฉันไม่รู้สึกตัวอะไร เธอจึงเลิกผ้าห่มตรงต้นขามีขึ้น แล้วปฏิบัติการลึกลับก็ดำเนินต่อไป
มันคือสิ่งที่พี่ิวิวเคยรุกเร้าใส่ฉัน และพี่เค้าเองอยากให้ฉันปฏิบัติตอบแบบนั้นบ้าง แต่ฉันยังอายๆ ที่จะทำ เลยทำให้พี่วิวเหมือนไม่ค่อยถึงจุดสุดยอดนักในทุกครั้งที่ร่วมรักกับฉัน และเธอต้องช่วยตัวเองให้ฉันเห็นบ่อยๆ
แต่การได้เห็นหนังสดแบบระยะประชิดแบบนี้ คือห้วงอารมณ์ต่างกันไปกับตอนเรามีเซ็กซ์เอง หรือตอนดูคลิปเลสอย่างคนละขั้ว มันตืื่นเต้น หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ฉันเองจะลุกมาเลยก็ได้ แต่อาจทำให้ทั้งสองคนเสียหน้าไป รอให้ทั้งคู่ทำภารกิจเสร็จ แล้วค่อยคุยกับแพรตอนเช้าๆ หรือเมื่อมีโอกาส เพื่อบอกให้ทำอะไรเกรงใจฉันเล็กน้อย
ความที่ฉันยังไม่หมดประจำเดือนดีนัก แล้วหญิงสาวที่อยู่ในสภาวะนี้ คงทราบดีว่า มักเกิดความต้องการเป็นพิเศษ ฉันเองก็เช่นกัน ฉันเองพยายามเก็บความรู้สึกไว้ แม้ว่ามันทำได้ยากก็ตาม แต่ความที่ฉันยังไม่หายประจำเดือนดี จึงทำอะไรไม่ได้มากกว่าการหนีบขาและซุกมือไว้ระหว่างขาเหมือนคนเวลาจับไข้เพราะอากาศหนาว
ช่วงหนึ่ง มีนทนความรุกเร้าและความวาบหวิวที่แพยืนให้ไม่ได้ เธอถึงกับครางออกมา
"อาสส์" จนทำให้แพรต้องรีบลุกมาเอาปากกระกบไว้และหันมามองเล็กน้อยว่าฉันจะตื่นหรือไม่ ก่อนที่เธอจะใช้ทิั้งชิวหาและปลายนิ้วต่อไปไม่หยุดหย่อน และในบางจังหวะแพรลงไปนอนเป็นฝ่ายรับบ้าง เพื่อให้มีนขึ้นบน เธอแทรกตัวลงระหว่างเนินเร้นรับ แล้วขัดสีร่องลึกอย่าเผาเบา และทำสีหน้าเสียวซ่านไปด้วย ก่อนกระแทกแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแพรทำสีหน้าบีดเบี้ยวเพราะความสยิว จากนั้นทั้งสองคนสลับขั้วกันหรือในแบบที่เรียกว่าหกเก้าแล้วมีเสียงครางเล็กๆออกมาตลอด เหมือนพวกเธอไม่สนใจแล้วว่าฉันจะตื่นหรือไม่ อารมณ์พลุ่งพล่านทำให้ทั้งคู่ปฏิบัติรุกและรับให้กันจนถึงแดนสวรรค์ ก่อนนอนแผ่ลงใต้ผ้าห่ม แล้วรีบจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มันคือช่วงเวลาราวครึ่งชั่วโมงที่ทำให้ฉันเกิดราคะอย่างมหาศาล แต่มิอาจทำอะไรได้ ด้วยเหตุยังไม่พ้นรอบเดือนและมีผ้าอนามันกันขวางความสุขไว้ เมื่อเวลาผ่านไปจนเกือบราวตีสามกว่า ทุกอย่างเสียบสงัดลงอีกครั้งท่ามกลางความมืดมิด ฉันพยายามข่มใจลงให้หลับได้ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย เมื่อสภาวะอารมณ์ยังค้างคาและลุกโชน ฉันนึกภาพที่เกิดขึ้นเมื่อสักคู่ไม่รู้กี่ครั้ง นึกภาพระหว่างฉันกับพี่วิว รวมถึงกับพี่อร แต่มันก็ทำได้แค่มโนภาพ ในเมื่อร่างกายของฉันมิได้อยู่ในสภาวะทำอะไรได้เลย
วันรุ่งขึ้นฉันตื่นมาตอนราวสิบโมง ทั้งสองคนยังอยู่ที่ห้อง สวัสดีและยิ้มให้ ฉันทำเหมือนไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น และแต่งตัวชุดนักศึกษาไปเรียนตามเดิม บางทีทั้งคู่ยังไม่อิ่มเอมกับรสรักเมือคืน และรอเพียงเวลาแค่ฉันออกไปจากห้องเท่านั้น ฉันรอเวลารอบเดือนหมดแล้วร้องเรียกหาพี่วิวเสียเหลือเกิน
.............
สองวันถัดมา ฉันอยากเจอพี่วิวอย่างมาก เลยไลน์ไปบอกว่า วันนี้อยากไปนอนที่ห้อง แต่พี่วิวบอกกลับดึก แล้ววันนี้จะมีเพื่อนมานอนด้วย ฉันเองไม่ได้ว่าอะไร แค่รู้สึกใจหายไปเล็กน้อย ตลอดเวลาที่เราคบกัน น้อยครั้งมากที่พี่วิวจะบอกปฏิเสธฉัน ทำให้ฉันว้าวุ่นใจมิใช่น้อย
ตกเย็น ฉันรีบกลับไปแต่งตัวที่หอ เพื่อชวนพี่อรสุดรักของฉันไปนั่งกินอาหารกัน ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งไม่ไกลจากผับที่ทำงานมากนัก
เรามาเจอกันในชุดลำลองปกติ เพราะจะเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าเข้ามเฉพาะตอนเข้างานเตรียมขึ้นเต้นเท่านั้นเอง
"เป็นไงบ้าง นา ไม่เจอกันหลายวัน คิดถึงพี่ใช่ไหมล่ะ" พี่อรถามแอบแซวไปด้วย ในใจลึกๆ ฉันรู้ว่าพี่อรก็รักฉัน แต่ติดที่พี่เขายังมีแฟนชายอยู่ก็เท่านั้น
"คิดถึงสิพี่ พี่อรสวยขนาดนี้ ไม่คิดถึงได้ยังไง หวงด้วยล่ะ กลัวสาวๆมาจีบ ฮ่าฮ่า" ฉันพูดทีเล่นทีจริง
"แล้วนี่นัดกับแฟนหรือเปล่า ทำไมมาเร็ว" พี่อรพยายามหันมองว่า พี่วิวอยู่แถวๆนั้นหรือไม่
"จะเรียกว่าแฟนกันอยู่หรือเปล่าไม่รู้อ่ะ" ฉันทำหน้าเซ็งๆ "พักนี้หนักไปทางคุยกันในไลน์ แล้วพี่วิวบอกว่ามีเพื่อนบ้าง หรือญาติบ้างมาพักที่คอนโด นาเลยไม่ค่อยได้ไปหา"
ฉันหยุดนิ่งสักพัก ก่อนถามต่อ "พี่อรรู้อะไรก็บอกนาบ้างนะ อย่าให้นาบื้อกินหญ้าอยู่คนเดียว"
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้ว่าสนิทกัน แต่เรื่องส่วนตัวพี่ก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับมันหรอก ทำไมนาไม่ถามไปตรงๆล่ะ" พี่อรชี้แนะ
"อยากถามเหมือนกันแต่ไม่กล้า นาบอกตรงๆนายังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเลสมาก ไม่รู้ว่าเจ้าชู้ หรือเปลี่ยนแฟนอะไรกันง่ายหรือเปล่า ไม่รู้จริงๆนะ" ฉันทำหน้าคิ้วขมวด
เหมือนละครไทยไม่มีผิด ระหว่างฉันนั่งกินข้าวกับอรในร้านอาหารสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ฉันเห็นพี่วิวเดินจูงมือมากับผู้หยิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารัก และคุยหัวร่อต่อกระซิกกัน ทำให้ฉันใจวูบถึงตาตุ่ม พี่อรก็เห็นเลยบอกให้ฉันใจเย็นๆ ฉันเลยทำได้แค่ส่งข้อความในไลน์ไป
"พี่วิวมาเดินเที่ยวกับแฟนหรอ" ฉันส่งข้อความไป ขณะที่พี่วิวหยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วมองซ้ายมองขวาเพื่อหาว่าฉันอยู่ตรงไหน
"นาอยู่ไหน" พี่วิวถาม
"อยู่กับพี่อร" ฉันตอบ "ทำไมพี่วิวมีแฟนแล้วไม่บอกนาตรงๆ ไม่ค่อยตอบไลน์ ไม่ค่อยเจอกันเลย"
"เย็นนี้คุยกันที่ร้านนะ" พี่วิวตอบ แตะไม่อ่านข้อความในไลน์ที่ฉันส่งไปอีกเป็นชุดใหญ่ มันเป็นวันที่ฉันไม่มีสมาธิเลย จนกระทั่งหนึ่งทุ่ม เราเข้าไปทำงานกัน แต่ฉันกับพี่วิวแทบไม่ได้มองหน้ากันเลย คุยกันผ่านไลน์อยู่คนละมุมห้อง
"นาอยากทราบเหตุผลนะว่าพี่วิวทำไมมีแฟนใหม่" นากดข้อความส่งไป
"พี่คิดว่า เราเป็นเลสคนละแบบนะ นาเลสควีนส์ ส่วนพี่เลสทู บางครั้งพี่ก็มีความต้องการแบบที่พี่ทำให้นาบ้าง" พี่ิวิวอธิบาย
"พี่วิวก็น่าจะบอกนาสักหน่อยว่าต้องการอะไร"
"งั้นพี่ถามคำหนึ่งนะ นารักพี่ไหม" พี่วิวยิงคำถามจนฉันอึ้ง เพราะในใจฉันเองรักแต่พี่อร แม้ว่าชอบพี่วิวจนถึงขนาดมีอะไรกัน แต่ความผูกพัน ความร่วมทุกร่วมสุขกัน มันก็มิใช่แบบเดียวกันกับที่ฉันเคยเป็นรูมเมทพี่อรมาถึงสองปี มันเหมือนเป็นเพียงความใคร่ความปรารถนากันมากกว่า
"ทำไมพีี่มาถามแบบนี้ด้วย" นาส่งเปลี่ยนเรื่องและใส่ข้อความเหมือนขึ้นเสียง "พี่วิว ทำแบบนี้ไม่รู้หรือว่านาเจ็บขนาดไหน พี่วิวเป็นผู้หญิงคนแรกของนานะ"
พี่วิวนิ่งเงียบไม่ต้อบอะไร ทำให้ฉันระเบิดอารมณ์ต่อด้วยตัวหนังสือ "หรือว่าที่พี่วิวมาคบนาเพื่อต้องการแค่เรื่องนั้น เรื่องเซ็กซ์"
"พี่ก็ชอบนา คนเราพอคบกันมันก็ไปถึงจุดนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อถึงเวลาพี่รู้สึกเหมือนเราทั้งสองคนยังไมใช่"
ความจริงแล้วฉันเองรู้สึกแบบพี่วิว รู้สึกชอบ เหมือนเป็นเพื่อน เหมือนเป็นคู่เลสมีไรกันเหมือนคู่รักคนอื่น แต่แท้จริงแล้ว ฉันเหงาและพยายามถามหาคนที่เป็นเลสเหมือนกันหรือเปล่า และเมื่อพี่อรคนที่ฉันรักไม่ใช่เลส เลยทำให้ฉันปันใจและยอมมีอะไรกับพี่วิวได้ง่ายดายเหลือเกิน ตามประสาคนที่คบเลสเป็นคนแรก
"นาถามใจตัวเองว่า จริงๆแล้ว นารักพี่แบบที่คนรักกันหรือเปล่า" พี่วิวยิงคำถามเดิมอีกครั้ง
"เราคบกันนาก็รักพี่วิวสิ ไม่งั้นจะยอมมีอะไรด้วยหรือ นาไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันมาก่อนเลยนะ"
"แต่พี่ว่า นาเหมือนมีคนคนอื่นอยู่ในใจใช่ไหม บอกพี่มาตรงๆ" พี่วิวเหมือนรู้ใจนาจนนาอึ้งบอกไม่ถูก
"พี่ว่า จริงๆแล้วเราสองคนชอบต่างกันนะ เพียงแต่นาไม่กล้าเปิดใจบอกความจริงมากกว่า"
"หนูขอไม่ตอบเรื่องนี้นะ" ฉันเฉไฉรีบเปลี่ยนเรื่องไป "แล้วนี่หมายความว่าเราเลิกกันเพียงเท่านี้หรือคะ"
"เราสนิทกันมานาน พี่ชอบนิสัยนา แม้ว่าเราเป็นเลสคนละแบบ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกันไม่ได้นิคะ"
ฉันสับสนมึนงงไปหมด จากแรงช็อคที่เจอต่อหน้า แนวโน้มเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเราต้องสิ้นสุดเพียงแค่นี้และในวันนี้
"ถ้านาไม่เจอพี่กับผู้หญิงคนนั้น พี่จะไม่บอกนาใช่ไหม" ฉันวกกลับมาเรื่องเก่าเพราะความสับสนไม่รู้จบ
"พี่ไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น และพี่กับเขาก็ยังไม่ได้คบกันแบบแฟนด้วย เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น"
"หนูไม่อยากโง่ต่อไปนะ พี่มีอะไรก็บอกนาตรงๆดีกว่า" ฉันยังคงคาดเค้นเอาความจริงต่อไป
"พี่เพิ่งคุยกันได้ไม่นานเอง" พี่วิวตอบอย่างตรงไปตรงมา
"นาแค่อยากรู้คำตอบจากพี่วิวสั้นๆว่า ใช่แฟนหรือไม่" ฉันขึ้นเสียงใส่ในไลน์อีกครั้ง พี่วิวไม่ตอบข้อความอีก เพราะร้านบอกให้เตรียมขึ้นเวทีเต้นได้แล้ว
พี่วิวเดินมาใกล้ๆนา แต่พูดเหมือนลอยๆ "เอาไว้เลิกงานแล้วคุยกันนะ"
ฉันมือไม้สั่นไปหมด ประสบการณ์คบแฟนเลสครั้งแรก กับเจอคนทีี่เราคบเดินกับผู้หญิงอื่นต่อหน้า ในช่วงนั้นฉันยังมีอะไรกับพี่วิวอยู่แต่ไม่บ่อยเหมือนตอนแรกที่คบกัน
พอเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ออกไปคุยกันตรงที่นั่งใกล้ๆเวทีสำหรับพนักงาน พี่อรถามว่า นากับพี่วิวโอเค มีปัญหากันหรือเปล่า ฉันเองได้แต่นิ่งเงียบ พี่อรเลยเอาน้ำมาให้นาดื่ม พร้อมกับโอบไหล่ปลอบนาไปด้วย
มันเป็นคืนที่ฉันไม่ได้คุยกับพี่วิวอีกเลย และเป็นวันที่ฉันอยากอยู่ใกล้พี่อรที่สุดเพื่อระบายความในใจและปรึกษากับเรื่องที่เกิดขึ้น
ค่ำคืนนั้น ฉันนั่งดื่มต่อในคอนโดฯพี่อร นั่งร้องไห้ พูดวนไปวนมากับเรื่องเดิมๆ
"พี่อร" ฉันถามระหว่างนั่งพิงไหล่พี่อร น้ำตาฉันไหลออกมาจนแทบไม่เหลือให้หยดอีกแล้ว "ทำไมพี่วิวเขาทำแบบนี้ คนนั้นใช่แฟนใหม่พี่ว่ิวหรือเปล่า"
"พี่ก็ไม่รู้จริงๆว่าแฟนหรือเปล่า เพราะตั้งแต่รู้จักกัน วิวเลิกกับแฟนเก่าแล้วก็ยังไม่ได้คบใครใหม่เลยนะ จนกระทั่งมาพบนา" พี่วิวหยุดนิ่งเล็กน้อย "พี่ก็ต้องขอโทษนาด้วย เป็นความผิดพี่เองที่แนะนำให้วิวรู้จักกับนา"
"พี่อรไม่ผิดหรอก" ฉันบอก "พี่วิวสวยขนาดนั้น ใครเห็นก็ต้องชอบ นาผิดเองแหละที่ชอบเขาง่ายไปหน่อย"
"นาต้องตั้งสติดีๆนะ" พี่อรพยายามเตือน "ต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่ใช่นาที่ต้องเจอแบบนี้คนเดียว พี่อร หรือวิว และคนอื่นๆ ก็ต้องเคยพานพบเรื่องนี้ด้วยกันทั้งนั้น"
"แต่นารับไม่ได้จริงๆนะ นาคบพี่วิวได้แค่ปีเดียวเอง" ฉันยังคงไม่ลืมภาพที่วิวจูงมือกับผู้หญิงคนนั้น มันยังคงวนเวียนในหัวตลอดเวลา
มันเป็นคืนที่พี่อรต้องรับฟังสิ่งต่างๆมากมาย แล้วฉันเองไม่ยอมฟังอะไรจากที่อรบอกเลย เหมือนผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปหมด
วันรุ่งขึ้น ฉันไม่ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย รู้สึกมันเบลอร์ไปหมด ตอนคบพี่วิว เหมือนทุกอย่างสวยงาม จนลืมโลกภายนอกไปหมด จนเมื่อเจอภาพบาดใจ ทำให้เหมือนทุกอย่างดับวูบ ทำอะไรไม่ถูก จากระยะหลังที่คุยกันน้อยลง ไปไหนด้วยกันน้อยลงอยู่แล้ว มันยิ่งเหงาและมืดมนเข้าไปอีก ฉันแทบไม่อยากกินอะไรตลอดทั้งวัน ยกเว้นข้าวต้มที่ีพี่อรพยายามป้อนให้ ตกเย็นฉันบอกพี่อรไม่อยากไปทำงาน รอพี่อรไปทำงานแล้วอยากสั่งเหล้ามากินมากกว่า
"พี่อรไปทำงานเถอะ นาอยู่คนเดียวได้ แต่วันนี้ขอหยุดงานสักวัน" สภาพหัวฉันฟูอย่างยุ่งเหยิง แรงอาฟเตอร์ช็อคจากเมื่อวานยังคงไม่หายดี ฉันอยากทำทุกอย่างเพื่อลืมสิ่งที่เกิดขึ้น ลบข้อความที่คุยกับพี่วิวทั้งหมด ในใจหนึ่งอยากบล็อคไปเลย แต่ใจหนึ่งก็หวังว่าพี่วิวอาจส่งข้อความอะไรกลับมา
จนหกโมงเย็นแล้ว พี่อรก็ยังไม่แต่งตัว เหมือนห่วงว่าฉันจะทำอะไรบ้าๆไป ฉันพยายามคะยั้นคะยอให้พี่อรไปทำงาน แต่แกก็ไม่ไป
"เอางี้ ถ้านาอยากเมา พี่จะเมาด้วย แต่ขอให้เมาวันนี้แค่วันเดียวแล้วพรุ่งนี้ต่อกลับมาเป็นนาที่น่ารักเหมือนเดิมนะ"
ในวันที่ฉันเจ็บปวดที่สุด กับความสัมพันธ์กับเลสคนแรก คนปลอบใจก็ยังเป็นผู้หญิงที่ฉันรัก แม้ว่ามิใช่เลสก็ตาม มันเป็นคืนที่ฉันรู้สึกเหมือนความอบอุ่นจากพี่อรค่อยๆกลับมา คล้ายตอนอยู่หอพักที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน แน่นอน ฉันยังไม่ลืมพี่ว่ิวโดยง่าย ในหัวยังนึกภาพตอนพี่วิวมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น นึกภาพไปต่างๆนานา แม้ว่าพี่วิวบอกว่ายังมิใช่แฟน แต่การจับมือ คุยกันอย่างสนิท และบางจังหวะเหมือนทำท่จะหอมแก้มกัน ทำให้ฉันคิดไปเป็นอื่นไม่ได้ แล้วจากคืนเมื่อวาน ก็ไม่มีข้อความอะไรจากพี่วิวตอบกลับมาอย่างที่ฉันรอคอยอีกเลย
วันถัดมา ฉันยังคงเหมือนไร้สติ โลกรอบตัวหมุนจนไม่รู้ว่าจะทำอะไร พี่อร จึงโทร.ไปบอกที่ผับ ขอลาหยุดงานสองสามวัน เพื่อไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัด เพื่อพาฉันไปพักผ่อน คลายความเศร้าและความเครียดลง ในเวลานั้นพี่อรจะพาฉันไปไหน ฉันพร้อมยอมตกนรกหมกไหม้ด้วยอยู่แล้ว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ